ตอนที่ 456
ทางเดียวกัน
เปรี้ยง!! ราวกับมีสายฟ้าสายหนึ่งฟาดลงมากลางลานวัดไม่มีผิด แต่สิ่งที่ปรากฏกลับเป็นร่างของอู๋หมิงที่พึ่งเดินทางมาถึงพอดีนั่นเอง มันไม่จำเป็นต้องใช้อสูรพาหนะหรือรถไฟแต่อย่างไร ตัวมันเพียงใช้พลังธาตุสายฟ้าก็สามารถเดินทางไปได้ทุกที่ตามที่ใจต้องการแล้ว
“ไม่ได้พบกันนานเลย”อู๋หมิงยิ้มพลางมองไปที่หยงเวยและไป๋หลิน ทันทีที่เทียนหมิงโทรไปบอกตัวอู๋หมิงก็เดินทางกลับมาทันที ถึงกับบอกให้หยุนฟางตามมาทีหลังแล้วตนเองล่วงหน้ามาก่อนเลยทีเดียว
“อืม หลายปีแล้ว ท่าทางเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นสินะ”หยงเวยว่าพลางมองไปทางอู๋หมิง ช่วงหลังมานี้อู๋หมิงไม่ต้องแบกรับภาระขององค์จักรพรรดิแล้วทำให้มันกับภรรยาออกท่องเที่ยวฝึกฝนวิชากันได้อย่างเต็มที่ ยามนี้อู๋หมิงมีระดับพลังถึงขั้นเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 9 แล้ว สำหรับคนธรรมดาๆที่ไม่มีทั้งพลังมารทั้งพลังอสูร อู๋หมิงนับเป็นชายที่แข็งแกร่งที่สุดแล้วเท่าที่หยงเวยรู้จัก ถ้าไม่เจออสูรระดับบรรพกาลขั้นที่ 10 หรือปะทะกับพวกไป๋จูเหวินเข้าก็ไม่มีทางแพ้ง่ายๆแน่นอน ส่วนจูล่งนั้นเอาออกจากตารางไปได้เลย เจ้าหนูนั่นเอามาเทียบกับคนอื่นไม่ได้หรอก
“ส่วนเจ้าดูอ่อนแอลงนะ”อู๋หมิงว่าพลางยิ้มออกมา มันไม่ได้ดูถูกหยงเวยแต่อย่างไร แต่เพราะมันสัมผัสพลังวิญญาณจากหยงเวยได้ต่างหาก
“ยินดีด้วย”อู๋หมิงยิ้มออกมาอย่างจริงใจ มันทราบดีว่าพลังมารสร้างบาดแผลให้ทั้งไป๋หลินและหยงเวยมามากมายแค่ไหน เท่านี้ทั้งสองก็คงใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจมากขึ้น
“ไม่ต้องมายินดงยินดีเลย เดี๋ยวข้าก็ตามเจ้าทันแล้ว”หยงเวยว่าพลางยิ้มออกมา ยามนี้มันไม่มีพลังมาร ไร้ซึ่งอาวุธมาร นับว่ากำลังรบโดยรวมลดลงไปมาก จะเทียบกับอู๋หมิงผู้เป็นเจ้าแห่งอัสนีคงจะยากเต็มที แต่ไม่ทราบทำไมคำพูดที่บอกว่าจะตามอู๋หมิงให้ทันนั้นกลับฟังดูน่าเชื่อถือเสียเหลือเกิน
“อดีตองค์จักรพรรดิ….ไม่ได้พบกันนานนะขอรับ”ชิงชิวว่าพลางเดินเข้าไปหาอู๋หมิง ตัวอู๋หมิงนั้นก็เป็นหนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์ของชินอี้เช่นกัน และมันยังเป็นคนที่เห็นใกล้ที่สุดด้วยเพราะตัวอู๋หมิงนั้นเป็นคนที่พยายามเข้าไปขวางนั่นเอง ทำให้ภาพตอนชิงชิวสังหารชินอี้ไปนั้นมันเป็นผู้ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดเลยก็ว่าได้
“ไม่ได้พบกันนาน ข้าดีใจที่เห็นเจ้ายังแข็งแรงดี”อู๋หมิงตอบพลางตบบ่าชิงชิวเบาๆ ตัวมันก็ทราบเช่นกันว่าทำไมชิงชิวถึงลงมือทำเรื่องเช่นนั้นลงไป แม้แต่ไป๋จูเหวินยังให้อภัยได้ตัวมันที่ไม่ใช่พ่อแท้ๆของชินอี้ก็ไม่คิดจะถือสาอะไรอีก
“ขอรับ”ชิงชิวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ท่าทางเรื่องในวันนั้นจะไม่ต้องพูดถึงกันอีกแล้ว
“แล้วนั่น….ใครกัน”อู๋หมิงถามพลางมองไปทางไป๋จูล่ง ในกลุ่มนี้มีเพียงจูล่งผู้เดียวเท่านั้นที่อู๋หมิงไม่เคยเห็นหน้า แม้หน้าตาของมันจะคล้ายไป๋จูเหวินกับเหม่ยหลินอยู่ก็ตาม แต่เส้นผมสีขาวนั่นอะไรกัน หรือมันจะเป็นมังกรแบบไป๋ไป่?
