ตอนที่ 597
ท่านเจ้าสำนัก
“ท่านเจ้าสำนัก ยังไงเรื่องนี้ก็จำเป็นนะขอรับ”ผานซูรองเจ้าสำนักแห่งสำนักเหยี่ยวทะเลทรายเดินตามหลินเฟยด้วยท่าทีลุกลนอย่างประหลาด ท่าทางผานซูกำลังพยายามขอร้องหลินเฟยอย่างหนัก เพียงแต่ไม่ทราบว่าเรื่องอะไรเท่านั้น
“แค่คนเดียวมันก็มากเกินไปแล้ว ทำไมต้องมีถึง 3 คนด้วย”หลินเฟยถามพลางทำท่าจะเดินออกจากสำนักไปโดยเร็วเพราะเมื่อวานเป็นวันลางานวันสุดท้ายที่ชุนเจ๋อมอบให้เท่ากับว่าวันนี้หลินเฟยต้องกลับไปทำงานแล้วนั่นเอง
“มันเป็นกฎที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้วขอรับ ท่านรับตำแหน่งแล้วยังไงก็ต้องทำตามกฎ”ผานซูยังคงเซ้าซี้ไม่เลิก เดินตามหลินเฟยไม่ยอมลดละแม้จะออกจากสำนักมาแล้วก็ตาม
“งั้นข้ายกตำแหน่งเจ้าสำนักให้ท่านก็แล้วกัน”หลินเฟยตอบอย่างไร้เยื่อใย ทำเอาผานซูสะดุ้งโหยงรีบส่ายหน้าทันที
“พี่น้องของพวกเราต้องไม่ยอมรับแน่ๆ ยังไงตำแหน่งนี้ก็เป็นของท่านนะขอรับ”ผานซูตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา แต่ก่อนมันอยากได้ตำแหน่งเจ้าแทบขาดใจ วันนี้หลินเฟยเสนอให้กลับหาข้ออ้างปฏิเสธแทบไม่ทันเสียอย่างนั้น
“แล้วความเห็นของข้าเล่า”หลินเฟยทำหน้าเซ็งออกมาทันที ยามนี้หลินเฟยรู้สึกเหมือนตำแหน่งเจ้าสำนักเป็นเหมือนเผือกร้อนที่ถือเอาไว้ก็ร้อนมือแต่จะส่งให้คนอื่นก็พากันส่ายหน้าถอยห่างกันหมด แม้หลินเฟยจะแก้ไขปัญหาส่วนใหญ่ของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายไปแล้วโดยการวางแบบโครงสร้างวิชาของสำนักโดยใช้วิชาจากทั้งกลุ่มนักล่าอสูรและวิชายิบย่อยจากสำนักในอาณาจักรไป๋เข้ามาเสริม ขอเพียงคนในสำนักตั้งใจฝึกฝนไม่ถึงปีคงฝีมือก้าวกระโดดกันอย่างรวดเร็วเป็นแน่ เรื่องสมุนไพรและยาเพิ่มพลังเองพอทำตามสูตรของหลินเฟยเหล่าอาวุโสก็ตื่นเต้นกันมากแถมยังบอกอีกว่าไม่เคยเห็นยาแบบนี้มาก่อน แถมอาวุธของสำนักยังดีขึ้นมากเพราะตัวรองเจ้าสำนักเกิดร้อนวิชาสร้างอาวุธให้เหล่าอาวุโสกันคนละชิ้นเสียอย่างนั้น แม้จะยังมีปัญหาเรื่องการเงินเพราะคนออกจากสำนักไปหลายคน แต่ปัญหาที่หลินเฟยกำลังถกเถียงกับผานซูอยู่นั้นไม่ใช่เรื่องเงินแต่อย่างไร
“ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่รับศิษย์ส่วนตัวเด็ดขาด แบบนั้นเวลาส่วนตัวของข้าได้หายไปพอดี”หลินเฟยตอบพลางเดินหนีผานซูด้วยท่าทีไม่ชอบใจนัก พออ่านกฎของสำนักก็พบว่าเจ้าสำนักต้องคัดเลือกศิษย์ประจำตัว 3 คนคอยติดตาม นอกจากจะต้องถ่ายทอดวิชาให้แล้ว ศิษย์ส่วนตัวเหล่านั้นยังต้องคอยปรนนิบัติเจ้าสำนักไม่ต่างจากเลี้ยงดูบิดามารดายามแก่เฒ่าด้วย หรือก็คือต้องคอยติดตามหลินเฟยไปทุกที่นั่นเอง
