ตอนที่ 500
ทำงาน
“คุณหนู เป็นอะไรไปหรือขอรับ”หลังจากจบงานประมูล ทั้งรายได้และผลตอบรับจากแขกก็ออกมายอดเยี่ยมแท้ๆ แต่คุณหนูผิงผิงบุตรสาวของร้านค้าใหญ่ 1 ใน 3 ของอาณาจักรชินกลับกำลังทำหน้าเครียดเสียอย่างนั้น
“เจ้าจำเด็กที่มีตราราชวงศ์ชินได้ไหม”ผิงผิงถามพลางถอนหายใจออกมา เพราะมันถือตราราชวงศ์ชินเข้ามาในงาน ทำให้นางต้องคอยต้อนรับอย่างดี แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้ซื้ออะไรกลับไปเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ทำให้ผิงผิงรู้สึกเหมือนโดนหลอกอย่างไรบอกไม่ถูก แม้จะไม่มีหลักฐานแต่นางก็ระแวงว่าจะโดนจูล่งหลอกด้วยวิธีการอะไรบางอย่างหรือไม่
“ขอรับ ข้าจำได้…”ลูกน้องของผิงผิงตอบเพราะตนเองเป็นคนได้พบกับจูล่งคนแรกเลยก็ว่าได้ แถมยังไปทำเรื่องเสียมารยาทเอาไว้อีกต่างหาก ทำเอามันยังกังวลไม่หายว่าจะมีบทลงโทษจากราชสำนักมาหรือเปล่า
“วันก่อนข้าลองไปถามองค์ชายชินหยามาแล้ว ท่านบอกว่าในราชวงศ์ไม่มีเด็กผมสีขาวเลยแม้แต่คนเดียว”ผิงผิงพูดพลางถอนหายใจออกมา องค์ชายชินหยาเป็นแขกจากราชวงศ์ชินอีกคนที่เข้ามาร่วมงานประมูล แถมท่านยังเป็นคนลงประมูลของไปไม่น้อยอีกต่างหาก ทำให้ผิงผิงได้เข้าขอบคุณท่านด้วยตนเองจนมีโอกาสได้ถามเรื่องเด็กที่ชื่อจูล่ง และองค์ชายชินหยาก็ยืนยันเป็นหนักแน่นว่าไม่เคยมีใครในเชื้อพระวงศ์ที่ชื่อชินจูล่งเลยแม้แต่คนเดียว
“แต่ตรานั่นเป็นของจริงแน่นอนนะขอรับ ของแบบนั้นทำปลอมขึ้นมาไม่ได้หรอก”ลูกน้องของผิงผิงตอบ เพราะตราราชวงศ์ชินใช้หินล้ำค่าในการสร้าง ลำพังจะหาเงินมาซื้อหินพวกนั้นก็ลำบากมากแล้ว ยังต้องมาแกะสลักลวดลายลงไปบนแร่เหล่านั้นอีกต่างหาก การทำของปลอมขึ้นมาจึงยุ่งยากมาก ไม่น่าจะเอามาใช้เพื่อขอเข้างานประมูลเท่านั้นหรอก
“เจ้าเด็กนั่นเป็นใครกันแน่นะ”ผิงผิงว่าพลางถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีคับแค้นใจ ตกลงนี่นางบริการใครไปทั้งวันกันแน่ นางหรืออุตส่าห์กลัวว่าจะต้อนรับเด็กนั่นได้ไม่ดี ก็เลยอยู่บริการด้วยตนเอง แต่มันกลับไม่ใช่คนในราชวงศ์ชินจริงๆเสียอย่างนั้น
“คุณหนู มีของมาส่งขอรับ”ขณะกำลังโมโหอยู่นั้น อยู่ๆลูกน้องอีกคนของผิงผิงก็เดินเข้ามาพร้อมกล่องขนาดเล็กกล่องหนึ่ง
“มาแล้ว…”ผิงผิงเห็นขนาดของกล่องก็เข้าใจทันทีว่ามันคืออะไร นี่คือภาพถ่ายจากภายในพิธีแต่งงานของท่านไป๋หลิน แถมยังเป็นภาพถ่ายจากในวังมังกรอีกต่างหาก เรียกได้ว่าเป็นภาพหายากที่ต้องใช้เส้นสายพอสมควรในการหามาได้