“ท่านลุง มันคือไป๋จูล่งเจ้าค่ะ เป็นน้องชายของข้าเอง”ไป๋หลินว่าพลางผายมือไปทางไป๋จูล่งช้าๆ
“ไป๋จูล่ง…ดี ดีจริงๆ”อู๋หมิงยิ้มพลางเดินเข้าไปหาหลานชายช้าๆ
“หลานชายจูล่ง ลุงชื่ออู๋หมิงเป็นทั้งญาติและสหายของบิดาเจ้า ยินดีที่ได้รู้จัก”อู๋หมิงแนะนำตัวช้าๆพลางมองจูล่งอย่างพิจารณา หากเปลี่ยนเส้นผมสีขาวเป็นสีดำเสียมันก็คล้ายไป๋จูเหวินไม่น้อยเลย
“ยินดีที่ได้พบขอรับท่านลุง”จูล่งประสานมือก้มหน้าลงอย่างอ่อนน้อมทำให้อู๋หมิงยิ้มและตบลงที่บ่าของมันเบาๆ
“หลานชาย ท่าทางเจ้าหน่วยก้านไม่เลว ฝึกฝนถึงขั้นไหนแล้วล่ะ”อู๋หมิงถามพลางเพ่งมองจูล่งน้อยๆ ไม่ใช่ว่าพลังธาตุของเด็กคนนี้เป็นพลังธาตุสายฟ้าหรอกหรือ…
“หึหึ หน่วยก้านไม่เลวอะไรกัน เด็กคนนั้นต่อให้เจ้ากับข้าสมัยก่อนช่วยกันรุมยังเอาชนะไม่ได้เลยมั้ง”หยงเวยหัวเราะออกมา เพราะเจ้าจางหลงอะไรนั่นมีพลังเทียบเท่าคนระดับเจ้าสวรรค์ 7 คนรวมกันยังโดนแทงทีเดียวถึงกับดาวดิ้น หากเป็นหยงเวยกับอู๋หมิงที่ยังระดับไม่ถึงเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 10 เลยด้วยซ้ำคงต้านไม่ไหวหรอก
“ฮะ…เจ้าพูดจริงงั้นหรือ”อู๋หมิงมีสีหน้างุนงงออกมาอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่ไป๋จูเหวินเองหยงเวยก็คงไม่พูดถึงขนาดนี้แน่ๆ พวกมันต่างรู้วิชาของไป๋จูเหวินดีเช่นเดียวกับไป๋จูเหวินรู้วิชาของพวกมัน หากให้พวกมัน 2 คนรุมไป๋จูเหวินก็ใช้ว่าจะไม่มีโอกาสชนะ แต่น่าจะยากมากเท่านั้น แต่กับเด็กคนนี้กลับไม่มีทางชนะเลยงั้นหรือ
“จริง…”หยงเวยตอบด้วยท่าทีจริงจังมาก ทำเอาอู๋หมิงกลืนน้ำลายลงคออย่างช่วยไม่ได้
“เอาเป็นว่า มาฉลองให้กับการกำจัดพลังมารของเจ้าก็แล้วกัน”อู๋หมิงว่าพลางนำขวดสุราออกมา แน่นอนว่าหยงเวยไม่คิดจะปฏิเสธอย่างแน่นอน
.
.