“ไม่ได้นะขอรับท่านเจ้าสำนัก หากท่านไม่เลือกศิษย์ส่วนตัวเอาไว้แต่เนิ่นๆ มีหวังได้เกิดศึกชิงตำแหน่งกันแน่ๆ”ผานซูว่าพลางถอนหายใจออกมา ตอนนี้ตำแหน่งศิษย์ของอาวุโส 3 คนที่พึ่งขึ้นมาใหม่ยังว่างทำให้เหล่าศิษย์ที่ยังเหลืออยู่เริ่มชิงตำแหน่งศิษย์ประจำตัวท่านอาวุโสกันแล้ว หากยังเป็นการแข่งขันเพื่อพิสูจน์ความสามารถยังพอรับได้ แต่หากเลยเถิดไปจนสร้างความขัดแย้งภายในกลุ่มศิษย์ ภายหลังจะแบ่งแยกฝ่ายเหมือนตนกับเจ้าสำนักคนก่อนแน่ๆ หากหลินเฟยไม่เลือกศิษย์ด้วยตนเองมีแล้วข่าวออกไปว่าตำแหน่งศิษย์ของท่านเจ้าสำนักที่มาพริกโฉมสำนักครั้งใหญ่ยังว่างอยู่ พวกศิษย์ในสำนักต้องพากันแย่งตำแหน่งนี้กันแน่ๆ
“ก็ได้ๆ ข้าจะพยายามมองหาดูก็แล้วกัน แล้วกลับไปบอกพวกอาวุโสด้วยว่าข้าจะเลือกคนที่ข้าสนใจเอง ห้ามใครเข้ามายุ่งเด็ดขาด”หลินเฟยพูดจบก็เดินเข้าไปในร้านตระกูลชุนทันที หากไม่รับปากไปเสียผานซูต้องตามเข้ามาถึงในร้านแน่ๆ
“น้อมส่งเจ้าสำนัก”ผานซูได้รับคำตอบที่น่าพึงพอใจแล้วก็ยิ้มกว้างก่อนจะประสานมือโน้มตัวไปข้างหน้าพร้อมกล่าวส่งหลินเฟยเสียดังชนิดที่ว่าคนอื่นๆรอบร้านต้องหันมามองว่ามีอะไรทันที
“ยินดีต้อนรับท่านเจ้าสำนักสู่ร้านตระกูลชุนเจ้าค่ะ ไม่ทราบวันนี้ท่านเจ้าสำนักต้องการจะดูสินค้าชิ้นใดหรือเจ้าคะ”พอเดินเข้ามาในร้าน ไป๋ฟานก็เดินเข้ามาต้อนรับหลินเฟยทันที นางยิ้มหวานพลางทำกิริยามารยาทอ่อนช้อยเหมือนกำลังต้อนรับลูกค้าจริงๆก็ไม่ปาน
“ไม่ตลก…”หลินเฟยหน้าบึ้งมองค้อนไป๋ฟานด้วยท่าทีไม่พอใจ แค่โดนผานซูพูดส่งเสียดังลั่นตนเองก็หนีเข้าร้านแทบไม่ทันแล้วแท้ๆ
“อะไรกัน เจ้าไม่ขำงั้นหรือ ข้าอุตส่าห์รอเจ้ามาตั้งอาทิตย์เพื่อทำแบบนี้เลยนะ”ไป๋ฟานหัวเราะร่วนก่อนจะเข้ามายิ้มกว้างให้หลินเฟยด้วยท่าทีสนุกสนาน ท่าทางที่หลินเฟยไปรับตำแหน่งเจ้าสำนักจะรู้ถึงทุกคนในร้านแล้วเป็นแน่
“ให้ข้าได้พักบ้างเถอะขอรับ อยู่ในร้านข้าเป็นพนักงานขายเท่านั้นเอง”หลินเฟยตอบพลางเดินเข้าไปหลังร้านเพื่อเปลี่ยนชุดอย่างเช่นเคย ไม่นานเสื้อผ้าของเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายก็กลายเป็นเครื่องแบบของร้านตระกูลชุนในพริบตา แม้เครื่องแบบนี้จะทำให้มันเหมือนผู้หญิงไปหน่อยแต่ก็รู้สึกดีกว่าใส่ชุดของเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายละนะ
“รู้แล้วน่า เอาเป็นว่าข้าจะทำกับเจ้าแบบเดิมก็แล้วกัน”ไป๋ฟานยิ้มหวานพลางมองหลินเฟยที่เดินออกมาด้วยท่าทีสบายๆ นางไม่มีท่าทีหวั่นเกรงกับตำแหน่งเจ้าสำนักเลยเพราะตัวนางนั้นก็รับแขกฐานะสูงส่งมาไม่น้อย
