ตอนที่ 445
ทำตามที่สั่งเสีย
กึก….แม้เจ้าสำนักผลาญสุริยันจะดึงทวนในมือจูล่งเต็มแรงหมายจะกระชากทวนของจูล่งออกมาจากมือของมันในพริบตา แต่ทันทีที่ออกแรงดึงมันกลับพบว่ามันไม่สามารถดึงทวนออกมาได้แม้แต่น้อย
“เจ้าเล่นอะไร”เจ้าสำนักผลาญสุริยันถามพลางมองไป๋จูล่งด้วยท่าทีไม่ชอบใจนัก
“ท่านเจ้าสำนัก โปรดใจเย็นก่อนเจ้าค่ะ”เจ้าสำนักจันทร์กระจ่างใจหายวาบที่เห็นเจ้าสำนักผลาญสุริยันลงมือทำอะไรโดยไม่คิด มันนึกจะชิงของคนอื่นก็ชิงช่างเป็นคนไร้มารยาทจริงๆ หากไม่ใช่เพราะมันเป็นเจ้าสำนักรุ่นที่ 3 ของสำนักผลาญสุริยันที่มีชนชั้นยอดฝีมือถึง 6 คนละก็นางคงปล่อยให้มันหาที่ตายได้ตามใจชอบไปแล้ว
“น้องชาย เจ้าอย่าได้ถือสาเลยนะ ท่านเจ้าสำนักเพียงหยอกล้อเจ้าเล่นเท่านั้นเอง”เหล่าลี่เห็นเจ้าสำนักจันทร์กระจ่างหันไปไกล่เกลี่ยกับเจ้าสำนักผลาญสุริยันตัวนางเองก็หันไปหาไป๋จูล่งหมายจะทำให้มันใจเย็นลงทันที ตัวนางเองเป็นศิษย์เอกของสำนักจันทร์กระจ่าง การที่เจ้าสำนักผลาญสุริยันมาในครั้งนี้ก็เพื่อพาตัวนางและศิษย์อีก 2 คนไปเข้าร่วมสำนักผลาญสุริยันนั่นเอง นางจึงต้องไว้หน้าท่านเจ้าสำนักมากทีเดียว
“ไม่เห็นต้องหยอกล้อกันเลยนี่ขอรับ”จูล่งว่าพลางส่ายหน้าช้าๆ
“ข้าคงให้ทวนเล่มนี่กับพี่ชายไม่ได้ แต่ข้าให้ท่านยืมไปเชยชมได้ขอรับ”จูล่งว่าพลางยื่นทวนในมือของตนให้กับเจ้าสำนักผลาญสุริยันด้วยท่าทีใจดี ทำให้เจ้าสำนักผลาญสุริยันยิ้มออกมา ให้ยืมงั้นหรือ คิดหรือว่าพอของอยู่ในมือมันแล้วมันจะคืน…
“ดี”เจ้าสำนักผลาญสุริยันว่าพลางยื่นมือไปข้างหน้าเพื่อรับทวนของจูล่งมา เพียงแต่…
ตูม! ทันทีที่จูล่งทิ้งทวนลงบนมือของเจ้าสำนักผลาญสุริยัน แทนที่เจ้าสำนักผลาญสุริยันจะจับทวนเล่มนั้นเอาไว้มันกลับทำตกพื้นจนเกิดเสียงดังสนั่นเสียอย่างนั้น
“………”เจ้าสำนักผลาญสุริยันเบิกตากว้างด้วยท่าทีตกใจ เมื่อครู่มันไม่ได้รับพลาดหรือปล่อยหลุดมือแต่อย่างไร เพียงแต่ทันทีที่ทวนเล่มนี้ตกลงถึงมือของมัน น้ำหนักของตัวทวนก็แทบจะหักมือของเจ้าสำนักผลาญสุริยันทำให้มันไม่สามารถถือทวนเล่มนี้เอาไว้ได้
“บ้าอะไรวะ”เจ้าสำนักผลาญสุริยันก้มลงจับทวนที่อยู่บนพื้น ด้วยกำลังธรรมดาของมันไม่สามารถขยับทวนได้เลยเสียด้วยซ้ำ ทำให้มันต้องเร่งพลังวิญญาณขึ้นมาหมายจะยกทวนขึ้น เพียงแต่…
กึก….เจ้าสำนักผลาญสุริยันใช้กำลังจนสุดแรงก็ทำได้เพียงงัดด้ามทวนขึ้นมาได้เพียงไม่กี่สิบเซ็นเท่านั้น แค่จะตั้งทวนให้ตรงยังทำไม่ได้