“ท่านหัวหน้า” ระหว่างหยงเวยและอู๋หมิงกำลังฉลองร่วมกันกับหยงเวยอยู่ที่ขอบผาร่วมกับเด็กคนอื่นๆ อยู่ๆชายคนหนึ่งในเครื่องแบบสีดำของกลุ่มนักล่าอสูรก็วิ่งเข้ามาด้วยท่าทีรีบเร่งอย่างมาก
“มีอะไรหรือ”หลินหลินถามพลางลุกขึ้นไปหาลูกน้องของตน
“หัวหน้าขอรับ มีแขกมาขอพบที่วังมังกรขอรับ”ชายคนนั้นรายงานพลางเหลือบมองคนที่อยู่ในวัดด้วยท่าทีตกใจ นอกจากวีรบุรุษของอาณาจักรอู๋ หยงเวย แล้วยังมีอดีตองค์จักรพรรดิอู๋หมิง นอกจากนี้ยังมีบุตรสาวของท่านหัวหน้ากลุ่มคนก่อนอย่างไป๋หลินอีกต่างหาก ทำเอาสมาชิกกลุ่มนักล่าอสูรคนนั้นทำหน้าทำตาไม่ถูกเลยทีเดียว
“ไป๋หลิน หลานไปเยี่ยมท่านตาของเจ้าหรือยัง”อู่หมิงถามพลางเลิกคิ้วขึ้น
“ยังเลยเจ้าค่ะ เพราะจูล่งใช้ยาของเทียนหมิงไปก็เลยตรงไปที่วังหลวงเลย”ไป๋หลินตอบเสียงเบาพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา
“งั้นเจ้าก็พาจูล่งไปพบท่านด้วยเลยก็แล้วกัน ข้าจะอยู่กับหยงเวยสักครู่”อู๋หมิงว่าพลางยกจอกสุราขึ้นมาดื่ม
“เจ้าค่ะ”ไป๋หลินรับคำพลางชวนชิงชิวให้เดินทางไปพร้อมกับหลินหลินที่ยามนี้เป็นหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรสาขาอาณาจักรอู๋เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ไปกันเถอะ พี่จะพาพวกเจ้าไปเอง”หลินหลินว่าพลางเปลี่ยนร่างเป็นแมงมุมหยกในพริบตาทำให้การเดินทางจากวัดที่อยู่ทางเหนือของเมืองหลวงไปยังเมืองร้อยแปดอสูรที่อยู่ทางใต้ของเมืองหลวงใช้เวลาไม่กี่สิบนาทีเท่านั้น
“ท่านหัวหน้า เชิญทางนี้เจ้าค่ะ”หญิงสาวคนหนี่งออกมาต้อนรับหลินหลินทันทีที่นางมาถึง ก่อนจะพาหลินหลินเข้าไปในห้องประชุมเพื่อพบแขกที่มาพบให้เร็วที่สุด
“เจ้า….”ไป๋หลินที่ตามหลินหลินเข้าไปมองไปที่แขกของหลินหลินด้วยท่าทีประหลาดใจ เหตุใดผู้ที่มาพบหลินหลินถึงเป็นหลี่เย่ได้
“ท่านไป๋หลิน ยินดีที่ได้พบกันอีกเจ้าค่ะ”หลี่เย่ก้มหน้าลงอย่างนอบน้อม ไม่ใช่เพราะนางเป็นองค์หญิงแห่งอาณาจักรไป๋ แต่เพราะฝีมือที่นางแสดงให้เห็นก่อนหน้านี้ต่างหาก
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่งั้นหรือ”ไป๋หลินถามพลางมองหลี่เย่ด้วยท่าทีสงสัย ตอนนี้นางควรจะพักผ่อนอยู่ที่วังหลวงนี่นา
“นี่เป็นค่ารักษาของข้าเจ้าค่ะ”หลี่เย่ตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา
“ค่ารักษา?”ไป๋หลินขมวดคิ้วพลางมองไปที่มือของหลี่เย่ ที่มือของหลี่เย่มีม้วนกระดาษแผ่นหนึ่งที่สลักตราของจักรพรรดิอู๋เอาไว้ ดูเหมือนนางจะมาเข้าพบหลินหลินเพราะเรื่องนั้นกระมัง
“เจ้าค่ะ องค์จักรพรรดิบอกว่าหากข้ารักษาองค์รัชทายาทได้ ท่านจะช่วยติดต่อให้ข้าได้พบท่านหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรเจ้าค่ะ”หลี่เย่ตอบพลางมองไปทางหลินหลินช้าๆ
“เจ้าต้องการพบข้ามีเรื่องอะไรงั้นหรือ”หลินหลินถามพลางมองไปทางหลี่เย่เช่นกัน นางถึงกับใช้รางวัลที่ช่วยรักษาองค์รัชทายาทมาเพื่อพบหลินหลิน เกรงว่าจะไม่ได้ทำเพื่อมาพบหน้ากันเท่านั้นกระมัง