“หากเป็นเช่นนั้นก็ขอบคุณมากขอรับ”หลินเฟยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะเดินเข้าไปทำงานที่ชั้น 1 ตามที่เคยทำ โชคดีที่ในร้านทุกคนยังทำตัวเหมือนเดิม อาจจะเพราะเคยชินกับคนมีตำแหน่งกันหมดแล้วกระมัง
“คิกๆ ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าน้องหลินเฟยจะเป็นยอดฝีมือขนาดล้มเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายคนก่อนได้ในพริบตา”พนักงานชั้น 6 หลินป๋อพูดด้วยท่าทียิ้มแย้มในช่วงพักกลางวันของร้าน พอทราบว่าหลินเฟยกลับมาแล้วพนักงานในร้านก็พากันมาร่วมทานอาหารกลางวันพร้อมกันราวกับนัดกันไว้ก่อนไม่มีผิด
“นั่นสิ นายท่านเล่าด้วยท่าทีตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ท่านบอกว่าเจ้าน่าจะฝีมือเหนือกว่าท่านเจี่ยหุนเสียอีกงั้นหรือ”พนักงานชั้น 5 ถามด้วยท่าทีสงสัย ท่าทางผู้ปล่อยข่าวจะไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากชุนเจ๋อสินะ
“อย่าเอาข้าไปเปรียบกับท่านเจี่ยหุนเลย มันเทียบกันไม่ได้หรอก”หลินเฟยตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา
“เจ้าก็ถ่อมตัวจริงๆ แต่ก็นะอีกฝ่ายเป็นถึงท่านเจี่ยหุนคงไม่มีใครอยากไปเทียบด้วยหรอก”หลินป๋อตอบพลางหัวเราะออกมาด้วยท่าทีสบายใจ น่าเสียดายที่หลินเฟยบอกว่าเทียบกันไม่ได้นั้นหมายถึงเจี่ยหุนนั้นจะมาเทียบกับตนเองได้อย่างไร ต่อให้ใช้นิ้วเดียวหลินเฟยก็ล้มเจี่ยหุนได้สบาย
“แต่พี่หลินเฟยมีสำนักเป็นของตนเองแล้ว ท่านคงไม่มาพักที่บ้านข้าแล้วสินะ”ชุนชิงบุตรสาวของชุนเจ๋อถามพลางเลิกคิ้วด้วยท่าทีสงสัย แม้พี่ชายของนางจะไม่มาเฝ้าหน้าร้านแล้ว แต่ตัวชุนชิงยังมาบ่อยๆยิ่งรู้ว่าหลินเฟยกลับมาแล้วก็ยิ่งรีบมาร่วมโต๊ะอาหารในทันที
“เอ่อเรื่องนั้น หากข้าจะขอพักที่นี่ต่อท่านจะว่าอะไรหรือไม่ขอรับ”หลินเฟยถามพลางกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก แม้จะฟังดูไม่ดีที่เจ้าสำนักอย่างหลินเฟยจะมาขอพักฟรีในที่พักพนักงาน แต่สำหรับหลินเฟยแล้วพักผ่อนที่นี่ย่อมสบายใจกว่าที่สำนักเป็นไหนๆ
“เรื่องนั้นคงต้องถามท่านพ่อนะ เอาไว้ตอนเย็นข้าจะมาบอกพี่แล้วกัน”ชุนชิงยิ้มกว้างก่อนจะอาสาไปถามชุนเจ๋อที่ติดงานอยู่ในบ้านเอง ดูเหมือนวันนี้ชุนเจ๋อจะทำอะไรบางอย่างอยู่ถึงได้ไม่มาเจอหน้าหลินเฟยเลย ส่วนชุนถังดูเหมือนจะยังไม่หายตกใจดีเลยยังไม่ออกจากบ้านไปไหนทั้งนั้น
.
.
“………..”ขณะกำลังพูดคุยด้วยท่าทีหยอกล้อกันอยู่นั้น อยู่ๆหลินเฟยก็สัมผัสได้ถึงพลังอะไรบางอย่าง พลังเช่นนั้นเป็นพลังที่หลินเฟยคุ้นเคยดี แต่มันไม่สมควรมาอยู่ที่นี่….
