ตอนที่ 524
เด็กขี้อ้อน
“ท่านน้า”ร่างเล็กๆของไป๋หลินเฟยในวัย 3 ขวบวิ่งเข้าไปที่ห้องของไป๋จูล่งด้วยท่าทีร่าเริงเช่นทุกที แต่วันนี้ที่หน้าห้องของไป๋จูล่งนั้นกลับมีคนกลุ่มหนึ่งเฝ้าเอาไว้เสียอย่างนั้น
“หลินเฟย น้าของเจ้ากำลังคุยธุระอยู่ อย่าพึ่งเข้าไปกวนเลยนะ”ต้าหวานพูดพลางเดินเข้ามาหาไป๋หลินเฟยด้วยท่าทีเอ็นดู ตัวไป๋หลินเฟยนั้นแม้จะเป็นผู้ชาย แต่เพราะได้เลือดมารดามาเยอะเป็นพิเศษหรืออย่างไรไม่ทราบ ยิ่งโตก็ยิ่งน่ารัก ดูแล้วจะน่ารักกว่าเด็กผู้หญิงหลายๆคนเสียด้วยซ้ำ
“ธุระอะไรหรือขอรับ”หลินเฟยถามพลางกะพริบตาปริบๆด้วยท่าทีสงสัย วันนี้มันจะขอให้ท่านน้าพาไปเที่ยวในเมืองเสียหน่อยแท้ๆ
“เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว เอาไว้หลังจากนี้ค่อยไปเที่ยวกันนะ”หลี่เย่ว่าพลางยิ้มหวานให้เด็กชาย เพราะหลินเฟยติดจูล่งเป็นพิเศษ ทำให้พวกนางทั้ง 4 คนเองก็พลอยสนิทกับหลินเฟยไปด้วย ตอนนี้พวกนางเลยถูกเรียกว่าน้าไปด้วยเลย
“ขอรับ”หลินเฟยยิ้มกว้างด้วยท่าทีดีใจ ก่อนจะแยกตัวออกไปนั่งรอจูล่งกับพวกสาวๆแทน
“สงครามที่อาณาจักรไชน์เป็นอย่างไรบ้างขอรับ เลวร้ายหรือไม่”ขณะเดียวกันนั้นในห้องของจูล่ง แขกที่อยู่ตรงหน้าจูล่งนั้นไม่ใช่ใครอื่นเลย มันคือยี่เจินนั่นเอง
“สงครามก็ดำเนินไปตามปกตินั่นล่ะ อาณาจักรไชน์ได้เปรียบอยู่มากคิดว่าเรื่องแพ้คงเป็นไปไม่ได้หรอก”ยี่เจินส่ายหน้าช้าๆพลางยิ้มออกมา หลังจากยี่เจินก่อตั้งโรงงานได้ปีเดียวสงครามของอาณาจักรไชน์กับอาณาจักรข้างเคียงก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง แต่เพราะทั้งกำลังและเทคโนโลยีต่างกันหลายเท่า อาณาจักรรอบๆไชน์ที่แต่ก่อนเป็นอาณาจักรที่แข็งแกร่งเท่าเทียมกันกลับกำลังโดนไล่ต้อนไปทีละน้อย หลังจบสงครามเกรงว่าอาณาจักรไชน์จะกว้างใหญ่ขึ้นเสียแล้ว
“เพราะสงครามแท้ๆโรงงานของเราถึงได้โตขึ้นขนาดนี้ ไม่รู้ว่าควรยินดีหรือเปล่านะขอรับ”จูล่งหัวเราะออกมาพร้อมๆกับส่ายหน้า เพราะมีสงครามเกิดขึ้น การผลิตอาวุธและอุปกรณ์อื่นๆต่างเพิ่มปริมาณมากขึ้นจนน่าใจหาย และโลหะผสมที่จูล่งคิดขึ้นก็ได้รับความนิยมนำไปใช้ทำทั้งอาวุธและอุปกรณ์ส่งผลให้โรงงานของยี่เจินต้องเปิดโรงงานย่อยขึ้นมาอีกแห่ง และเพิ่มเหมืองแร่อีกหลายแห่ง สุดท้ายแล้วเงินที่ยี่เจินได้มาจากสงครามก็มากจนเงินที่ขายแหวนทับทิมเพลิงไปกลายเป็นเพียงเงินจำนวนน้อยนิดเท่านั้น
