ตอนที่ 507
ความเชื่อใจ
“เชิญขอรับ”ชายหนุ่มผู้ทำหน้าที่เป็นคนปล่อยเงินกู้ให้กับยี่เจินพูดพลางนำถุงที่ใส่เหรียญทองจำนวนมากออกมาให้ยี่เจินอย่างเต็มใจ สัญญาเงินกู้ของยี่เจินนั้นคือการกู้ยืมเงิน 200 เหรียญทอง นับเป็นเงินทุนที่มากสำหรับพ่อค้าที่ไม่มีอะไรเลยอย่างยี่เจิน เรียกได้ว่าเงินก้อนนี้มากกว่าสินค้าที่ยี่เจินคิดจะเอามาขายก่อนหน้านี้เสียอีก
“ขอบใจ”ยี่เจินว่าพลางรับเงินมาด้วยท่าทีสบายๆ แม้ในใจจะประหม่ามากก็ตาม ตอนแรกมันเสนอ 200 เหรียญทองเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะต่อรองลดจำนวนเงินลง แม้จะมีผู้คุ้มกันเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณแต่พ่อค้าไร้ชื่อเสียงจะมากู้เงินทีเดียวจำนวนขนาดนี้คงเป็นไปไม่ได้ แต่พอยี่เจินเสนอออกไปชายหนุ่มก็รีบนำเงินออกมาให้พร้อมทำสัญญาทันทีเสียอย่างนั้น
“ถึงจะไม่ต้องห่วง แต่ขอให้เดินทางปลอดภัยนะขอรับ”ชายหนุ่มพูดก่อนที่ยี่เจินและพวกจูล่งจะเดินออกไปจากร้าน
“หัวหน้า คนพวกนั้นเป็นใครหรือขอรับ”ผู้คุ้มกันด้านหลังชายหนุ่มถามพลางมองจูล่งที่พึ่งพึ่งเดินลับตาไป พวกมันทั้งสองต่างเป็นชนชั้นยอดฝีมือ ทำให้สัมผัสพลังของจูล่งได้อย่างชัดเจน พลังของจูล่งเหนือกว่าระดับยอดฝีมือไปมาก ซึ่งคนที่มีพลังระดับนี้มีไม่มากเสียด้วย
“ข้าเองก็ไม่รู้ แต่ดูท่าทางจะพึ่งมาจากอาณาจักรอู๋”ชายหนุ่มตอบพลางถอนหายใจออกมา มันเองก็รู้จักกลุ่มพ่อค้าจากอาณาจักรอู๋อยู่บ้าง และทราบดีว่าพ่อค้ามีชื่อเสียงหรือร้านค้าใหญ่ของอาณาจักรอู๋หรือไป๋มีอะไรบ้าง แต่ยี่เจินไม่อยู่ในกลุ่มนั้นเลย ทำเอามันสงสัยจริงๆว่ายี่เจินเป็นยอดคนมาจากไหนกันแน่ ถึงได้สามารถหาผู้ติดตามระดับพลังขั้นเจ้าสวรรค์ได้ รวมทั้งอสูรอีก 2 ตนที่ทำเอาพยัคฆ์ภูผาอสูรระดับหยกขาวถึงกับเผ่นหนีได้อีก
“บางทีท่านอาจจะอยากแค่มาทำความรู้จักพวกเราก็ได้”ชายหนุ่มเดาพลางเอนหลังพิงเก้าอี้ จำนวนเงิน 200 เหรียญทองแม้จะมากสำหรับพ่อค้าธรรมดา แต่สำหรับร้านค้าใหญ่ที่มีสาขาไปทั่วแล้วเงินจำนวนนี้น้อยมาก อย่าว่าแต่จ้างคนระดับเจ้าสวรรค์เลย เงิน 200 เหรียญทองจ้างคนระดับยอดฝีมือไม่ได้เสียด้วยซ้ำ
.
.
“……..”ทางด้านยี่เจิน มันไม่ทราบหรอกว่าตนเองถูกเข้าใจผิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว แต่ตอนนี้มันกำลังกังวลเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่งแทน ก่อนหน้านี้มันไม่มีเงินทุนนับว่าเครียดแล้ว ยามนี้มันได้เงินทุนมากลับเครียดยิ่งกว่าเดิม แต่แรกมันคิดจะซื้อเกลือไปสัก 2 คันรถแล้วเดินทางไปขายที่เมืองทางเหนือ แต่เงินที่กู้มาได้มีมากเกินไป หากใช้เงินจำนวนนี้ซื้อเกลือคงได้ไม่ต่ำกว่า 100 คันรถ ซึ่งหากซื้อแบบนั้นจะทำให้การขนส่งลำบากกว่าเดิม เป็นไปไม่ได้เลยที่จะควบคุมรถม้าขนาดนั้นด้วยคน 4 คน แต่จะคนตามจำนวนเดิมก็เสียดายเงินที่ได้มา หรือจะจ้างแรงงานเพิ่มเพื่อคุมรถม้าดี? แต่แบบนั้นทั้งค่ารถม้าทั้งค่าคนงานก็จะกินกำไรไปหมด…..
