ตอนที่ 398
เปลี่ยนตำแหน่ง
“รีบไป เร็วเข้า”องค์ชายอินสิงที่พึ่งได้ออกจากคุกพูดพลางวิ่งไปที่รถม้าของอาณาจักรตนเองอย่างเร่งรีบ โชคดีที่ตัวไป๋หลินไม่ได้มาส่งเพราะพึ่งเกิดเรื่องขึ้นไม่อย่างนั้นมันคงโดนปรสิตที่ฝังอยู่รัดคอแน่ๆ ยามนี้มันไม่ได้โดนพลังของราคะครอบงำทำให้มันเลือกชีวิตตนเองมากกว่าจะเลือกการได้อยู่ร่วมกับไป๋หลินเสียแล้ว
“ออกรถม้าเร็วๆ”อินสิงสั่งพลางบอกให้คนของตนเองรีบออกเดินทาง มันยังไม่อยากตาย หากบังเอิญไป๋หลินเดินออกมาให้มันเห็นเข้ามันคงตายทันทีแน่ๆ ตอนนี้มันอยากจะออกจากอาณาจักรไป๋ให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้
“องค์ชาย ทำไมท่านถึงรีบร้อนนักขอรับ พวกมันทำอะไรท่านกันแน่”ทหารที่มารับตัวองค์ชายอินสิงถามพลางมองใบหน้าซีดเซียวขององค์ชายด้วยท่าทีประหลาดใจ
“ไม่ ไม่มีอะไรทั้งนั้น ข้าแค่อยากกลับอาณาจักรอินเท่านั้น”อินสิงตอบพลางส่ายหน้าช้าๆ มันพูดอะไรไม่ได้ทั้งนั้น เพราะหากพูดมันก็จะตายอีกเช่นกัน
“ขอรับ”เหล่าทหารเห็นท่าทีขององค์ชายก็ไม่ค่อยเชื่อนัก แต่พวกมันก็ทราบความแข็งแกร่งของอาณาจักรไป๋ดี ต่อให้พวกมันทรมานองค์ชายแล้วยังไง อาณาจักรอินไม่มีกำลังพอจะมาโจมตีคืนอยู่แล้ว
“ท่าทางพลังเทวะปราบมารจะได้ผลนะขอรับ”ชิงชิวว่าพลางมองรถม้าของอินสิงที่กำลังแล่นออกไป แม้จะไม่ทราบว่าทำไมอินสิงถึงรีบร้อนนัก แต่มันก็ไม่มีท่าทีอยากจะอยู่กับไป๋หลินต่ออีกเลย
“ดีแล้วล่ะ ข้าเองก็ไม่อยากให้พลังของไป๋หลินทำร้ายผู้อื่นเลย”ไป๋จูเหวินตอบพลางยยิ้มออกมาบางๆ หากเรื่องมันจบลงแค่ไป๋หลินทำให้องค์ชายอินสิงเสียการควบคุมเท่านั้นก็คงไม่เป็นอะไรมาก
“ขอรับ ข้าเองก็คิดเช่นนั้น”ชิงชิวตอบพลางยิ้มออกมาเช่นกัน
“จริงสิ ข้าได้ข่าวว่าน้องชายของเจ้าเข้ามาทำงานในวังหลวงงั้นหรือ”ไป๋จูเหวินถามขณะเริ่มเดินหันหลังกลับเข้าไปในวังหลวง
“ขอรับองค์จักรพรรดิ ตอนนี้มันทำงานอยู่ที่หอตำราติดกับวังทองคำขอรับ”ชิงชิวตอบด้วยท่าทีประหม่า ไม่ทราบว่าองค์จักรพรรดิทำไมถึงพูดเรื่องน้องชายของมันขึ้นมา
“ข้าได้ยินว่าจินจื่อไปรบกวนน้องชายเจ้า เห็นมันมีความมสนใจเรื่องศึกษาตำราไม่น้อยเลย”หลังจากกลับมาไป๋จูเหวินก็ร่วมโต๊ะอาหารกับเหล่าอสูรก่อนที่ท่านน้าพยัคฆ์เมฆาจะพาพวกเด็กๆกลับไปเฝ้าที่เขตอสูรผาไร้ก้นตามเดิม เพราะก่อนหน้านี้ไป๋จูเหวินขอร้องมให้น้าเมฆามาช่วยดูแลวังหลวงให้ชั่วคราวเท่านั้น และเพราะวันรวมญาติครั้งนั้นทำให้ไป๋จูเหวินได้ทราบว่าจินจื่อถูกใจน้องชายของชิงชิวไม่น้อย ถึงกับบอกว่าเรียนหนังสือกับชิงจื่อแล้วสนุกดีเลยทีเดียว