“ข้ามีเรื่องอยากจะขอร้องท่านเจ้าค่ะ”หลี่เย่ว่าพลางกำม้วนกระดาษในมือแน่น คำขอของนางนั้นเป็นเรื่องยากมากสำหรับคนธรรมดา แม้แต่เทียนหมิงเองก็ยังไม่ทราบว่านางขอแล้วจะได้รับการตอบรับหรือไม่
“ไม่ต้องห่วง เทียนหมิงเป็นผู้แนะนำเจ้ามา ข้าต้องรับฟังอยู่แล้ว”หลินหลินยิ้มบางๆออกมาพลางมองที่ม้วนกระดาษ ของแบบนี้จะออกมาก็ต่อเมื่อได้รับคำสั่งมาจากตัวเทียนหมิงเองเท่านั้น ทำให้หลินหลินทราบดีว่าคำขอของหลี่เย่ผู้นี้คือคำขอที่มีเทียนหมิงร่วมขอด้วยนั่นเอง
“ข้าอยากจะเข้าไปในเขตอสูรผาไร้ก้นเจ้าค่ะ”หลี่เย่ตอบด้วยท่าทีจริงจังอย่างมาก แม้เขตอสูรต่างๆจะเริ่มเปิดรับคนเข้ามาได้อย่างอิสระแล้ว แต่เขตอสูรผาไร้ก้นนั้นยังห้ามไม่ให้คนนอกเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต เพราะในเขตอสูรผาไร้ก้นมีสมบัติมากมายที่เขตอสูรธรรมดาไม่มี ผลของการสร้างค่ายกลอสูรที่มีราชาถึง 5 ตนอยู่ร่วมกันนั้นได้สร้างแร่พิเศษรวมทั้งสมุนไพรหายากที่เขตอสูรอื่นไม่มีมากมาย นอกจากนี้เขตอสูรผาไร้ก้นยังพัฒนาอย่างมากหลังจากอสูรแมงมุมเข้ามาอาศัยอีกต่างหาก ทำให้ทั้งอาณาจักรอู๋ และ ไป๋ ต่างก็ยังไม่ยอมให้คนนอกหรือแม้แต่อสูรจากที่อื่นเข้าไปในเขตอสูรผาไร้ก้นอยู่ดี และคนที่มีสิทธิ์เข้าไปในเขตอสูรก่อนที่พวกไป๋หลินจะกลับมาก็มีเพียงหลินหลินเท่านั้นที่สามารถติดต่อให้ได้ เป้าหมายของหลี่เย่ก็ตรงมาหาหลินหลินนั่นเอง
“คงจะไม่ได้หรอก”หลินหลินส่ายหน้าทันที แม้จำเป็นคำขอของเทียนหมิง แต่นางไม่สามารถพาใครที่ไหนก็ไม่รู้เข้าไปในเขตอสูรผาไร้ก้นที่เป็นเหมือนบ้านเกิดของไป๋จูเหวินได้ แถมหลินหลินก็ไม่ได้เกิดและโตในเขตอสูรผาไร้ก้นเสียหน่อย มันเหมือนมาขอให้นางพาเข้าบ้านของเพื่อนขณะที่เพื่อนไม่อยู่นั่นล่ะ
“เอ๊ะ…”หลี่เย่ทำสีหน้าผิดหวังทันทีที่หลินหลินตอบปฏิเสธ แม้จะรู้ว่ายากแต่นางก็มีหวังอยู่นะ
“ถ้างั้นเจ้าก็ไปกับพวกเราก็แล้วกัน แบบนี้น่าจะดีกว่าจริงหรือไม่พี่หลินหลิน”ไป๋หลินถามพลางมองไปทางหลินหลิน
“ข้าก็เห็นด้วยนะ ถ้านางไปกับพวกเราจะได้อยู่ในสายตาพวกเราตลอดด้วย แถมพวกเราก็จะกลับไปที่เขตอสูรผาไร้ก้นกันอยู่แล้วด้วย”ไป๋ไป่พยักหน้าเห็นด้วย พวกนางไม่เหมือนหลินหลินที่พึ่งเคยเจอหลี่เย่เป็นครั้งแรก สำหรับพวกไป๋ไป่แล้วหลี่เย่คือหมอฝีมือดี แถมยังมีจิตใจดีถึงขนาดไม่อาจยืนเฉยมองผู้บาดเจ็บบนรถไฟได้อีกต่างหาก
“ถ้าเจ้าพูดแบบนั้นข้าก็ไม่ขัดหรอก”หลินหลินตอบ เพราะไป๋ไป่เป็นบุตรสาวของมังกรธรณี ราชาที่แท้จริงของเขตอสูรผาไร้ก้นและยังเป็นบุตรสาวของราชินีมังกรที่เป็นผู้ครองเขตอสูรผาไร้ก้นคนปัจจุบันอีกต่างหาก ส่วนไป๋หลินไม่ต้องถามเลย นางเป็นลูกสาวของไป๋จูเหวิน มีอะไรที่นางจะทำไม่ได้ในเขตอสูรผาไร้ก้นบ้าง
“ถ้าเช่นนั้นก็ดี หลี่เย่เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ก่อนนะ ข้าขอจัดการธุระก่อนพรุ่งนี้เช้าเราค่อยเดินทางไปผาไร้ก้นกัน”ไป๋หลินตอบด้วยท่าทียิ้มแย้ม ทำเอาหลี่เย่ได้แต่กะพริบตาปริบๆ ตกลงนางเป็นใครกันแน่ แม้แต่เขตอสูรที่องค์จักรพรรดิอู๋ยังเข้าโดยพลการไม่ได้ นางกลับพาตนเองไปได้หน้าตาเฉย…