“เจ้านายมีอะไรงั้นหรือ”เอมิลถามพลางเดินเข้าไปหายี่เจินด้วยท่าทีสงสัย
“ข้ากำลังคิดว่าจะใช้แหวนมิติดู”ยี่เจินว่าพลางมองเงินในกระเป๋าตนเอง เงินตอนนี้มีมากพอจะซื้อแหวนมิติมาใช้เพื่อขนสินค้าแล้ว เพียงแต่…
“ท่านใช้พลังวิญญาณไม่ได้ไม่ใช่หรือขอรับ”จูล่งถามออกมาเพราะเห็นกันแต่แรกแล้วว่ายี่เจินใช้วิธีขนของผ่านทางรถม้า
“ก็ใช่ แต่ตอนนี้ข้ามีคนใช้พลังวิญญาณได้ตั้ง 2 คนไม่ใช่หรือไง”ยี่เจินหัวเราะพลางมองมาทางเอมิลและเกว็น
“จะดีหรือขอรับ แบบนั้นหากพวกเราเอาแหวนมิติแล้วหนีหายไปท่านก็จะเสียทุกอย่างเลยนะขอรับ”เอมิลถามด้วยท่าทีกังวล แหวนมิติจำเป็นต้องใช้พลังวิญญาณในการเปิดปิด แม้ตอนใส่ของไว้ข้างในจะสามารถเก็บไว้กับตัวได้ แต่หากจะเอาของออกมาก็ต้องเป็นผู้มีพลังวิญญาณเท่านั้น หากเอมิลหรือเกว็นเอาแหวนไปก็เท่ากับขโมยสินค้าทั้งหมดไปในทีเดียวเลย แทนที่จะเอาไปได้จำนวนหนึ่ง
“ดีสิ พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องมาช่วยข้าเพราะเรื่องวันนั้นอยู่แล้ว แต่พวกเจ้าก็ยังมาช่วย ไม่ให้ข้าเชื่อใจพวกเจ้าได้อย่างไร”ยี่เจินตอบพลางยิ้มออกมา ในสายตาของยี่เจินเกว็นและเอมิลเป็นคนแสนดีที่เสนอตัวเองมารับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้น และหากพวกมันคิดจะขโมยคงโจมตีมันตอนนี้แล้วเอาเหรียญทองทั้งหมดของมันไปแล้ว
“เจ้านาย”เอมิลทำดวงตาเป็นประกายด้วยท่าทีชื่นใจ ตัวมันไม่เคยได้รับความรู้สึกเชื่อใจเช่นนี้มาก่อนแม้จะเป็นราชาของเขตอสูรมาก่อนก็ตาม
“พะ พวกเราไม่ได้เป็นคนดีแบบนั้นสักหน่อย”เกว็นว่าพลางหลบสายตาไปทางอื่น ยี่เจินพูดด้วยท่าทีอ่อนโยนเช่นนี้นางเองก็ไม่เคยเจอเช่นกัน
“ไม่หรอก พวกเจ้าเป็นคนดีกันจริงๆ เอาไว้จบงานแล้วข้าจะจ่ายค่าแรกให้ก็แล้วกัน พวกเจ้าจะได้มีเงินไปซื้ออะไรอร่อยๆกิน”ยี่เจินว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีอ่อนโยน
“เจ้านายยยย”เอมิลพูดออกมาด้วยท่าทีซาบซึ้งก่อนจะตรงเข้าไปกอดขายี่เจินทันที ทำเอาสภาพราชาของเขตอสูรแทบจะหายไปไม่เหลือ
.
.