“ขอรับ ชิงจื่อตั้งใจเรียนตั้งแต่องค์จักรพรรดิส่งเจ้าเมืองตนใหม่เข้ามาขอรับ”ชิงชิวยิ้มพลางเล่าเรื่องน้องชายของตนอย่างภาคภูมิใจ ก่อนจะมาเป็นอาณาจักรไป๋อย่างทุกวันนี้ทั้งชิงชิวและชิงจื่อต่างไม่มีโอกาสเรียนหนังสือเลยแม้แต่ตัวเดียว พวกมันรู้แต่เพียงว่าต้องทำงานหาเลี้ยงปากท้องคนในบ้านเท่านั้น แต่เพราะร่างกายของชิงจื่อไม่ได้แข็งแรงเท่าชิงชิว ทำให้มันทำงานได้น้อยกว่าชิงชิวมาก จนกระทั่งเจ้าเมืองที่เป็นอสูรถูกส่งมา ชิงจื่อก็เหมือนได้ค้นพบความสามารถของตนเองว่ามันนั้นเก่งเรื่องเรียนนั่นเอง มันจึงตั้งใจเรียนจนสามารถอ่านเขียนได้ก่อนชิงชิวเสียอีก
“พอพวกน้าเมฆากลับไป จินจื่อคงจะเหงาน่าดู ข้าอยากจะให้ชิงจื่อไปเป็นเพื่อนเรียนของจินจื่อเจ้าคิดว่าไง”ได้ยินที่องค์จักรพรรดิบอก ชิงชิวก็ได้แต่กะพริบตาปริบๆ ตำแหน่งบัณฑิตผู้ช่วยของขุนนางเฝ้าหอตำรามีอะไรน่าหวงแหนกันเมื่อเทียบกับตำแหน่งผู้ร่วมเรียนกับองค์หญิงจินจื่อ อีกอย่างผู้สอนหนังสือองค์หญิงจินจื่อยังเป็นตัวท่านจื่อหนิงเองอีกต่างหาก สำหรับชิงจื่อที่ชื่นชอบเรื่องหาความรู้แล้วนับว่าเป็นเรื่องดีมากเลยมีใช่หรือ
“ขอรับ ข้าคิดว่าน้องชายของข้าต้องดีใจแน่”ชิงชิวยิ้มอย่างยินดี แม้จะพูดได้ไม่เต็มปากว่าตำแหน่งนี้ชิงชิวไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ก็เป็นตำแหน่งที่ได้มาเพราะชิงจื่อดันไปสนิทกับองค์หญิงจินจื่อเองเท่านั้น รับรองว่าชิงจื่อจะมากล่าวหาว่าชิงชิวใช้เส้นสายเปลี่ยนงานให้มันไม่ได้
“ดี เช่นนั้นข้าฝากเจ้าไปบอกน้องชายของเจ้าด้วยก็แล้วกัน ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปให้มันเข้าเรียนหนังสือกับจินจื่อที่ค่ายของจื่อหนิงได้เลย”ไป๋จูเหวินยิ้มพลางตบบ่าชิงชิวเบาๆก่อนจะแยกตัวเข้าท้องพระโรงไปก่อน แม้จะไม่น่ากังวลนักแต่การจับตัวองค์ชายอินสิงเข้าคุกก็เป็นเรื่องที่เสี่ยงต่อความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรไป๋และอินมากทีเดียว ทำให้ไป่จูเหวินต้องเข้าประชุมต่อทันทีเมื่อส่งตัวอินสิงเรียบร้อยแล้ว
.
.
