ตอนที่ 554
ช่วยเหลือ
“นั่นมันอะไรกัน”ระหว่างที่หลินเฟยกำลังเดินทางไปที่เมืองข้างๆด้วยรถยนต์อยู่นั้น ที่ข้างทางก็ปรากฏขาย 3 คนกำลังเดินทางผ่านทะเลทรายมุ่งหน้าไปยังฮัวกิงกันอยู่ โดยแต่ละคนนั้นต่างมีพลังวิญญาณไม่ธรรมดาเลย แม้จะอ่อนแอกว่าเจ้าเกาจุนก็ตาม
“รถม้าม้าวิ่งในทะเลทรายเนี่ยนะ”ชายอีกคนถามพลางขมวดคิ้วด้วยท่าทีสงสัย ปกติแล้วรถม้ามาวิ่งในทะเลทรายได้ค่อนข้างยาก หากไม่มีเส้นทางที่แข็งพอล้อรถที่ทำจากไม้ก็จะจมดินอย่างไม่ต้องสงสัยเลย แต่เจ้ารถม้าคันนั้นกลับวิ่งฉิวบนทรายเสียอย่างนั้น
“ไม่ใช่แค่เรื่องนั้นสิ ดูให้ดีรถม้าคันนั้นไม่มีม้าลากเสียหน่อย”ชายอีกคนพูดด้วยท่าทีตกใจ สิ่งที่ประหลาดที่สุดของรถม้าคันนั้นคือไม่มีม้าลากต่างหากไม่ใช่หรือไง
“ไม่หรอก บางทีอาจจะเป็นยอดฝีมือสักท่านก็ได้”ชายหนุ่มคนแรกพูดพลางส่ายหน้าช้าๆ น่าเสียดายที่ชาวอาณาจักรทางใต้ยังไม่ทราบเรื่องรถไฟเสียด้วยซ้ำ การมีอยู่ของรถยนต์ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
“มันมีวิชาแบบนั้นด้วยงั้นเหรอ”ดูเหมือนสหายคนหนึ่งในกลุ่มยังคงสงสัยไม่หาย เพราะตัวเขาไม่เคยได้ยินเลยว่ามีวิชาที่สามารถลากรถม้าไปไหนมาไหนได้แบบนั้นมาก่อนเลย
“เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ พวกเราต้องรีบทำงานนะ”ชายที่อยู่หน้าสุดพูดพลางเร่งเดินทางไปยังเมืองฮัวกิงที่อยู่ไม่ห่างจากจุดที่พวกตนอยู่ไม่กี่สิบนาที
“เข้าใจแล้วขอรับ”อีกสองคนที่ยังมัวสนใจรถของหลินเฟยไม่หายหันมาตอบรับด้วยท่าทีนอบน้อม
“เมืองฮัวกิงโดนโจรชั่วยึดเอาไว้หลายเดือนแล้ว ชาวบ้านคงกำลังหวาดกลัวอยู่แน่ๆ”ชายคนหน้าพูดพลางมองไปยังกำแพงเมืองฮัวกิงที่อยู่ตรงหน้า เพราะเมืองฮัวกิงมีทะเลทรายคั่นกลางทำให้การแจ้งข่าวต่างๆไปถึงเมืองหลวงหรือเมืองอื่นๆช้าๆมาก แถมกว่าชาวบ้านจะหนีออกมาจากเมืองไปแจ้งข่าวเรื่องโจรบุกยึดเมืองได้ก็ใช้เวลาเป็นเดือนๆ ทำให้กว่าราชสำนักจะส่งพวกตนมาก็กินเวลาเกือบปีเข้าไปแล้ว
“ป่านนี้พวกโจรคงกดขี่ชาวบ้านจนแย่แล้วแน่ๆ ข้าจะเข้าไปตรวจสอบด้านในก่อนนะขอรับ”ชายคนหนึ่งในกลุ่มพูดพลางแยกตัวออกไปเข้าด้านข้างของเมืองแทน ด้วยวิชาตัวเบาที่ดูเหมือนจะฝึกมาอย่างหนักของชายคนนั้นทำให้สามารถปีนขึ้นกำแพงเมืองได้อย่างง่ายดาย แถมตัวชายหนุ่มยังลบพลังวิญญาณของตนเองออกไปจนเกือบหมดอีกต่างหากเพราะทราบข่าวมาว่าพวกโจรนั้นมีผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณอยู่หลายคนทีเดียว