“เชิญขอรับนายท่าน”หลังจากตกลงใจจะซื้อแหวนมิติแล้ว ยี่เจินก็พาพวกจูล่งเดินทางไปที่ร้านขายแหวนมิติโดยเฉพาะ ซึ่งราคาของแหวนมิตินั้นก็มีตามความจุของมัน โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 10 เหรียญทองไปจนถึงหลายพันเหรียญทองก็มี
“ขอวงนี้ก็แล้วกัน”ยี่เจินพูดพลางเลือกเอาแหวนมิติราคา 50 เหรียญทองมา 2 วง เพราะหากซื้อแหวนราคา 100 เหรียญทองวงเดียวจะได้ความจุแค่ 1.5 เท่าของวงราคา 50 เหรียญทองเท่านั้น หากซื้อ 50 เหรียญทอง 2 วงก็จะทำให้ได้ความจุ 2 เท่าในราคาเท่ากันนั่นเอง
“ว่าแต่ ใช้แหวนมิติแบบนี้ไม่โกงเกินไปหรือขอรับ”จูล่งถามพลางเลิกคิ้วสงสัย ตัวมันไม่ได้ใช้พลังอะไรเพื่อหาเงินเพราะกลัวว่าจะไปเอาเปรียบคนอื่น แหวนมิติเองก็เป็นหนึ่งในนั้น หากสามารถขนย้ายสินค้าได้จำนวนมากในครั้งเดียว การค้าก็คงง่ายดายขึ้นมาก
“โกง? เจ้าพูดอะไรกัน พวกเราเป็นพ่อค้า หากมีความสามารถก็ต้องใช้ให้เต็มที่สิ ถ้าข้าใช้พลังวิญญาณได้ตั้งแต่ต้นข้าก็จะใช้แหวนมิติขนของมาแล้วไม่ต้องเสียสินค้าไปเพราะเรือเสียหายด้วย”ยี่เจินว่าพลางส่ายหน้าช้าๆ โลกของพ่อค้านั้นไม่ได้ใสสะอาดเลยแม้แต่น้อย ทุกคนยอมใช้วิธีการมากมายเพื่อให้ตนสามารถหาเงินได้ ขอเพียงไม่ใช่วิธีเลวร้ายหรือผิดกฎหมายก็ไม่มีใครว่าหรอก
“ถ้าข้าสามารถหาของที่คนอื่นหามาไม่ได้มาขายจนร่ำรวยก็ไม่เป็นไรหรือขอรับ”จูล่งถามด้วยท่าทีสนใจ
“หึๆ หากเป็นแบบนั้นก็เพราะเจ้ามีความสามารถที่คนอื่นไม่มีไม่ใช่หรือไง ข้าจะยกตัวอย่างให้เจ้าฟัง สมมุติว่าวันหนึ่งมีคนมาขายสมุนไพรราคา 10 เหรียญทองแดง ชายคนแรกไม่ซื้อเพราะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ชายคนที่ 2 ซื้อเพราะรู้ว่านั่นคือสมุนไพรมีค่าแล้วนำไปขายต่อในราคา 50 เหรียญทองแดง เจ้าคิดว่าคนที่ 2 ผิดอะไรหรือไม่”ยี่เจินถามพลางยิ้มออกมา
“ไม่ขอรับ”จูล่งตอบพลางทำสีหน้าครุ่นคิด ตัวมันไม่อยากเอาของในเขตอสูรมาขาย เพราะมันเหมือนเอาของพวกท่านน้ามาขายทำเงิน แต่หากใช้ความสามารถของมันเองเพื่อหาเงินก็คงไม่มีปัญหาสินะ
“นั่นล่ะ ข้าเลยจะเอาเงินที่ได้มาไปซื้อของมาใส่แหวนมิติเอาไว้ และจะหาเงินด้วยความได้เปรียบนี้ให้จงได้”ยี่เจินยิ้มกว้างพลางพาพวกเกว็นและเอมิลเดินทางไปที่นาเกลือเพื่อขอซื้อเกลือไปขาย แต่…
“ตอนนี้เรายังไม่มีเกลือมากขนาดนั้นหรอกนะ ถ้าจะเอาก็ต้องรออีก 2 วัน”คำตอบของเจ้าของนาเกลือถือเป็นอันสิ้นสุด นั่นเพราะสินค้าส่วนใหญ่ที่ส่งให้ทางเหนือทุกปีเป็นเกลือจำนวนมหาศาล ทำให้เกลือทั้งหมดที่ผลิตได้ในช่วงนั้นหมดไปกับการส่งให้ร้านค้าใหญ่ที่เหมาเรือไปส่งและจมไปก่อนหน้านี้แล้ว เรียกได้ว่ากลับไปเป็นน้ำทะเลหมดแล้วนั่นเอง กว่าเกลือที่ตากเอาไว้รอบใหม่จะแห้งก็ต้องรออีก 2 วันนั้นเอง