“นี่มันอะไรกัน”เจ้าสำนักผลาญสุริยันอึ้งไปทันที วัตถุชิ้นขนาดนี้ทำไมถึงได้มีน้ำหนักมหาศาลนัก มันใช้แร่ชนิดใดและวิธีการใดทำขึ้นมากันแน่ถึงได้หนักถึงเพียงนี้
“ตอนแรกมันก็หนักนิดหน่อยนะขอรับ แต่ถ้าถือไปเรื่อยๆก็ชินเอง”ไป๋จูล่งว่าพลางยิ้มออกมาบางๆ จริงๆแล้วผลงานชิ้นนี้ของน้าราชสีห์สมควรเป็นผลงานที่ผิดพลาดเสียด้วยซ้ำ มันพยายามรวมแร่ต่างๆที่มีความแข็งแกร่งอย่างมากมารวมกันเป็นอาวุธชิ้นเดียว นอกจากจะทำยากแล้วผลลัพธ์ที่ออกมายังทำให้อาวุธมีน้ำหนักมากจนน่าตกใจ ชนิดที่ว่าหากเป็นจิ้งจอกเหมันต์ที่ไม่ได้ฝึกฝนพลังกายมากนักยังยกแทบไม่ขึ้น แม้จะได้ความแข็งแกร่งขั้นสุดยอดแต่ด้วยน้ำหนักของมันคงไม่มีใครใช้สะดวกนัก ราชสีห์เพลิงจึงคิดจะทิ้งอาวุธที่ใช้วิธีนั้นทำขึ้นมาไปเสีย แต่ใครจะไปคิดว่าไป๋จูล่งจะไปหยิบมันมาแล้วควงเล่นอย่างกับอาวุธธรรมดา
“แล้วไง”เจ้าสำนักผลาญสุริยันว่าพลางเก็บเอาทวนของจูล่งเข้ามิติของตนไป ต่อให้ใช้ไม่ได้ แต่อาวุธวิเศษระดับนี้ต้องทำเงินได้มหาศาลแน่นอน อย่างมากมันก็ขายให้กับพวกชอบสะสมอาวุธซะก็สิ้นเรื่อง
“พี่ชาย ข้าบอกแล้วไงว่าข้ายกให้ท่านไม่ได้”จูล่งว่าพลางเดินเข้ามาหาเจ้าสำนักผลาญสุริยันอย่างรวดเร็วก่อนจะใช้มือแทงวาบเข้าไปใส่เจ้าสำนักผลาญสุริยันทันที
“….”เจ้าสำนักผลาญสุริยันเตรียมจะตอบโต้การโจมตีของไป๋จูล่ง แต่ก่อนที่มือของไป๋จูล่งจะเข้ามาถึงร่างของมัน มือของไป๋จูล่งกลับมุดหายเข้าไปในช่องมิติที่อยู่เบื้องหน้าเจ้าสำนักผลาญสุริยันเสียอย่างนั้น
วูบ… ทวนที่ถูกเก็บเข้ามิติของเจ้าสำนักผลาญสุริยันถูกดึงออกมาในทันที ก่อนที่จูล่งจะเอาไปถือเอาไว้เหมือนเป็นอาวุธไร้น้ำหนักเช่นเดิม
“…….”วิชาแทรกแซงมิติของผู้อื่นเช่นนี้เป็นวิชาที่หาชมได้ยาก แม้แต่ในอาณาจักรไป๋หรืออู๋ก็มีผู้ใช้งานได้ไม่มาก ยิ่งเป็นอาณาจักรแถบนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง พวกมันแทบจะไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่ามีวิชาเช่นนี้อยู่ด้วย
“เจ้าทำอะไร”เจ้าสำนักผลาญสุริยันแสดงท่าทีไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน ตนเองชิงของผู้อื่นมาไม่เคยโดนผู้อื่นกระทำเช่นนี้ตอบกลับ แต่ก่อนมันเป็นบุตรชายของเจ้าสำนัก ไม่มีใครกล้าต่อว่า ยามนี้มันขึ้นเป็นเจ้าสำนักเองยิ่งแล้วใหญ่ ต่อให้มันลงมือชิงของได้น่าเกลียดเพียงไร แต่ก็ไม่เคยมีใครต่อว่ามันหรือชิงของคืนเช่นนี้มาก่อน