“……”เมื่อปีนกำแพงเข้ามา สภาพบ้านเมืองที่ถูกโจรยึดเอาไว้ก็ไม่ต่างจากที่จินตนาการเท่าไหร่ ถนนหนทางโล่งไม่มีผู้คน ชาวบ้านเอาแต่เก็บตัวอยู่ในบ้านไม่มีวี่แววของการใช้ชีวิตอย่างสบายใจเลย เพียงแต่ก็มีสิ่งแปลกตาอยู่นิดหน่อย แม้จะมีชาวบ้านให้เห็นบ้าง แต่กลับไม่เห็นคนที่มีท่าทีว่าจะเป็นโจรเลย วิชาปกปิดพลังวิญญาณเป็นวิชาลับที่มีน้อยคนมากที่สามารถใช้ได้ ชายหนุ่มไม่คิดหรอกว่าพวกโจรจะสามารถใช้ได้กันทุกคน แต่ในเมืองก็แทบไม่มีผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณอยู่เลย
“อยู่ที่นี่กันนี่เอง”ชายหนุ่มพูดพลางมองสถานการณ์ที่กลางเมือง ที่จวนเจ้าเมืองนั้นมีกลุ่มโจรยืนคุ้มกันอยู่เป็นจำนวนมาก เห็นได้ชัดเลยว่ากำลังป้องกันอะไรบางอย่างอยู่แน่ๆ หรือว่าพวกมันจะได้ข่าวแล้วว่าทางการจะส่งผู้ตรวจการเข้ามา
“พวกมันซ่อนอะไรเอาไว้กัน”ชายหนุ่มครุ่นคิดด้วยความสงสัยก่อนจะลอบเข้าไปในตัวบ้านหลังใหญ่อันเป็นที่ตั้งของจวนเจ้าเมืองเก่านั่นเอง ตอนนี้พวกโจรไม่ค่อยระวังเท่าไหร่ ราวกับกำลังนั่งเรียงแถวกันเฉยๆไม่ได้มาเฝ้ายามเสียอย่างนั้น ทำให้การลอบเข้าด้านหลังจวนเป็นเรื่องง่าย แค่ลอบเข้ามาด้านหลังก็เข้าตัวบ้านหลักได้เลย พวกโจรนี่ช่างป้องกันอ่อนแอจริงๆ
แต่ถึงจะเข้ามาถึงบ้านหลักแล้ว ชายหนุ่มก็ยังสัมผัสพลังของหัวหน้ากลุ่มโจรที่ว่ากันว่าแข็งแกร่งกว่าทหารหลวงเสียอีกไม่ได้เลย หรือว่ารถม้าที่วิ่งออกไปก่อนหน้านี้จะเป็นเจ้าหัวหน้ากลุ่มโจรที่ว่ากัน หากเป็นเช่นนั้นจริงต้องแย่ๆแน่ๆ หากหัวหน้ากลุ่มโจรคือยอดฝีมือที่สามารถบังคับรถม้าให้แล่นบนทะเลทรายได้โดยไม่ต้องพึ่งพาม้าแม้แต่ตัวเดียวละก็เรื่องที่มันแข็งแกร่งกว่าทหารหลวงคงเป็นความจริงแน่ๆ แล้วถ้าเป็นแบบนั้นจริงพวกมันแค่ 3 คนคงจะเอาไม่อยู่เป็นแน่
“อะไรกัน ผู้หญิงงั้นหรือ”ระหว่างกำลังสำรวจบ้านใหญ่ นอกจากสมบัติที่ถูกปล้นมาแล้วชายหนุ่มก็พบว่าในห้องแห่งหนึ่งมีสาวงามคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะด้วยท่าทีว่างๆ ดูเหมือนนางกำลังเล่นกับแมวที่อยู่บนตักของนางกระมัง
“……..”แม้จะมองจากระยะห่างก็ยังรู้ว่าหญิงสาวผู้นี้งดงามจนน่าตกตะลึง มิน่าเล่าถึงถูกพวกโจรจับมา หรือว่าเจ้าหัวหน้าโจรนั่นจะจับหญิงสาวชาวบ้านมาทำมิดีมิร้ายกันแน่ เจ้าหัวหน้าโจรนั้นช่างชั่วร้ายเสียเหลือเกินที่ทำกับสาวน้อยผู้งดงามเช่นนี้ได้ลงคอ
“เอ๊ะ…..”ขณะกำลังจินตนาการฟุ้งซ่าน อยู่ๆไป๋ชิวซุยที่นั่งอยู่ในห้องก็หันมามองทางด้านชายหนุ่มราวกับทราบอยู่แล้วว่าชายหนุ่มมาแอบมองตนเองอยู่บนหลังคา แถมยังยิ้มให้ราวกับจะทักทายอีกด้วย
“แม่นาง ใจเย็นก่อนข้าไม่ใช่คนไม่ดีนะ”เมื่อทราบว่าอีกฝ่ายเห็นตนเองเข้าตัวชายหนุ่มก็รีบลงมาแล้วบอกให้หญิงสาวเงียบเสียงลงทันที เพราะหากนางโวยวายขึ้นมามีหวังพวกโจรข้างนอกต้องแห่เข้ามาแน่ๆ
