ตอนที่ 465
โปรยเสน่ห์
“เจ้านี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ ผ่านมาเป็นเดือนแล้วยังไม่ได้อะไรขึ้นมาเลย”หญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งพูดขณะมองหลี่เย่ที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยท่าทีไม่พอใจนัก นางสั่งให้หลี่เย่ไปตีสนิทคนตระกูลไป๋ตั้งนานแล้ว แต่หลี่เย่กลับไม่แม้แต่จะเจอตัวคนตระกูลไป๋เลยแม้แต่คนเดียว ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจนัก
“แต่อาจารย์….พี่ไป๋หลินอาจจะยังไม่ออกมาจากเขตอสูรก็ได้ บางทีเรื่องนี้อาจจะเป็นไปไม่ได้นะเจ้าคะ”หลี่เย่ว่าพลางส่ายหน้าช้าๆ จริงๆแล้วหลี่เย่ไม่อยากทำตามคำสั่งของอาจารย์นัก แต่อาจารย์ตรงหน้าก็เป็นผู้สั่งสอนวิชาทั้งหมดของตน เรียกได้ว่าหลี่เย่เป็นอย่างทุกวันนี้ได้ก็เพราะอาจารย์ นางจะไม่ฟังอาจารย์เลยก็คงไม่ได้ แต่จะให้นางไปหลอกไป๋จูล่งที่ดูท่าทีซื่อๆแบบนั้นนางก็ทำไม่ค่อยลงจริงๆ
“แล้วทำไมต้องรอให้ออกมาด้วย เจ้ามีเส้นสายทั้งในวังและในกลุ่มนักล่าอสูร หาทางทำอะไรไม่ได้เลยหรือไง”อาจารย์ของหลี่เย่ถามด้วยท่าทีไม่พอใจ เพราะหลี่เย่เป็นผู้มีดวงตาสีเขียว ทำให้หลี่เย่กลายเป็นหมอที่หาตัวจับยากคนหนึ่ง ยิ่งชื่อเสียงของนางโด่งดังเท่าไหร่คนที่มาขอให้ช่วยรักษาก็ยิ่งเป็นคนใหญ่คนโตมากขึ้นเท่านั้น แน่นอนว่างานคราวที่แล้วก็สร้างบุญคุณให้องค์จักรพรรดิด้วยเช่นกัน แต่นางก็ได้รับสิ่งตอบแทนแล้วหลี่เย่เลยไม่กล้าไปขอร้ององค์จักรพรรดิเพิ่มเติม
“เจ้ามากับข้า อย่างน้อยองค์จักรพรรดิคงจะรู้อะไรเกี่ยวกับคนตระกูลไป๋บ้าง ขอแค่เอ่ยชื่อเจ้าพวกเราต้องเข้าไปถามได้แน่ๆ”อาจารย์ของหลี่เย่ว่าพลางก้มลงจับมือหลี่เย่แล้วดึงนางให้ลุกขึ้นยืนทันที แม้จะได้รับสิ่งตอบแทนมาแล้ว ก็ใช่ว่าจะอ้างบุญคุณอีกไม่ได้ จักรพรรดิมีหน้ามีตาต้องรักษา หากนางกดดันว่าจะกระจายข่าวเรื่ององค์จักรพรรดิไม่รู้จักสำนึกบุญคุณคนอาจจะช่วยให้พระองค์เปิดปากบ้างก็ได้ ถึงอย่างไรองค์จักรพรรดิอู๋ก็ยึดถือคุณธรรมเป็นหลักอยู่แล้ว
“อาจารย์…..”หลี่เย่กลืนน้ำลายลงคอแต่ก็ไม่อาจยื้อแรงกับอาจารย์ได้ นางเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณที่แกร่งกว่าหลี่เย่เสียอีก
“เชื่อข้าสิ ถ้าเจ้าตีสนิทกับคนตระกูลไป๋ได้ หรือทำให้เจ้าเด็กน้อยนั่นมาหลงรักเจ้าได้ ไม่ว่าอะไรในเขตอสูรก็สามารถเข้าไปเอาได้โดยง่าย เท่านี้การทดลองของข้าก็จะดำเนินต่อได้เสียที”อาจารย์ของหลี่เย่ว่าพลางดึงหลี่เย่ให้เดินตามนางเข้าไปในตลาดเพื่อจะมุ่งหน้าไปที่วังหลวงโดยเร็ว เพียงแต่…..