“ดูสิ รูปคู่ของท่านเหม่ยหลินกับท่านไป๋หลิน ช่างงดงามจริงๆ”ผิงผิงว่าพลางนำรูปใบหนึ่งออกมา เพราะไป๋หลินเดินทางออกจากอาณาจักรไป๋จนแทบไม่ได้กลับมาเลยตั้งแต่เกิดเรื่องของชินอี้ ทำให้รูปถ่ายของแม่ลูกคู่นี้แทบจะไม่มีอยู่เลย แต่เรื่องเล่าที่ว่าบุตรสาวอย่างไป๋หลินนั้นก็งดงามไม่แพ้มารดาเลยก็ทำให้หลายๆคนเฝ้าฝันอยากจะเห็นรูปคู่ของแม่ลูกคู่นี้อย่างมาก หากมันส่งมาถึงก่อนหน้านี้มีหวังรูปถ่ายใบนี้คงลงประมูลได้ราคาแพงแน่ๆ
“หืม…”ขณะกำลังมองรูปถ่ายภายในงานแต่งของไป๋หลินอยู่นั้น อยู่ๆลูกน้องของผิงผิงก็พลันไปเห็นรูปถ่ายใบหนึ่งเข้า โดยในรูปถ่ายใบนั้นเป็นภาพของครอบครัวของจักรพรรดิไป๋ที่กำลังนั่งฉลองกันอยู่ภายในงาน ในภาพนั้นไม่มีภาพของไป๋หลินเพราะตอนนั้นนางกำลังเข้าพิธีอยู่ แต่ที่นั่งข้างๆเหม่ยหลินและไป๋จูเหวินนั้นกลับมีคนที่มันคุ้นตานั่งอยู่
“คุณหนู นี่มัน….”ทันทีที่เห็นลูกน้องของผิงผิงก็ชี้ให้นายของมันดูทันที
“เอ๊ะ…”ผิงผิงสะดุ้งวาบทันทีเมื่อเห็นภาพของจูล่งที่กำลังนั่งอยู่กับจักรพรรดิไป๋และองค์มเหสีเหม่ยหลิน จะว่าไปก่อนหน้านี้ก็มีข่าวเรื่องบุตรชายอีกคนของจักรพรรดิไป๋อยู่พอดี หรือว่าเด็กคนที่นางให้บริการไปนั้น…..
.
.
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าขอเข้าไปนะขอรับ”ในยามค่ำคืนหลังจากกลับมาจากตลาด จูล่งที่พึ่งกลับมาจากห้องของพี่สาวเพราะต้องเอาของฝากไปให้ก็พลันเดินมาทางห้องพักของท่านพ่อและท่านแม่แทนที่จะกลับห้องของตนเองเสียอย่างนั้น
“มีอะไรหรือล่งเอ๋อ”ไป๋จูเหวินถามพลางเปิดประตูออกช้าๆ
“ข้ามีเรื่องอยากจะถามขอรับ”จูล่งพูดพลางเดินเข้าไปในห้องของพ่อและแม่ของมันทันที
“วันนี้เจ้าไปเจออะไรมาสินะ มาสิพ่อจะตอบให้”ไป๋จูเหวินว่าพลางนั่งลงที่เก้าอี้ภายในห้องรับรอง พลางลากเก้าอี้อีกตัวออกมาให้จูล่งได้นั่งข้างๆ
“วันนี้ข้าได้เข้าไปในงานประมูลมาขอรับ”จูล่งเริ่มเล่าเรื่องที่ต้าหวานและต้าเฉียนพามันเข้าไปร่วมงานประมูลให้ไป๋จูเหวินฟังช้าๆ แน่นอนว่ามันไม่ได้พูดเรื่องสินค้าที่เอามาขายเท่าไหร่เพราะสิ่งที่มันคาใจไม่ใช่เรื่องนั้นเสียด้วย
“ในงานข้าเห็นผู้คนใช้เงินกันเยอะมากเลยขอรับ พวกมันต้องเก่งมากแน่ๆถึงได้หาเงินมาได้มากมายขนาดนั้น”จูล่งพูดพลางสำรวจในมิติของตนเอง ของในมิติของจูล่งนั้นเต็มไปด้วยของมีค่ามากมาย แต่นั่นก็เป็นเพียงของที่ได้มาจากท่านพ่อท่านแม่ ท่านน้า และ พี่สาวทั้งหมด ไม่มีอะไรที่จูล่งหามาเองเลยแม้แต่น้อย