“พี่ชาย ท่านมาทำอะไรที่นี่หรือเจ้าคะ”ไป๋ชิวซุยถามด้วยท่าทียิ้มแย้มมีท่าทีจะโวยวายอย่างที่ชายหนุ่มคิดแต่อย่างไร
“ไม่ต้องกังวล ข้าเป็นคนของทางการ มาที่นี่เพื่อตรวจสอบเมืองฮัวกิงที่กำลังถูกโจรยึดเอาไว้”ชายหนุ่มตอบพลางถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก อย่างน้อยนางก็ไม่โวยวายอะไร
“คนของทางการ….เหมือนพวกทหารหรือเจ้าคะ”ชิวซุยถามพลางลูบหัวของเหมาเหมาอย่างเอ็นดู ท่าทางเจ้าพยัคฆ์ขาวตนนี้จะเริ่มชินเวลานางลูบบนลำตัวของมันแล้วถึงได้นอนทำท่าสบายใจอยู่บนตักได้ขนาดนี้
“ใช่แล้วแม่นาง ว่าแต่แม่นางกำลังทำอะไรอยู่งั้นหรือ”ชายหนุ่มถามพลางมองมาทางชิวซุยด้วยท่าทีประหลาดใจ ปกติคนที่โดนพวกโจรจับมาจะหวาดกลัวกว่านี้ไม่ใช่หรือยังไง แต่นางกลับเล่นกับแมวแถมยังเริ่มเปลี่ยนเป็นเกาคางให้มันอีกต่างหากราวกับสถานการณ์ตอนนี้ไม่ได้ทำให้นางตกใจเลย
“ข้ากำลังรอท่านพี่อยู่เจ้าค่ะ”ชิวซุยตอบออกไปตามตรง ที่นางอยู่ที่นี่ก็เพื่อรอให้หลินเฟยไปซื้อนมและน้ำตาลกลับมายังไงล่ะ
“พี่ของเจ้า…..ใช่คนที่เดินทางไปเมืองข้างๆหรือเปล่า”ชายหนุ่มถามพลางมองมาทางชิวซุยด้วยท่าทีเห็นใจ
“เจ้าค่ะ”ชิวซุยตอบด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม แต่คราวนี้ชายหนุ่มกลับมองรอยยิ้มของนางเป็นรอยยิ้มที่แสนเศร้าเสียอย่างนั้น ตัวชายหนุ่มที่เดินทางไปยังเมืองข้างๆเพื่อแจ้งข่าวเรื่องโจรบุกเมืองนั้นต้องเดินทางผ่านทะเลทรายตามลำพังนับเดือน ร่างกายย่ำแย่มากกว่าจะแจ้งข่าวสำเร็จก็เกือบตาย ตอนนี้ยังรักษาตัวอยู่ที่เมืองข้างๆอยู่เลย ตัวชายหนุ่มได้ทราบข่าวเรื่องนี้ก็สลดใจมากพอแล้ว ยิ่งได้ทราบว่าจริงๆแล้วน้องสาวของชายผู้นั้นกำลังอยู่ในกำมือของพวกโจรด้วยยิ่งน่าสงสารเข้าไปใหญ่
“แม่นางไม่ต้องห่วง ข้าจะเสี่ยงพาเจ้าออกไปเอง”ชายหนุ่มยืดอกขึ้นพลางอาสาจะพาชิวซุยหนีออกไปเอง
“แต่ท่านพี่บอกว่าให้ข้ารออยู่ที่นี่”ชิวซุยกะพริบตาปริบๆด้วยท่าทีเหมือนจะไม่อยากไป ก็หลินเฟยจะกลับมาพรุ่งนี้แล้วจะให้นางหนีไปไหนกัน
“แม่นาง พี่ชายของเจ้าปลอดภัยอยู่ที่เมืองข้างๆแล้ว เจ้าไปกับข้าเถอะข้าจะพาเจ้าไปหาพี่ชาย”ได้ยินเช่นนั้นชิวซุยก็มีท่าทีตกใจขึ้นมาทันที ชายตรงหน้านางนั้นยอดเยี่ยมไปเลย มันสามารถแยกออกเสียด้วยว่าพี่ของนางเป็นผู้ชาย บอกตามตรงแม้แต่นางที่เป็นน้องสาวยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่ของนางเป็นผู้ชายจริงๆ
“แม่นางตามข้ามานะ”ชายหนุ่มพูดพลางเปิดประตูให้ชิวซุยเดินตามออกมา ตอนนี้หัวหน้าโจรไม่อยู่ หากเกิดการปะทะขึ้นมันก็คงสู้ได้ไม่ยาก เมื่อได้เห็นความน่าสงสารของหญิงสาวผู้นี้แล้วตัวชายหนุ่มก็ไม่อาจปล่อยไปได้จริงๆ