“ท่านเจ้าสำนัก ใจเย็น….”ยังไม่ทันห้ามปรามจบเจ้าสำนักจันทร์กระจ่างก็โดนหมัดของเจ้าสำนักผลาญสุริยันเหวี่ยงใส่ร่างจนถอยออกไปหลายก้าว
“ส่งมันมาให้ข้า”เจ้าสำนักผลาญสุริยันว่าพลางเรียกดาบออกมาจากมิติของตนเอง เพียงพริบตาเดียวพลังวิญญาณของมันก็เข้าไปรวมกันที่ดาบพร้อมเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ขึ้นมาราวกับกำลังจะหลอมดาบเล่มนั้นให้ละลายไม่มีผิด
เปรี้ยง!! ดาบของเจ้าสำนักผลาญสุริยันย่อมไม่ใช่ดาบธรรมดา มันเป็นอาวุธวิเศษเลื่องชื่อที่ทนความร้อนได้มากถึงขั้นโยนลงปล่องภูเขาไฟยังไม่ละลาย มันจึงเป็นดาบที่เหมาะกับสำนักผลาญสุริยันที่ใช้วิชาธาตุเพลิงเป็นอย่างมาก เพียงแต่น่าเสียดาย ผิวหนังของไป๋จูล่งปกคลุมไปด้วนเกราะแมงมุมที่สืบทอดมาจากพลังของอสูรแมงมุม เกราะนี้สร้างความลำบากให้กับเหล่าอสูรและมนุษย์ทั่วแผ่นดินมาแล้ว แม้แต่อาวุธมารที่แข็งแกร่งจนน่ากลัวอย่างดาบมรกตยังไม่อาจสร้างรอยขีดข่วนได้ มีหรืออาวุธวิเศษชั้นนี้จะทำอะไรได้
“พี่ชาย ทำไมท่านงอแงเช่นนี้กัน”จูล่งส่ายหน้าพลางปล่อยดาบที่ตนจับเอาไว้ไป มันก็เคยเป็นเด็กมาก่อนเข้าใจความรู้สึกอยากได้ของบางอย่างมากๆอยู่ แต่ของชิ้นนี้เป็นของที่ท่านน้ามอบให้ ต่อให้อีกฝ่ายลงไปนอนร้องไห้บนพื้นมันก็ยกให้ไม่ได้จริงๆ
“เจ้าว่าอะไร…”เจ้าสำนักผลาญสุริยันหน้าแดงขึ้นมาทันทีด้วยความโกรธ เจ้าหนูนี่มันหาว่ามันกำลังงอแงเหมือนเด็กๆงั้นหรือ
“ข้า….”ไป๋จูล่งยังไม่ทันได้ตอบอะไร เจ้าสำนักผลาญสุริยันก็ฟาดดาบลงมาอีกรอบ
เคร๊ง!! ไป๋จูล่งถือทวนอยู่ในมือเลยเอาทวนปัดไปที่ดาบของอีกฝ่าย แต่ด้วยกำลังที่ใช้เคลื่อนอาวุธน้ำหนักขนาดนี้ย่อมต้องมหาศาลทำให้ทันทีที่ทวนกระแทกเข้ากับดาบของอีกฝ่ายมันก็ปัดเอาดาบของเจ้าสำนักผลาญสุริยันหักลงแทบจะทันที
“อะ…”จูล่งสะดุ้งวาบทันที มันช่างสะเพร่าจริงๆ นี่มันทำอาวุธผู้อื่นพังเป็นรอบที่ 3 แล้วนะ
“……”เจ้าสำนักผลาญสุริยันหน้าซีดเผือด นอกจากชิงอาวุธไม่ได้แล้ว อาวุธที่สืบทอดกันมาตั้งแต่เจ้าสำนักรุ่นแรกยังพังอีกต่างหาก ดาบของมันเป็นดาบที่ทนความร้อนได้มหาศาล วิธีการหลอมขึ้นมายังไม่มีใครไขได้ ทำให้การสร้างใหม่เป็นไปไม่ได้ แม้แต่จะซ่อมแซมก็คงเป็นไปไม่ได้เช่นกัน
“เอ่อ….ข้าจะหามาใช้นะขอรับ”จูล่งว่าพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา
“เจ้า…”เจ้าสำนักผลาญสุริยันเลือดขึ้นหน้าพุ่งเข้าโจมตีจูล่งไม่ยั้งทันที เพียงแต่จูล่งเปลี่ยนดวงตาตนเองเป็นสีเงินก็หลบการโจมตีของอีกฝ่ายได้จนหมดในพริบตาอยู่แล้ว
ยามนี้คนที่ลำบากใจที่สุดคงหนีไม่พ้นเจ้าสำนักจันทร์กระจ่างและเหล่าลี่เพราะชะตาชีวิตตนเองยังต้องฝากฝังท่านเจ้าสำนักผู้ทำตัวเหมือนเด็กผู้นี้อยู่ดี
“จูล่ง น้องทำอะไรอยู่งั้นหรือ”อยู่ๆที่หน้าประตูสำนักก็มีร่างของคนกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นมา หนึ่งคือไป๋หลินพี่สาวของจูล่ง และอีกหนึ่งก็คือชิงชิวนั่นเอง
“พี่สาว..ข้าแค่เอากระบี่มาคืนให้พี่เหล่าลี่เท่านั้นเองขอรับ”จูล่งว่าพลางกระโดดถอยออกมาจากเจ้าสำนักผลาญสุริยัน
“แต่ข้าไม่เห็นเป็นแบบนั้นเลยนะ”ไป๋หลินว่าพลางมองไปที่เจ้าสำนักผลาญสุริยัน ไม่ว่าจะดูยังไงก็เหมือนกำลังโดนไล่โจมตีชัดๆ
“พี่ชายท่านนั้นมันอยากได้อาวุธของข้ามากขอรับ ก็เลยตามตื๊อให้ได้”จูล่งตอบด้วยท่าทีลำบากใจ ทำให้ไป๋หลินเปลี่ยนท่าทีทันที
“เจ้าต้องการอาวุธของน้องชายข้า….”ไป๋หลินถามพลางมองไปทางเจ้าสำนักผลาญสุริยัน
“ใช่แล้วจะทำไม”เจ้าสำนักผลาญสุริยันว่าพลางปล่อยพลังวิญญาณออกมาหมายจะข่มไป๋หลินเสียให้กลัวหัวหด
“ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริงๆ”ไป๋หลินมองไปทางจูล่ง เพราะจูล่งซ่อนพลังเอาไว้ตลอดเลยโดนคนอื่นหาเรื่องอยู่เรื่อยๆ แต่ถ้าจูล่งเผยพลังออกมาเกรงว่าจะไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เสียด้วย ทำให้ไป๋หลินเลือกที่จะปล่อยพลังของตนออกมาแทน
วูบ…พลังระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 5 ก็มากพอแล้วที่จะข่มเจ้าสำนักผลาญสุริยน แม้จะมียอดฝีมือจำนวนมากในสำนักแต่เทียบกับคนระดับเจ้าสวรรค์แล้วนับว่ายังห่างไกลอยู่มาก
“เจ้า….”เจ้าสำนักผลาญสุริยันสะท้านวาบ ไม่นึกว่าจะมีแข็งแกร่งระดับนี้อยู่ด้วย
“เจ้าเป็นใครกันถึงกล้าเสียมารยาทกับนาง”ไป๋หลินยังไม่ทันพูดอะไร อยู่ๆชายคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังไป๋หลินก็แทรกตัวออกมาเสียก่อน
“ท่านเจ้าเมือง……”เจ้าสำนักจันทร์กระจ่างสะดุ้งวาบ ไม่นึกว่าพี่สาวของจูล่งจะพาเจ้าเมืองมาด้วย
“เจ้ารู้หรือไม่ว่านางเป็นใคร กล้าเสียมารยาทงั้นหรือ”เจ้าเมืองพูดพลางมองไปทางเจ้าสำนักผลาญสุริยนด้วยท่าทีไม่พอใจ
“แล้วนางเป็นใครเล่า”เจ้าสำนักผลาญสุริยันถาม ตำแหน่งเจ้าเมืองเล็กๆแบบนี้ไม่ทำให้เจ้าสำนักผลาญสุริยันกลัวแม้แต่น้อย