“องค์หญิง….”ขณะเดินไปหาชิงจื่อ ชิงชิวก็พบว่าไป๋หลินได้มารอมันที่ทางเดินเรียบร้อยแล้ว ท่าทางเรื่องของชิงจื่อนางเองก็ทราบแล้วเช่นกัน
“พี่ชิว ท่านยังไม่ลืมใช่ไหมว่าจะให้ข้าพบน้องชายท่านด้วย”ไป๋หลินยิ้มพลางเดินเข้ามาหาชิงชิวด้วยท่าทีร่าเริงคราวก่อนชิงชิวพาชิงจื่อไปพบไป๋หลินก็จริง แต่เพราะนางอยู่กับเหม่ยหลิน และมีแขกมาพบทำให้พาชิงจื่อเข้าพบไป๋หลินไม่ได้ แถมเช้าวันต่อมายังเกิดเรื่องอีกทำเอาวุ่นวายจนไม่ได้พาชิงจื่อไปพบนางเสียที
“แน่นอนขอรับ ข้าไม่ลืมอยู่แล้ว”ชิงชิวยิ้มพลางพาไป๋หลินไปที่หอตำราด้วยก้น
“พี่ชิว…”ระหว่างทางไปหอตำรา แม้จะไม่ไกลมากแต่ก็มีเวลามากพอให้พูดคุยเรื่องใดสักเรื่องได้อย่างเหลือเฟือเลยทีเดียว
“มีอะไรหรือขอรับองค์หญิง”ชิงชิวถามพลางยิ้มให้ไป๋หลิน แม้นางจะยิ้มแย้มเหมือนทุกที แต่ชิงชิวก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไป๋หลินดูไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่
“ท่านแน่ใจหรือเปล่าว่าพลังของราคะไม่มีผลกับท่าน”ไป๋หลินถามพลางหลบสายตาชิงชิวเล็กน้อย คำถามเช่นนี้ทำให้ชิงชิวโล่งใจนิดหน่อย นึกว่านางจะกังวลเรื่องที่เกิดขึ้นกับองค์ชายอินสิงเสียอีก
“ข้าได้ลองใช้พลังเทวะปราบมารกับองค์ชายอินสิงแล้ว มันทำให้ผลของราคะหายไปได้อย่างยอดเยี่ยมขอรับ”ชิงชิวตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังราวกับไม่ทราบความหมายที่ไป๋หลินพูดออกมา
“ข้ามั่นใจว่าพลังของราคะไม่มีผลอะไรกับข้าเลยแม้แต่น้อย”ชิงชิวพูดจบก็เลื่อนมือไปจับมือของไป๋หลินเอาไว้ ทางไปวังทองคำนั้นไม่ค่อยมีคน ทำให้ทางไปหอตำราข้างวังทองคำก็มีคนน้อยไปด้วย แถมชิงชิวยังสัมผัสถึงคนอื่นๆแถวนี้ไม่ได้อีกต่างหาก
“องค์หญิงไม่ต้องกังวลหรอก ความรู้สึกของข้านั้นไม่ได้รับผลกระทบจากราคะเลยแม้แต่น้อย”ชิงชิวพูดเสียงเบาพอให้ได้ยินกันเพียงแค่ 2 คน ทำให้ไป๋หลินอดที่จะหน้าแดงขึ้นมาไม่ได้
“ท่านต้องไปบอกข่าวน้องชายท่านไม่ใช่หรืออย่างไร”ไป๋หลินดึงมือตัวเองออกจากมือของชิงชิวด้วยท่าทีเขินๆก่อนจะเดินนำชิงชิวไปเสียอย่างนั้น
“ขอรับ”ชิงชิวยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะเดินจามไป๋หลินไปอย่างรวดเร็ว เห็นนางเขินจนทำตัวไม่ถูกแบบนี้ช่างเป็นภาพที่ชิงชิวชื่นชอบจริงๆ