“แม่นาง ตามช้ามาให้ไวที่สุดนะ แล้วก็ให้เงียบที่สุดด้วย”ชายหนุ่มว่าพลางพุ่งวาบผ่านอาคารหลังหนึ่งไปยังอาคารอีกหลังหนึ่งอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าพวกโจรจะเดินมาเจอเข้า
“……..”แต่เมื่อชายหนุ่มหันกลับมา ชิวซุยที่ควรจะวิ่งตามมานั้นกลับเดินเตาะแตะตามมาเสียอย่างนั้น ทำเอาชายหนุ่มเหงื่อแทบตกก่อนจะส่ายหน้าออกมาช้าๆ บางทีนางอาจจะเป็นเด็กไม่แข็งแรงก็เลยเคลื่อนไหวเร็วมากไม่ได้
“แม่นาง อาจจะเสียมารยาทไปสักหน่อย แต่ถ้าให้ข้าอุ้มท่านไปละก็…”ชายหนุ่มว่าพลางเสนอความคิดออกมา การแตะเนื้อต้องตัวระหว่างชายหญิงเป็นเรื่องไม่สมควร แต่กรณีเช่นนี้นับว่าเป็นกรณีฉุกเฉิน หากมันอุ้มหญิงสาวไปได้ก็สามารถหนีไปได้อย่างรวดเร็ว
“ไม่ล่ะ มันเป็นเรื่องเสียมารยาทมากเลย”อยู่ๆก็มีเสียงของหญิงสาวอีกคนดังขึ้นมาจากบนหลังคา แม้จะซ่อนพลังวิญญาณเอาไว้แล้วแต่น่าเสียดายเมื่อเทียบกับการปกปิดพลังวิญญาณของพวกคนตระกูลไป๋แล้ววิชาของชายหนุ่มช่างอ่อนด้อยเสียเหลือเกิน ทำให้หลานฮวาสัมผัสพลังของมันได้ตั้งแต่พาชิวซุยออกมาแล้ว
“เจ้า….”ชายหนุ่มสะดุ้งวาบเมื่อเห็นหญิงสาวที่ยืนอยู่บนหลังคา มันสัมผัสพลังวิญญาณจากนางไม่ได้เลย หรือว่าพวกโจรจะมีวิชาปกปิดพลังวิญญาณจริงๆ
“บังอาจมากที่จะมาจับตัวชิวซุยของข้า”หลานฮวาไม่ทราบว่าอีกฝ่ายเป็นใคร บางทีอาจจะเป็นพวกโจรคิดสั้นก็ได้ นางเห็นแต่เพียงว่าชายหนุ่มพยายามจะแตะเนื้อต้องตัวชิวซุยเท่านั้น
“เข้ามาเลย วันนี้ข้าจะพาตัวแม่นางผู้นี้ออกไปให้ได้”ชายหนุ่มชักดาบออกมาพลางตั้งท่าต่อสู้เช่นกัน มันไม่ทราบหรอกว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เพื่อช่วยเหลือหญิงสาวผู้นี้มันยอมเสี่ยง
ตูม!! หลานฮวากระโดดลงมาเตะชายคนนั้นทันที ทำเอาร่างของชายคนนั้นลอยไปกระแทกกำแพงหมดสติในพริบตา
“พี่หลานฮวา ไหนท่านบอกว่าอย่าทำร้ายคนไง”ชิวซุยถามด้วยท่าทีงุนงง ทั้งพี่ชายทั้งพี่หลานฮวาต่างเฝ้าสอนนางว่าอย่าทำร้ายผู้อื่นโดยเด็ดขาด แต่วันนี้ทั้งพี่หลานฮวาทั้งพี่ชายต่างเตะคนต่อหน้านางกันทั้งนั้น ช่างเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีเอาเสียเลย
“เอ่อ….เด็กดีไม่ควรเลียนแบบนะชิวซุย พี่ทำเพราะความจำเป็นเท่านั้นเอง”หลานฮวายิ้มเจื่อนๆออกมาด้วยท่าทีรู้สึกผิด แต่ก็ช่วยไม่ได้นี่นาเจ้านี่มันจะจับเนื้อต้องตัวน้องสาวคนเล็กของนางมีหรือที่นางจะปล่อยไปง่ายๆ ว่าแต่เจ้าโจรนี่ช่างหาที่ตายจริงๆคงต้องเอาไปมัดประจานให้พวกโจรคนอื่นๆเห็นเสียแล้วว่าหากมีใครมายุ่งกับชิวซุยอีกจะมีสภาพไม่ต่างจากชายคนนี้เลย