ถึงครั้งหนึ่งจะเคยพยายามหาเงินด้วยการลงประลอง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เงินมาแถมยังไปใช้เงินของพี่สาวอีกต่างหาก เรียกได้ว่าจูล่งไม่เคยหาเงินเป็นจริงเป็นจังเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“ท่านพ่อ การหาเงินนี่ยากหรือไม่ขอรับ”จูล่งถามพลางหันไปมองบิดาของตนที่กำลังยิ้มหน้าเจื่อนๆอยู่ข้างๆ น่าเสียดายเรื่องนี้เกรงว่าจูล่งจะมาถามผิดคนเสียแล้ว
หาเงินยากหรือไม่งั้นหรือ แต่เดิมไป๋จูเหวินก็ได้ของมาจากท่านน้าแล้วเอาไปขายแลกเงินอยู่แล้ว ต่อมาสร้างอาณาจักรของตนเองก็มีพื้นฐานเงินมาจากของที่ได้มาจากพวกท่านน้า รวมทั้งการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆก็ได้ทั้งเงินและวัตถุดิบมาจากน้าๆทั้งสิ้นโดยเฉพาะท่านน้าไก่ฟ้าที่เหมือนเสี่ยประจำตระกูลเลยทีเดียว แต่หากถามว่าตอนนี้ไป๋จูเหวินสามารถหาเงินเองได้หรือไม่ ก็ต้องตอบว่าได้ ในตอนนี้ขอแค่ไป๋จูเหวินถอดเสื้อที่สวมอยู่ไปวางขายก็ย่อมมีคนมาขอซื้อแทบไม่ต่างจากในงานประมูลอยู่แล้ว
แถมตัวไป๋จูเหวินนั้นยังสร้างกิจการเอาไว้หลายอย่าง ทั้งเป็นหุ้นส่วนสำนักพิมพ์ของไช่จิน เป็นนายทุนของธุรกิจรถไฟ และแน่นอนมันยังเป็นนายสูงสุดของกลุ่มนักล่าอสูรและผู้ควบคุมตลาดยาในอาณาจักรอู๋และไป๋อีกต่างหาก ทุกวันนี้กิจการทั้งหมดมีคนดูแลแทนอยู่แล้ว แถมส่วนแบ่งของไป๋จูเหวินก็ยังอยู่เหมือนเดิมไม่หายไปไหน เรียกว่าหากไม่ขยันใช้เงินเสียหน่อยเงินก็คงล้นคลังไปเลยแน่ๆ
“สำหรับท่านพ่อของเจ้ากับแม่มันอาจจะเรียกว่ายากไม่ได้ละมั้ง”เหม่ยหลินหัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทีใบ้กินของสามีตนเอง นางเองก็เป็นบุตรสาวหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรมาแต่เกิด ชีวิตไม่เคยลำบากเสียเท่าไหร่ ยิ่งพอไป๋จูเหวินเข้ามาอยู่ในชีวิตก็เรียกว่าชีวิตดีขึ้นมาตลอดเลยก็ว่าได้
“ข้าเองก็อยากจะลองหาเงินดูบ้างขอรับ”จูล่งพูดออกมาด้วยท่าทีมุ่งมั่นอย่างมาก มันได้ตำแหน่งจอมยุทธอันดับ 1 มาแล้ว เรียนดนตรีก็เรียนจบในเวลาไม่นาน มันเลยพยายามตามหาสิ่งที่สนใจและลองทำดูให้ได้มากที่สุด และวันนี้มันก็ได้พบเหล่าพ่อค้ามากมายที่ประสบความสำเร็จ ทำให้มันรู้สึกนับถือพวกมันอย่างมาก
“งั้นหรือ เช่นนั้นแม่จะถามคนรู้จักให้ก็แล้วกัน”เหม่ยหลินว่าพลางยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน หลายปีที่ผ่านมานางเองก็ไม่ได้นั่งเป็นมเหสีอยู่เฉยๆ ไป๋จูเหวินทำงานของตนเองนางก็ทำหน้าที่ผู้ช่วยได้เป็นอย่างดีทำให้มีผู้รู้จักมากมาย หากนางฝากฝังละก็ย่อมให้จูล่งเข้าได้อย่างง่ายดายแน่นอน