“ท่านชิงชิว ยินดีต้อนรับขอรับ”ทันทีที่เดินเข้าไปในหอตำรา ขุนนางเฝ้าหอตำราก็รีบลุกขึ้นมาทักทายทันที ตั้งแต่มันทราบว่าชิงจื่อเป็นน้องชายของชิงชิวมันก็ไม่สั่งงานอะไรชิงจื่ออีกเลย ทำเอาชิงจื่อได้แต่นั่งว่างอยู่กลางหอตำราเท่านั้น
“ข้ามาขอพบชิงจื่อหน่อย”ชิงชิวว่าพลางเดินเข้าไปในหอตำรา ดูเหมือนชิงจื่อเองก็เห็นแล้วว่าชิงชิวมาหามันจึงลุกขึ้นเดินมาหาพี่ชายทันที
“พี่ชิว ท่านมาทำอะไรที่นี่งั้นหรือ”ชิงจื่อถามพลางมองไปด้านหลังชิงชิว พริบตาแรกที่มันมองเห็นไป๋หลิน มันต้องใช้สมองคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าเหตุใดเทพธิดาถึงลงมาอยู่ที่นี่ได้ แต่เมื่อคิดดูดีๆมันก็จำได้เสียทีว่านางคือไป๋หลินบุตรสาวขององค์จักรพรรดินั่นเอง
“อย่างที่บอกไง ข้ามีคนอยากให้เจ้าพบ”ชิงชิวว่าพลางผายมือไปทางไป๋หลิน
“องค์หญิงไป๋หลิน เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบขอรับ”ชิงจื่อก้มตัวลงคุกเข่าทันทีเมื่อไป๋หลินเดินเข้ามาใกล้
“ลุกขึ้นมาเถอะ”ไป๋หลินพูดพลางประคองไหล่ของชิงจื่อเอาไว้ ทำให้ชิงจื่อต้องลุกขึ้นยืนตามเดิม แต่ขุนนางเฝ้าหอตำรากลับไม่กล้าลุกขึ้นตามเสียอย่างนั้น
“พี่ชิว นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมองค์หญิงถึงอยากพบข้าล่ะ”ชิงจื่อไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น มันได้แต่หันไปหาชิงชิวเพื่อเค้นคำตอบเท่านั้น
“พี่ชิวเล่าเรื่องเจ้าให้ข้าฟังบ่อยๆ ข้าก็เลยอยากจะเห็นเจ้าตัวจริงสักครั้งเท่านั้นเอง”ไป๋หลินยิ้มหวานพลางจัดเสื้อของชิงจื่อให้เข้าที่ ความใกล้ชิดเช่นนี้ทำเอาชิงจื่อประหม่าจนแทบจะตาลาย ไม่ใช่แค่เรื่องความงามขององค์หญิงเท่านั้น ตัวตนของนางสำหรับประชาชนแล้วเหมือนดั่งบุตรสาวของเซียนผู้มาโปรดเลยทีเดียว มันค่อนข้างจะสูงส่งเกินไปสำหรับคนธรรมดาอย่างชิงจื่อ
“พี่ชิวสนิทสนมกับองค์หญิงมากเลยหรือขอรับ”ชิงจื่อถามพลางด้วยท่าทีสั่นๆ การที่ชิงชิวสามารถเล่าเรื่องตนเองให้องค์หญิงฟังได้ แสดงว่าพวกมันต้องสามารถพูดคุยกับองค์หญิงได้ราวกับเรื่องธรรมดาเลยมิใช่หรือ
“ข้ายังไม่ได้บอกสินะ จริงๆแล้วข้าเป็น….”ชิงชิวกำลังจะบอกว่าตนเองเป็นองครักษ์ส่วนตัวของไป๋หลิน แต่ตัวไป๋หลินกลับดึงแขนเสื้อของชิงชิวเอาไว้ก่อน
“พี่ชิวกับข้า…เป็น……”ไป๋หลินพูดด้วยท่าทีลำบากใจ ตอนนี้ทุกคนเหมือนจะรู้กันหมดแล้ว นางเองก็ไม่ทราบจะปิดบังไปทำไม เพียงแต่ตัวนางยังไม่เคยพูดออกมาจากปากตัวเองเลยเท่านั้น