“ใครบอกให้เจ้าพูด”ไป๋หลินพูดพลางมองมาทางเจ้าเมืองด้วยท่าทีตำหนิ นางอยู่ต่อหน้าไป๋จูล่งจะประกาศฐานะของนางออกมาได้ยังไง
“ขะ ขอรับ ข้าขออภัยด้วย”ท่านเจ้าเมืองสะท้านวาบพลางประสานมือก้มหัวผงกๆให้กับไป๋หลินทันที ทำเอาเจ้าสำนักผลาญตะวันเริ่มมีท่าทีงุนงง ทำไมมันถึงเกรงใจไป๋หลินถึงเพียงนี้
“ท่านเจ้าเมือง ท่านยังต้องไปกราบขอขมาเจ้าสำนักคร่าตะวันอีก รีบไปกันได้แล้ว ส่วนเจ้าก็เลิกยุ่งกับน้องชายข้าได้แล้ว”ไป๋หลินว่าพลางมองมาทางเจ้าเมืองด้วยท่าทีกดดัน เพราะเรื่องจับตัวเจ้าสำนักคร่าตะวันไป ไป๋หลินเลยไปจัดการเรื่องนี้ที่จวนเจ้าเมืองในทันที ไม่ต้องใช้กำลังอะไรทั้งนั้น เพราะอาณาจักรแถบนี้ต่างต้องอาศัยเศษเสี้ยววิทยาการของอาณาจักรไป๋เพื่อพัฒนาบ้านเมืองอยู่ แม้แต่จักรพรรดิของอาณาจักรอื่นๆยังต้องเกรงใจเจ้าเมืองสักเมืองของอาณาจักรพันธมิตรของอาณาจักรไป๋เลยทีเดียว แม้ไป๋จูเหวินจะหนีออกมาแล้ว แต่หลิวเมิ่งก็ไม่เคยประกาศล้มล้างราชวงศ์ไป๋ ไม่เปลี่ยนชื่ออาณาจักร และครองบัลลังก์ในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนเท่านั้น นับกันตามจริงก็คือ ไป๋หลินยังคงเป็นองค์หญิงอยู่ แต่เรื่องในครั้งนี้แค่ตำแหน่งคุณหนูแห่งกลุ่มนักล่าอสูรก็เพียงพอแล้วที่จะข่มคนของอาณาจักรนี้
“เจ้าน่ะ ฟังให้ดี…..”เจ้าเมืองเห็นเจ้าสำนักผลาญสุริยันยังมีท่าทีไม่ยินยอมก็เลยหันไปกระซิบข้างๆหูมันเพื่อบอกฐานะของไป๋หลิน ทันทีที่ได้ฟังใบหน้าของเจ้าสำนักผลาญสุริยันก็ซีดลงเรื่อยๆ
“จูล่ง กลับกันเถอะ พี่อยากเจอท่านพ่อจะแย่อยู่แล้ว”ไป๋หลินว่าพลางพาไป๋จูล่งออกมาจากสำนักโดยไม่มีใครคิดจะห้ามแม้แต่คนเดียว
“เดินทางปลอดภัยนะขอรับ ไม่ทราบคุณหนูอยากให้ข้าไปส่งหรือไม่”เจ้าสำนักผลาญสุริยันว่าพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา มันก้มตัวอย่างกับกลัวว่าความสูงของมันจะทำให้ไป๋หลินไม่พอใจเลย
“ธุระไม่ใช่ ไม่ต้องมายุ่งกับพวกเรา”ไป๋หลินว่าพลางมองไปทางเจ้าสำนักผลาญสุริยัน
“ขอรับ ข้าน้อยทราบแล้ว”เจ้าสำนักผลาญสุริยันยิ้มออกมาอย่างกับกำลังโดนชม ก่อนจะถอยไปยืนอยู่กับพวกเจ้าสำนักจันทร์กระจ่างด้วยท่าทีเจี๋ยมเจี้ยมต่างจากก่อนหน้านี้เป็นคนละคน
“ท่านเจ้าเมือง ท่านรีบตามมาได้แล้ว”ไป๋หลินเห็นเจ้าเมืองไม่ตามมาเสียทีก็ออกปากเรียก ทำเอาเจ้าเมืองสะดุ้งโหยงรีบเดินตามต้อยๆราวกับสุนัขโดนเจ้าของเรียกไม่มีผิด ส่วนเถ้าแก่อู้ต๋งนะหรือ ทันทีที่ทราบตำแหน่งของไป๋หลินเจ้าเมืองก็จับมันเข้าคุกไปแล้ว