“นี่เป็นเงินส่วนของเจ้า จริงสิรูบี้บอกว่าถ้าเจ้าว่างก็ไปหานางสักหน่อย นางมีอะไรจะอวด”ยี่เจินว่าพลางยื่นตั๋วเงินให้จูล่ง นอกจากส่วนแบ่งของโรงงานแล้ว จูล่งยังมีธุรกิจกองทุนอยู่อีกอย่าง ในช่วงสงครามมีพ่อค้าหัวใสมากมายคิดจะทำกำไรกับสงคราม แต่ไม่มีทุน สุดท้ายก็เลยมากู้ยืมกับจูล่งด้วยจำนวนเงินมหาศาล บางคนถึงกับเอาร้านค้าของตนเองมาเป็นหลักประกันเพื่อกู้ยืมเงินในวงเงินสูงทำเอาในปีแรกที่เกิดสงครามจูล่งต้องใช้เงินหลักร้อยล้านเหรียญทองเพื่อใช้เป็นเงินปล่อยกู้เลยทีเดียว แต่ดอกเบี้ยที่ได้คืนมาแต่ละเดือนนั้นก็นับว่าคุ้มค่าไม่น้อย แถมพอได้เงินจากยี่เจินในแต่ละเดือนมาช่วย จูล่งก็ยิ่งคล่องตัวมากขึ้น ตอนนี้กองทุนของจูล่งเพียงเอาเงินดอกเบี้ยที่เก็บได้มาให้คนอื่นกู้ยืมต่อสามารถเลี้ยงพนักงานและกองทุนทั้งหมดได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้เงินส่วนแบ่งของยี่เจินอีก ทำให้เงินที่จูล่งได้มายิ่งกองเป็นภูเขาเสียอย่างนั้น ท่าทางมันจะต้องหาธุรกิจอื่นทำอีกหน่อยเสียแล้ว
“ขอบคุณขอรับ ว่าแต่เจ้านาย ท่านจะกลับเลยงั้นหรือ”จูล่งถามพลางมองไปที่เกว็นที่อยู่ด้านหลังของยี่เจิน ดูเหมือนนางจะเป็นคนพายี่เจินมาในครั้งนี้
“แน่นอน สภาพสงครามยังไม่สงบ ข้าเลยต้องกลับไปคุมโรงงานต่อ”ยี่เจินว่าพลางหัวเราะออกมา เหล่าคนที่อยู่หน้าห้องของจูล่งนั้นก็เป็นคนของมันเอง ไม่น่าเชื่อเลยว่าแค่ 3 ปีกว่าๆก็ทำให้มันกลายเป็นคนที่ต้องมีผู้คุ้มกันแล้ว แถมยังกลายเป็นคนหนึ่งที่สามารถเข้ามาในเขตอสูรผาไร้ก้นในตำนานได้อีก ทั้งหมดนี้เพราะจูล่งแท้ๆ
“เดินทางปลอดภัยนะขอรับ”จูล่งเดินออกมาส่งด้วยท่าทียิ้มแย้ม แต่ยี่เจินยังไม่ทันจะเดินจากไปไหนไกลจูล่งก็โดนร่างเล็กๆของหลินเฟยเข้ามาเล่นงานเสียก่อน
“ท่านน้า ข้าอยากไปเที่ยวในเมืองแล้ว ท่านสัญญากับข้าแล้วไม่ใช่หรือ”ไป๋หลินเฟยว่าพลางกระโดดขึ้นไปเกาะบนตัวจูล่งด้วยท่าทีขี้อ้อน
“จริงสิ เห็นท่านน้ารูบี้บอกให้ข้าไปหาอยู่พอดี หลินเฟยเราไปเที่ยวอาณาจักรไชน์กันดีหรือไม่”จูล่งถามพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีร่าเริงไม่ต่างจากหลานเลย
“ล่งเอ๋อ เจ้าจะพาเฟยเอ๋อไปไหนนะ”อยู่ๆเสียงๆหนึ่งก็ดังมาจากด้านหลังจูล่งเสียอย่างนั้น ทำเอาจูล่งเหงื่อตกทันที
“อาณาจักรไชน์ขอรับท่านแม่”จูล่งตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา
“เจ้าน่าจะรู้ดีไม่ใช่หรือว่าตอนนี้ไชน์อยู่ในสภาวะสงคราม เจ้าจะพาหลานไปได้ยังไง”เหม่ยหลินถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีเหนื่อยใจ