“พวกเราเป็น…คนรักกัน”ไป๋หลินพูดออกมาด้วยใบหน้าเขินอายอย่างมาก ไม่นึกเลยว่าไป๋หลินจะมาบอกเอาต่อหน้าน้องชายของชิงชิวตอนนี้ ทำให้ชิงชิวเองก็ประหลาดใจไม่แพ้ชิงจื่อเลย
“อะไรนะ องค์หญิงจะบอกว่าท่านกำลังคบหากับพี่ชายของข้า”ชิงจื่อพูดเสียงดังจนเหมือนตะโกน มันตกใจมากๆจริงๆกับเรื่องที่ได้ยิน แน่นอนว่าไม่ใช่แค่มันที่ตกใจ แม้แต่ขุนนางเฝ้าหอตำรายังถึงกับเงยหน้าพรวดขึ้นมาทันที
“องค์หญิง…”ชิงชิวที่อยู่ข้างๆมองมาทางไป๋หลินด้วยสายตาเหมือนไม่อยากจะเชื่อ ตั้งแต่เริ่มรู้ใจของกันและกัน ไป๋หลินก็พยายามจะปิดเรื่องนี้เป็นความลับมาตลอด แต่ชิงชิวนั้นตรงกันข้าม มันอยากจะบอกเรื่องนี้ให้ทุกๆคนทราบ มันจะได้คบหาไป๋หลินอย่างเปิดเผยเสียที แต่เพราะมันไม่อยากทำให้ไป๋หลินไม่สบายใจมันเลยยอมปิดเป็นความลับมาตลอด ทำให้คนที่ดีใจที่สุดตอนนี้คงหนีไม่พ้นชิงชิวนี่เอง
“ช่วยไม่ได้นี่นา ทุกคนเหมือนจะรู้กันหมดแล้ว แถมชินอี้ก็เห็นแล้วด้วย”ไป๋หลินหลบสายตาชิงชิวเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรหรอกขอรับ ทุกคนจะต้องยอมบรับอย่างแน่นอน”ชิงชิวยิ้มพลางเลื่อนมือไปจับมือของไป๋หลินเอาไว้อย่างไม่ต้องเกรงใจสายตาผู้ใดอีกแล้ว
“เช่นนั้นพี่ชิว…ท่านต้องไปบอกเรื่องของเรากับท่านพ่อท่านแม่นะเข้าใจไหม”ไป๋หลินพูดพร้อมยิ้มบางๆออกมา แม้จะยังกังวลเรื่องชินอี้อยู่ แต่การได้เปิดเผยความรู้สึกของตนเองเสียทีก็ทำให้ไป๋หลินโล่งใจจริงๆ
“ขอรับ แน่นอน”ชิงชิวว่าพลางยิ้มกว้าง มันแทบอยากจะรีบไปรายงานเรื่องนี้ให้องค์จักรพรรดิทราบทันทีเสียด้วยซ้ำ
.
.
“เสด็จพ่อ”อีกด้านหนึ่งในขณะที่ชิงชิวกำลังอยากจะพบไป๋จูเหวินให้ได้ ที่เบื้องหน้าไป๋จูเหวินยามนี้กลับมีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาพบไป๋จูเหวินตัดหน้าชิงชิวเสียก่อน
“ชินอี้ ลูกมีอะไรงั้นหรือ”ไป๋จูเหวินถามด้วยความสงสัย หากเรียกมันว่าพ่อแล้วจะมีใครอีกนอกจากชินอี้และไป๋หลิน
“ข้ามีเรื่องอยากจะขอท่านพ่อขอรับ”ชินอี้พูดพลางยิ้มออกมา
“เรื่องอะไรกัน เจ้าถึงได้มาหาข้าถึงที่นี่”ไป๋จูเหวินถามด้วยท่าทีประหลาดใจ หรือจะเป็นเรื่องด่วนมากชินอี้ถึงได้มาเข้าพบไป๋จูเหวินกลางท้องพระโรง ทั้งๆที่หากมันรอจนไป๋จูเหวินเลิกประชุมมันก็จะสามารถพูดคุยกับไป๋จูเหวินได้ตามลำพังได้สบายแท้ๆ
“เสด็จพ่อ ข้าอยากจะขอตัวพี่ชิงชิวมาเป็นอรักษ์ของข้าได้หรือไม่”ชินอี้พูดพลางยิ้มออกมา ถึงอย่างไรมันก็เป็นบุตรชายของไป๋จูเหวิน หากมันเอ่ยขอละก็ไป๋จูเหวินต้องไม่ห้ามแน่ๆ…