“……..”ระหว่างทางหลี่เย่ดันเผลอไปเห็นเส้นผมสีขาวของคนผู้หนึ่งเข้าเสียก่อน เส้นผมแบบนั้นเท่าที่นางรู้จักก็จะแม่แค่ 3 คนนั่นคือ ไป๋จูล่ง ไป๋ไป่ และ จิ้งจอกเหมันต์ เท่านั้น และไม่ว่าจะเป็นใครใน 3 คนนี้ก็เป็นคนที่เกี่ยวข้องกับเขตอสูรผาไร้ก้นกันทั้งสิ้น แถมพอเข้าไปใกล้ หลี่เย่ยิ่งมั่นใจว่ามันคือไป๋จูล่งอย่างแน่นอน
“อะ อาจารย์”หลี่เย่พูดออกมาพลางเปลี่ยนสายตาไปทางอื่น ตอนนี้จูล่งอยู่ในตลาดแม้จะไม่ทราบว่ามันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่มันก็น่าจะยังไม่เห็นนางหรอก แถมมันอาจจะไม่ได้สนใจนางเสียด้วยซ้ำ
“มีอะไร”อาจารย์ของหลี่เย่ถามพลางมองมาทางหลี่เย่ด้วยท่าทีประหลาดใจ อยู่ๆหลี่เย่ก็เดินเร็วขึ้นเสียอย่างนั้น มันเกิดอะไรขึ้น?
“รีบไปกันเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะยอมทำตามที่อาจารย์บอกเอง”หลี่เย่ว่าพลางเปลี่ยนเป็นฝ่ายดันร่างของอาจารย์ให้เดินไปข้างหน้าด้วยตนเอง เพียงแต่…
“พี่หลี่เย่ เป็นท่านจริงๆด้วย”ไป๋จูเหวินที่พึ่งกลับมาถึงอาณาจักรอู๋พูดพลางเดินเข้ามาหาหลี่เย่ด้วยตนเองเสียอย่างนั้น ก็ในเมื่อหลี่เย่เป็นไม่กี่คนที่ไป๋จูเหวินรู้จักในโลกภายนอก ทำไมมันจะจำหลี่เย่ไม่ได้เล่า ไม่ต้องพูดถึงความสามารถจดจำเหนือมนุษย์ของคนตระกูลไป๋เลย
“อาจารย์ รีบไปกันเถอะเจ้าค่ะ”หลี่เย่ทำเป็นไม่ได้ยิน ก่อนจะดันร่างของอาจารย์ให้เดินต่อไป แต่น่าเสียดายหูของอาจารย์นางไม่ได้หนวก พอเห็นเจ้าเด็กนี่ทักทายหลี่เย่ก็หยุดยืนอยู่กับที่จนหลี่เย่ดันไม่ไปเสียอย่างนั้น
“พี่หลี่เย่ จำข้าไม่ได้หรือ ข้าไป๋จูล่งไงล่ะขอรับ”หลี่เย่แทบกระอักเลือดมันออกมาเสียตรงนั้น แต่ถึงอย่างไรนางก็คงไปไม่รอดเสียแล้ว
“เจ้าเองหรือไป๋จูล่ง เจ้าคือน้องชายของไป๋หลินใช่หรือไม่”อาจารย์ของหลี่เย่ถามพลางหันมามองไป๋จูล่งด้วยท่าทีสนใจ
“ขอรับ ถูกแล้ว”จูล่งตอบออกมาตามตรง ทำเอาหลี่เย่ได้แต่ยอมแพ้ เจ้าเด็กบ้าทำไมต้องออกมาตอนนี้ด้วย
“เป็นเจ้านี่เอง”ทางด้านอาจารย์ของหลี่เย่พลันยิ้มออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจ เห็นไหมการหาตัวคนตระกูลไป๋ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรขนาดนั้น แค่เดินออกจากบ้านมาไม่ทันไรก็เจอแล้ว หลี่เย่หรือใช้เวลาตั้งหลายเดือนกลับไม่เจอ