“ท่านยาย หลินเฟยอยากไปกับท่านน้าขอรับ”อยู่ๆหลินเฟยที่อยู่ในอ้อมกอดจูล่งก็หันมาส่งสายตาขอร้องไปทางเหม่ยหลินเสียอย่างนั้น ถึงอย่างไรหลินเฟยก็เป็นหลานคนแรกของตระกูลไป๋ ทั้งไป๋จูเหวินทั้งตัวนางเองต่างก็โอ๋หลินเฟยกันไม่น้อยเลย
“แต่มัน อันตราย….”เหม่ยหลินกลั้นใจปฏิเสธอย่างยากลำบาก แต่เพราะหลินเฟยเกิดมาด้วยระดับพลังปกติ ทำให้เหม่ยหลินยังกังวลอยู่แม้จะมีสาวๆกับจูล่งไปด้วยแล้วก็ตาม
“งั้นท่านยายก็ไปกับหลินเฟยด้วยสิขอรับ หลินเฟยอยากไปเที่ยวกับท่านยายด้วย”หลินเฟยพูดพลางยิ้มกว้างออกมาด้วยใบหน้าน่ารักน่าชัง ทำไมทั้งลูกทั้งหลานของนางถึงอ้อนกันเก่งเช่นนี้ เหม่ยหลินผู้เป็นทั้งแม่และยายไปแล้วกลับทำใจแข็งกับพวกลูกๆหลานๆไม่ได้เสียที
“ก็ได้ งั้นยายจะไปบอกให้ตาของเจ้าอีกคน”สุดท้ายเหม่ยหลินก็ได้แต่ยอมแพ้แล้วไปชวนไป๋จูเหวินด้วยอีกคน แน่นอนว่าพอทราบข่าว ทั้งไป๋หลินและชิงชิวเองก็จะไปด้วยเช่นกัน ทำเอาตระกูลไป๋ทั้งหมดพากันเดินทางไปเที่ยวอาณาจักรไชน์ในทันที
.
.
“ฮ้าๆ พวกเจ้านี่เห่อหลานกันจริงๆเลย”เพิร์ลหัวเราะออกมาหลังจากได้ทราบเรื่องจากไป๋จูเหวินที่มาหาพวกตนอย่างกะทันหัน
“เจ้าเองมีหน้ามาว่าข้าด้วยงั้นหรือ”ไป๋จูเหวินว่าพลางหันไปมองข้าวของที่เหมือนจะเป็นไดแอนที่ซื้อเข้ามาในบ้าน
“ก็นะ พวกลูกๆอยากได้อะไร ถ้าหาได้พวกเราก็อยากพาให้นี่นะ”เพิร์ลตอบพลางยักไหล่ด้วยท่าทีเหมือนจะบอกว่าช่างมันเถอะ ก่อนจะเริ่มพาไป๋จูเหวินไปเดินเล่นปล่อยให้รูบี้อยู่กับพวกหลานๆอวดสิ่งประดิษฐ์ใหม่ของนางกันเอง
“แล้วเป็นอย่างไรบ้าง หลานสาวคนแรกของตระกูลไป๋”เพิร์ลถามพลางมองไปทางไป๋หลินเฟยที่เดินตามจูล่งและมารดาของมันเข้าไปในห้องทดลองของรูบี้
“พูดอะไรของเจ้า หลินเฟยเป็นเด็กผู้ชายต่างหาก”ไป๋จูเหวินส่ายหน้าช้าๆ ไม่นึกว่าเพิร์ลเองก็มองพลาดไปด้วย
“เอ๊ะ งั้นเหรอ….”เพิร์ลกะพริบตาปริบๆพลางเพ่งมองหลินเฟยอีกรอบ ช่วยไม่ได้นี่น่าภายนอกหลินเฟยเหมือนเด็กผู้หญิงไม่มีผิดเลย
“ส่วนเรื่องอื่นก็… ปกติดี”ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีโล่งใจ
“ปกติดีของเจ้านี่คือยังไง”เพิร์ลถามพลางขมวดคิ้วด้วยท่าทีสงสัย
“พลังดึงดูดอสูรปกติ ไม่รุนแรงเกินไป ตอนนี้ระดับพลังวิญญาณและพลังอสูรอยู่ขั้นเหรินเซียน น่าเสียดายที่ความสามารถล่องหนหายตัวของชิงชิวโดนพลังสายเลือดแมงมุมของข้ากลืนหายไป แต่ก็ได้เนตรแมงมุมกับเกราะแมงมุมมาครบ”ไป๋จูเหวินตอบด้วยท่าทีสบายใจ ดูแล้วหลินเฟยจะเกิดมาคล้ายไป๋หลินไม่น้อยเลย
“นี่นะเหรอที่เจ้าเรียกปกติ”เพิร์ลเส้นเลือดปูดขึ้นมาที่หน้าผากทันที เด็กคนนี้โตมาต้องกลายเป็นปีศาจเหมือนคนอื่นๆในตระกูลไป๋แน่ๆรับรองได้เลย
.