“ไม่เอาขอรับ ข้าอยากหางานเอง”จูล่งว่าพลางทำแก้มป่องด้วยท่าทีไม่พอใจ ขืนให้ท่านแม่หาให้ก็ไม่ต่างจากเอาของที่พวกท่านน้าให้มาไปขายเท่าไหร่นะสิ
“แบบนั้นมัน….”เหม่ยหลินมีท่าทีครุ่นคิดเล็กน้อย หากจูล่งหางานเองก็ไม่ทราบว่าจะได้งานแบบไหน ทำให้นางกังวลอยู่บ้างเช่นกัน เพราะไม่ใช่ว่าทุกงานจะเข้ากับจูล่งได้ อย่างเช่นการสอนผู้อื่นจูล่งนั้นไม่ถนัดเอาเสียเลย
“เจ้าอยากจะหางานแบบไหนงั้นหรือ”ไป๋จูเหวินถามพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ตัวมันไม่เคยหางานมาก่อน เพราะสิ่งที่มันทำแต่ละอย่างต่างเข้ามาในชีวิตเองทั้งนั้นเสียด้วย
“ข้าอยากจะใช้ความสามารถทำงานดูขอรับ”จูล่งตอบพลางกำหมัดแน่น แต่เห็นแบบนั้นทั้งไป๋จูเหวินทั้งเหม่ยหลินต่างก็มีท่าทีตกใจทันที
“ความสามารถ?……..”เหม่ยหลินกลืนน้ำลายลงคอทันที ขืนเอาพลังของจูล่งไปให้คนอื่นจ้างละก็ มีหวังเขตแดนของอาณาจักรต่างๆที่คงที่มาหลายสิบปีมีหวังได้เปลี่ยนแปลงแน่ๆ หากมีคนจะจ้างจูล่งยืดอาณาจักรสักแห่งก็คงสามารถทำได้ง่ายๆเลยกระมัง
“ใช่ขอรับ ข้าอยากจะลองรับจ้างเล่นดนตรีดูก่อนหน้านี้ข้าฝึกเป่าขลุ่ยกับพี่ชางซีจนเล่นได้หลายเพลงเลยขอรับ”จูล่งตอบพลางยิ้มออกมาหน้าตาเฉย ทำเอาทั้งพ่อทั้งแม่ต่างพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคดีไปหากจูล่งยอมให้ใครก็ไม่รู้ยืมพลังของมันละก็มีหวังเกิดเรื่องใหญ่แน่ๆ
“ดนตรีนี่เอง จะว่าไปเจ้าไปฝึกมาตอนไหนงั้นหรือ”เหม่ยหลินว่าพลางยิ้มออกมาน้อยๆ น่าประหลาดใจอยู่เหมือนกันที่จูล่งเลือกขลุ่ย เพราะทั้งตัวนางเองและไป๋จูเหวินผู้เป็นพ่อของมันก็เป่าขลุ่ยเป็นกันทั้งนั้น แถมนางยังเป็นคนสอนให้ไป๋จูเหวินอีกต่างหาก เล่นเอานึกถึงช่วงเวลานั้นขึ้นมาเลย
“ข้าฝึกมาได้สักพักแล้วขอรับ พี่ชางซียังบอกเลยว่าข้าเรียนรู้ไวมาก”จูล่งตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีภูมิใจ แน่นอนว่าเหม่ยหลินเข้าใจความรู้สึกของชางซีดี พอเป่าเพลงให้ฟังไป๋จูเหวินก็เป่าตามได้แทบจะทันทีหลังจากเรียนรู้วิธีเป่าแล้ว ตอนนี้ขอแค่ได้ฟังเพลงสักครั้งก็คงเป่าได้แทบจะทันทีเลยกระมัง
“เช่นนั้นก็ดี พ่อไม่ห้ามเจ้าหรอก”ไป๋จูเหวินว่าพลางลูบหัวจูล่งอย่างเอ็นดู ไป๋จูเหวินห่วงจูล่งเรื่องการใช้พลังมากทีเดียว แต่พอมันโตขึ้นนอกจากจะไม่สนใจเรื่องชิงดีชิงเด่นแล้ว ยังหันไปสนใจเรื่องดนตรีแทนอีกต่างหาก นับว่าเบาใจได้มากทีเดียว