“ยินดีที่ได้รู้จักนะพ่อหนู ข้าเป็นอาจารย์ของหลี่เย่นามว่าเหล่าเซียง วันนี้ช่างน่ายินดีจริงๆที่ได้พบเจ้า”เหล่าเซียงพูดพลางยิ้มออกมาอย่างดีอกดีใจ แน่นอนเป้าหมายของนางมาหาถึงที่จะไม่ให้นางดีใจได้อย่างไร
“ขอรับ ข้าเองก็ยินดีเช่นกัน”ไป๋จูล่งตอบพลางยิ้มรับ อีกฝ่ายดูเป็นหญิงวัยกลางคนท่าทางใจดีคนหนึ่งเสียด้วย จูล่งเลยไม่ได้สงสัยระแวงอะไรอีกฝ่ายเลย
“พ่อหนู เจ้าพอจะมีเวลาหรือไม่”เหล่าเซียงถามพลางก้มตัวลงเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยมือหลี่เย่แล้วเลื่อนมาจับเอวของตนเองแทน
“มีขอรับ ข้าว่าจะพักที่นี่สักคืนอยู่พอดี”ไป๋จูล่งตอบพลางยิ้มรับด้วยท่าทีซื่อๆ น้าจิ้งจอกจะแวะไปหาคนรู้จักของนางนิดหน่อยก็เลยเดินทางไปทิศเหนือของเมืองหลวงแล้ว จูล่งก็เลยขอมาเที่ยวเล่นในเมืองวันหนึ่ง
“งั้นหรือ งั้นเจ้าช่วยอะไรข้าหน่อยได้หรือไม่ พอดีช่วงนี้ข้าเริ่มปวดหลังจนเดินไม่ไหวแล้ว เจ้าช่วยไปซื้อของกับหลี่เย่แทนข้าได้หรือไม่”อาจารย์ของหลี่เย่ถามพลางทำท่าเหมือนคนปวดหลังออกมา ทำเอาหลี่เย่ได้แต่ทำหน้าเหยเก นางเป็นอาจารย์ของตนเองจะไปลำบากเพราะอาการปวดหลังได้อย่างไรกัน แถมนางยังมีพลังวิญญาณมากขนาดนั้นจูล่งไม่น่าจะหลงเชื่อนะ
“ได้ขอรับ ข้ายินดีช่วยอยู่แล้ว”น่าเสียดายที่จูล่งไม่ได้สนใจเสียเท่าไหร่ว่านางจะโกหกหรือไม่ แต่อีกฝ่ายขอให้ช่วยตัวมันก็เต็มใจจะช่วยอยู่แล้วนี่สิ
“งั้นหลี่เย่ เจ้าพาข้าไปส่งบ้านหน่อย”เหล่าเซียงว่าพลางทำท่าปวดหลังให้หลี่เย่เดินประคองตนเองกลับบ้านที่อยู่ไม่ห่างกันนัก
“แต่งตัวซะ”ทันทีที่เข้ามาในบ้าน เหล่าเซียงก็ยืดตัวตรงเดินจ้ำๆลากหลี่เย่เข้าไปในห้องของนางทันที
“อะ อาจารย์ ทำไม….”หลี่เย่ยังพูดไม่ทันจบอาจารย์ของนางก็จัดการกระชากเสื้อผ้าที่นางสวมอยู่ออก ก่อนจะจัดแจงหาเสื้อผ้าชุดใหม่มาสวมในนางอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังจัดแต่งทรงผมเสียใหม่อีกต่างหาก
“เจ้าลืมที่ข้าบอกไปแล้วหรือไง ข้าบอกให้เจ้าไปหว่านเสน่ห์เจ้าหนุ่มนั่นซะ เท่าที่ข้าฟังเจ้าหนุ่มนั่นไม่ค่อยประสีประสาเท่าไหร่ เจ้าคงจะหว่านเสน่ห์ใส่ได้ไม่ยาก”เหล่าเซียงพูดจบก็ดึงแว่นตาของหลี่เย่ออกเพื่อจะเริ่มแต่งหน้า แม้จะไม่ได้งามเท่าเหม่ยหลินหรือไป๋หลิน แต่หลี่เย่ยามแต่งตัวก็ไม่ได้งดงามน้อยไปกว่าหญิงอื่นในเมืองหลวงแห่งนี้อย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นเหล่าเซียงคงไม่คิดจะให้นางไปหว่านเสน่ห์ไป๋จูล่งแต่แรกหรอก