“ช่วยไม่ได้นะ พวกเราขอจองเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน”ยี่เจินตอบพลางพาพวกไป๋จูล่งกลับไปที่เมืองเพื่อรอการผลิตเกลือ แน่นอนว่าจำนวนที่ยี่เจินสั่งเป็นจำนวนเกลือที่มากพอสมควร ทำให้เจ้าของนาเกลือรีบรับเงินมัดจำเอาไว้ทันที
“พวกเจ้ารับนี่ไปสิ”ยี่เจินว่าพลางนำเงินจำนวนหนึ่งออกมาให้จูล่งและพวกเกว็นและเอมิล เงินทุนที่กู้มาได้เป็นเงินก้อนโต หลังจากหักค่าเกลือและค่าแหวนมิติไปแล้วก็ยังเหลือเงินอีกนิดหน่อยให้พอเป็นค่าใช้จ่าย เมื่อคำนึงถึงค่าเดินทาง ค่าที่พัก รวมถึงค่าม้าที่จะขี่ไปทางเหนือด้วยแล้ว ยี่เจินก็ตัดสินใจเอาเงินที่เหลือมอบให้ทั้งสามเป็นค่าแรกงวดแรก
“พวกเจ้าไม่มีเงินติดตัวคงลำบาก ใช้อย่างประหยัดด้วยล่ะ”ยี่เจินยิ้มพลางขอตัวเข้าไปพักผ่อนในโรงแรมที่พึ่งย้ายเข้ามาพัก คืนนี้ไม่ต้องไปนอนเบียดกับพ่อค้าคนอื่นๆ เท่านี้ยี่เจินก็พอใจแล้ว
“เจ้านายนี่เป็นคนดีจริงๆเลยนะ”เอมิลว่าพลางมองเหรียญทองในมือด้วยท่าทีอ่อนโยน
“ใช่ไหมล่ะขอรับ”จูล่งตอบพลางยิ้มกว้างออกมา หากไม่ใช่เพราะยี่เจินเป็นคนดีเช่นนี้มันคงไม่ช่วยตั้งแต่แรกหรอก
“เจ้านายเป็นคนดีจริงๆนั่นล่ะ เจ้ามันเลวมากที่ชนเรือจนสินค้าของนายท่านพัก”เกว็นว่าพลางหันไปโทษเอมิลเสียอย่างนั้น แน่นอนเรื่องนี้ความผิดทั้งสองพอฟัดพอเหวี่ยงกันอยู่แล้ว พอเริ่มเอ่ยปากก็แทบจะตีกันเองทันที
“เช่นนั้น เดี๋ยวข้ามานะขอรับ”จูล่งว่าพลางมองเงินในมือตนเอง เงินที่ยี่เจินมอบให้มานั้นคือ 1 เหรียญทอง มันมากกว่าค่าแรกของจูล่งทั้งเดือนเสียอีก นับว่าเป็นเงินติดตัวที่มากทีเดียว
“นายท่าน ท่านจะไปไหนงั้นหรือ”เอมิลถามขณะมือของมันกำลังรับการโจมตีจากเกว็นอยู่
“ข้าจะลองไปดูอาวุธที่ท่านบอกว่าจะเอามาเทขายดู”จูล่งตอบพลางยิ้มออกมาโดยไม่ได้สนใจท่าทีเหมือนกำลังจะทำร้ายกันของทั้งสองแต่อย่างไร
“แต่เจ้านายบอกว่าที่นั่นไม่คุ้มไม่ใช่หรือขอรับ”เอมิลถามด้วยท่าทีงุนงง มันเสนอเรื่องอาวุธให้ยี่เจินแล้ว แต่ยี่เจินแทบจะตีตกทันที
“เจ้านายบอกว่าการใช้ความสามารถไม่ใช่เรื่องผิดนี่นา”จูล่งว่าพลางเปลี่ยนดวงตาเป็นสีทองทันที ดวงตาสีทองนี้สามารถแยกแยะวัตถุดิบต่างๆได้อย่างยอดเยี่ยม แม้แต่ทวนของจูล่งเองหากใช้ดวงตาสีทองตรวจสอบก็จะเห็นได้ทันทีว่าน้าราชสีห์ใช้โลหะอะไรตีมันขึ้นมาบ้าง เรื่องนั้นทำให้การแยกแยะระหว่างอาวุธธรรมดากับอาวุธที่มีโลหะมีค่าผสมอยู่เป็นเรื่องง่ายดายมากสำหรับจูล่งนั่นเอง ตอนนี้ยี่เจินต้องรอเกลือนับเป็นเวลาอันดีที่จูล่งจะลองทำกำไรด้วยตนเองดูบ้าง