.
“ท่านแม่ เห็นหรือไม่เจ้าคะ ข้าทำได้แล้ว”อีกด้านหนึ่ง ณ เขตอสูรผลึกฟ้าอันเป็นที่อยู่ของราชินีน้ำแข็ง ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งกำลังกระโดดโลดเต้นด้วยท่าทีดีใจหลังจากตนเองบรรลุระดับเทียนเซียนได้สำเร็จ แม้จะเป็นระดับเทียนเซียนขั้นแรก แต่นางยังอายุไม่ถึง 18 เสียด้วยซ้ำนับว่ามาถึงจุดนี้ได้อย่างรวดเร็วมากเลยทีเดียว
“จ่ะ….”ราชินีน้ำแข็งมองเหล่าอสูรในเขตอสูรของนางที่โดนบุตรสาวเล่นงานเสียจนหมดท่า ไม่ใช่ว่าพวกมันอ่อนแอหรอกนะ แต่เพราะพวกมันทำร้ายบุตรสาวของนางไม่ได้ต่างหาก แถมพลังของผิงกั่วก็เพิ่มขึ้นมาในเกณฑ์ที่สูงมากแล้วด้วย พวกอสูรที่ต้องออมมือตลอดรับมือไม่ได้ก็ไม่แปลก
“ท่านแม่ เท่านี้ข้าก็ออกไปข้างนอกได้แล้วสินะเจ้าคะ”ผิงกั่วว่าพลางยิ้มกว้างด้วยท่าทีดีใจ แม้เวลาหลายปีที่ผ่านมาจะทำให้นางโตเป็นสาวแล้ว แต่แก้มแดงๆน่าหยิกของนางยังคงไม่หายไปไหน ทำเอาราชินีน้ำแข็งอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปหยิกแก้มลูกสาวตัวน้อยของนางด้วยท่าทีเอ็นดู
“ก็ได้ แม่สัญญากับเจ้าเอาไว้แล้ว”ราชินีน้ำแข็งตอบพลางพาผิงกั่วเข้าไปในปราสาทน้ำแข็งอย่างช่วยไม่ได้ นางสัญญากับผิงกั่วเอาไว้จริงๆว่าจะยอมให้นางไปเที่ยวในเมืองได้หากนางปกป้องตัวเองได้ แถมพักหลังมานี่ไป๋จูล่งก็ไม่ว่างเดินทางมาที่เขตอสูรผลึกฟ้าแห่งนี้เลย ทำให้ผิงกั่วอยากจะเจอจูล่งมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การที่นางตั้งใจฝึกฝนเพื่อจะออกไปข้างนอกอาจจะมีสาเหตุมาจากจูล่งเป็นสาเหตุใหญ่เลยก็ได้
“ผิงกั่วเจ้าคิดเอาไว้หรือยังว่าจะไปที่ไหน”ราชินีน้ำแข็งถามขณะกำลังพาผิงกั่วไปที่ห้องของนาง
“ข้าจะไปอาณาจักรไป๋เจ้าค่ะ”ผิงกั่วตอบด้วยรอยยิ้มน่ารักน่าเอ็นดู โตจะเป็นสาวอยู่แล้วยังมีท่าทีเหมือนเด็กๆอยู่อีก แบบนี้จะไม่ให้ราชินีน้ำแข็งเป็นห่วงได้อย่างไร และการที่นางจะไปอาณาจักรไป๋ก็ย่อมเป็นเพราะต้องการไปหาไป๋จูล่งอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“งั้นก็ดี แต่เจ้าต้องพาเสี่ยวปิงไปด้วย”ราชินีน้ำแข็งว่าพลางเรียกอสูรตนหนึ่งเข้ามาในปราสาท เสี่ยวปิงเป็นอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดตนหนึ่งของเขตอสูรผลึกฟ้า แม้จะไม่ได้แข็งแกร่งมากมายอะไร แต่ก็อยู่ระดับบรรพกาลขั้นที่ 1 นับว่าสามารถช่วยเหลือผิงกั่วได้มากแน่ๆ
“คุณหนู ยินดีด้วยนะเจ้าคะ”เสี่ยวปิงในร่างของตุ๊กตาหิมะขนาดเท่าฝ่ามือปรากฏขึ้นบนไหล่ของผิงกั่วอย่างรวดเร็ว แม้นางจะอยู่ร่างเล็กกะทัดรัด แต่เมื่อนางคืนร่างจริงนางก็สามารถกลายเป็นอสูรน้ำแข็งที่น่ากลัวได้เหมือนกัน