ฟู่…หลังจากจัดแจงเอาหลี่เย่ใส่ตะกร้าล้างน้ำแบบเร่งด่วนแล้ว เหล่าเซียงก็นำของเหลวบางอย่างมาฉีดพ่นลงบนตัวของหลี่เย่ หากเป็นคนอื่นคงคิดว่าเป็นเพียงน้ำหอมธรรมดา แต่ทันทีที่ได้กลิ่นหลี่เย่ก็พลันหน้าซีดเผือดทันที
“อาจารย์ นี่มันย่าเสน่ห์…”หลี่เย่กะพริบตาปริบๆพลางดมกลิ่นของยาด้วยท่าทีหวั่นใจ สิ่งที่อาจารย์ของนางพึ่งพ่นลงบนตัวนางคือยาเสน่ห์ชนิดหนึ่งที่ผสมจากสมุนไพรหายาก ยาตัวนี้ไม่ได้มีสูตรเผยแพร่ทั่วไป เป็นสูตรที่อาจารย์คิดค้นขึ้นมาได้ด้วยตนเอง แม้หลี่เย่จะทราบสูตรเช่นกันแต่ก็ไม่เคยคิดจะเอามาใช้เองแต่อย่างไร
“ไปได้แล้ว”เหล่าเซียงไม่พูดอะไรเรื่องยาเสน่ห์แต่อย่างไร นางผลักร่างของหลี่เย่ให้เดินออกไปหาจูล่งที่รออยู่ข้างนอกเสีย ด้วยรูปร่างหน้าตาที่นับว่างดงามพอจะอยู่แถวหน้าๆของหญิงสาวในเมือง และยาเสน่ห์ที่มีผลกับผู้ชายด้วยแล้วขอเพียงจูล่งเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งย่อมต้องมีอาการบ้างเป็นแน่ หากเป็นไปได้ด้วยดีจูล่งน่าจะตกลงกับดักของนางมันวันนี้เสียด้วยซ้ำ ทีนี้จะเข้าเขตอสูรผาไร้ก้นนะหรือ เกรงว่าจูล่งจะมาอ้อนวอนให้นางเข้าไปด้วยตนเองกระมัง
“….”หลี่เย่ที่โดนอาจารย์จับแต่งตัวจนรู้สึกไม่คุ้นเคยยืนอึ้งอยู่ตรงหน้าไป๋จูล่งโดยไม่กล้าจะทำอะไร นางไม่กล้าเข้าไปใกล้มันเพราะกลัวกลิ่นของยาเสน่ห์จะทำให้จูล่งเกิดปฏิกิริยากับยาได้
“พี่หลี่เย่ วันนี้ท่านจะไปซื้อของที่ไหนหรือขอรับ”จูล่งถามพลางเดินเข้ามาหาหลี่เย่ด้วยตนเอง ทำเอาหลี่เย่ถอยจนแผ่นหลังติดประตู
“……..นะ นั่นสิ”หลี่เย่ตอบด้วยท่าทีเลิกลัก นางจะไปซื้อของงั้นหรือ เหมือนอาจารย์จะบอกเอาไว้แบบนั้น แต่นางไม่ได้จะไปซื้อของจริงๆนี่นา หรือนางต้องกุเรื่องขึ้นมา? แต่จะว่าไปช่วงนี้อุปกรณ์ของนางก็ขาดไปนิดหน่อยเหมือนกัน หรือนางจะไปซื้ออุปกรณ์แพทย์ดี
“งะ งั้นเราไปร้านเครื่องมือแพทย์กันเถอะ”หลี่เย่ตอบพลางเดินเข้าไปหาจูล่งช้าๆ น่าแปลกกลิ่นของยาเสน่ห์เหมือนจะไม่ได้ผลกับจูล่งเลย มันทำหน้าเหมือนยามปกติไม่มีผิด ทำให้กลายเป็นฝ่ายนางเองที่อายเพราะแต่งตัวอย่างที่ไม่เคยแต่งมาก่อนแท้ๆ
.
.
“นั่นมัน…..”ขณะเดียวกัน ร่างของจิ้งจอกเหมันต์และมังกรอัสนีทองคำที่พึ่งกลับมาจากวัดบนยอดเขาก็พลันเห็นภาพจูล่งที่กำลังเดินเคียงข้างหลี่เย่เข้าพอดี
“มีอะไรงั้นหรือ”มังกรอัสนีทองคำถามพลางมองตามสายตาของจิ้งจอกเหมันต์ไป
“นางน่าจะเป็นหลี่เย่…แต่คราวก่อนนางไม่ได้แต่งตัวแบบนี้นี่นา”จิ้งจอกเหมันต์ว่าพลางเพ่งสายตามองหลี่เย่ดีๆ นางแต่งตัวสวยกว่าปกติ แถมยังแต่งหน้าทำผมมาเสียด้วย ต่างจากท่าทีเหมือนหนอนหนังสือก่อนหน้านี้คนละเรื่องเลย
“มีอะไรแปลกๆ”จิ้งจอกเหมันต์พูดพลางเข้าไปใกล้จูล่งมากกว่าเดิม อยู่ๆเด็กสาวที่เคยเจอก็อยู่กับจูล่งสองต่อสอง ความจริงนางก็ไม่อยากคิดอะไรหรอก แต่คราวก่อนหลี่เย่ไม่ได้มีท่าทีสนใจจูล่งเลย นางพูดคุยกับไป๋หลินมากกว่าจูล่งเสียอีก แต่คราวนี้นางกลับมาเดินกับจูล่งพร้อมแต่งตัวเสียเต็มที่งั้นหรือ นอกจากนี้นางยังเคยเข้าไปในเขตอสูรผาไร้ก้นและทราบความสัมพันธ์ของพวกนางกับจูล่งแล้ว เพียงไม่นานจิ้งจอกเหมันต์ก็เกิดความระแวงหลี่เย่ขึ้นมาเสียแล้ว
“เจ้าจะทำอะไรงั้นหรือ”มังกรอัสนีทองคำเห็นจิ้งจอกเหมันต์ทำท่าจะตรงเข้าไปหาไป๋จูล่งตัวมันก็พลันดึงนางเอาไว้เสียก่อน
“ข้าไม่ไว้ใจนางนี่นา”จิ้งจอกเหมันต์ว่าพลางทำท่าไม่พอใจที่มังกรอัสนีทองคำห้ามตนเอาไว้
“เจ้าคิดว่านางจะทำอะไรจูล่งได้หรือไง”มังกรอัสนีทองคำว่าพลางจ้องมองไปทางไป๋จูล่งนิ่ง
“มันไม่เกี่ยวกับความแข็งแกร่งนะ ล่งเอ๋อน่ะยังไม่ประสีประสาดี อาจจะโดนนางหลอกเข้าก็ได้”จิ้งจอกเหมันต์ว่าพลางพยายามแกะมือของมังกรอัสนีทองคำออก
“เช่นนั้นก็ให้จูล่งได้แก้ปัญหาด้วยตัวเองสิ เจ้ากับข้าไม่ได้อยู่ห่างมันขนาดนั้น ถ้าเกิดเรื่องเจ้าค่อยเข้าไปก็ไม่สาย”มังกรอัสนีทองคำว่าพลางปล่อยมือตนเองช้าๆ แต่คราวนี้จิ้งจอกเหมันต์กลับไม่ได้คิดจะเข้าไปขวางจูล่งกับหลี่เย่อีก นั่นเพราะสิ่งที่มังกรอัสนีทองคำพูดก็ดูมีเหตุผลดี เอาไว้เกิดเรื่องอะไรขึ้นนางค่อยเข้าไปช่วยก็ได้ ตอนนี้ให้จูล่งได้เจอกับมารยาหญิงดูก็แล้วกัน