“ขอรบกวนด้วยขอรับ ไม่ทราบร้านยังเปิดอยู่หรือเปล่า”เสียงดังมาจากหน้าร้านทำให้ไป๋ฟานที่กินข้าวเสร็จไปนานแล้วเตรียมตัวจะลุกไปต้อนรับลูกค้า แต่หลินเฟยกลับยกแขนขึ้นห้ามเสียก่อน
“พี่ฟาน ข้าไม่ได้ทำงานมาสักพักแล้ว ให้ข้าได้รับหน้าเองเถอะขอรับ”หลินเฟยตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีสบายๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหาลูกค้าที่เข้ามาในร้านทันที ไม่ทราบเพราะความบังเอิญหรือเพราะความสวรรค์จงใจ พลังที่หลินเฟยสัมผัสได้คือคนที่เข้ามาในร้านนั่นเอง
“ไม่ทราบว่าท่านลูกค้าต้องการอะไรหรือขอรับ”หลินเฟยถามพลางเดินเข้าไปหาชายหนุ่มอายุราวๆ 14 15 ปีตรงหน้า ก่อนจะเปลี่ยนดวงตาตนเองเป็นสีม่วงเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด
“ขะ ข้าอยากมาดูสมุนไพรขอรับ”ชายหนุ่มตอบด้วยท่าทีประหม่าเมื่อมีสาวงาม?เข้ามาต้อนรับ แต่ทางหลินเฟยนั้นกลับสัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาดจากอีกฝ่ายไม่น้อย พลังที่คุ้นเคยของหลินเฟยนั้นคือพลังอสูรนั่นเอง ในเมืองหลวงอาณาจักรซานเช่นนี้ไม่ควรมีอสูรเข้ามาเพ่นพ่าน ตอนแรกหลินเฟยคิดว่าชายคนนี้คืออสูรปลอมตัวมา แต่เมื่อมองดีๆแล้วกลับพบว่าที่ตัวของชายคนนี้มีทั้งพลังวิญญาณและพลังอสูรอยู่ร่วมกัน แต่ไม่ใช่แบบนักล่าอสูร ดูเหมือนพลังอสูรนั่นจะมาจากภายในอกเสื้อของชายหนุ่มคนนี้ หรือว่าชายหนุ่มคนนี้จะเอาอสูรเข้ามาในเมืองด้วย
“เชิญทางนี้ขอรับ”หลินเฟยลองดูท่าทีของชายหนุ่มไปก่อนโดยการพามาดูมุมสมุนไพรของชั้นแรก อสูรภายในเสื้อของชายหนุ่มไม่มีท่าทีคุกคามเลยแถมยังขยับไปมาเหมือนไม่ได้โดนจับเอาไว้อีกต่างหาก
“ขอรับ….”ชายหนุ่มเดินเข้ามาด้วยท่าทีลนๆก่อนจะมองไปยังมุมสมุนไพรช้าๆ
“เอาหญ้าหยกอ่อน กับดอกเบญจทิพย์”เสียงเล็กๆดังออกมาจากภายในอกเสื้อของชายหนุ่ม พอมองดูดีๆแล้วก็พบจมูกเล็กๆลอดออกมาจากเสื้อของชายคนนั้น จมูกแบบนั้นเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน….มันเหมือนจมูกของภรรยาคนหนึ่งของท่านน้าราชสีห์ยามกลายร่างเป็นอสูร จมูกของหนู….
“ขะ ขอรับ….”ชายหนุ่มได้ยินคำสั่งของอสูรตนนั้นก็เดินเข้าไปที่มุมสมุนไพรก่อนจะเพ่งมองเหล่าสมุนไพรด้วยท่าทีสับสน ทำให้หลินเฟยเดินเข้าไปเตรียมตัวจะเข้าไปอธิบายว่าสมุนไพรตัวไหนคืออะไร แต่…
“……..”อยู่ๆชายหนุ่มก็เปลี่ยนท่าทีราวกับเป็นคนละคน จากตอนแรกที่ลังเลอยู่นานมือของชายหนุ่มก็หยิบสมุนไพรตามที่เจ้าหนูในอกเสื้อบอกอย่างรวดเร็วราวกับทราบทันทีว่าสมุนไพรตัวไหนคืออันที่ตนต้องการ แถมยังหยิบของชั้นดีที่สุดในกล่องไม้ออกมาได้อย่างแม่นยำอีกต่างหาก
“คะ คิดเงินด้วยขอรับ”ทันทีที่ชายหนุ่มหันหน้ามา หลินเฟยก็ชะงักไปทันที ดวงตาของชายหนุ่มยามนี้เป็นสีทองต่างจากตอนเข้าร้านที่เป็นสีดำอย่างชัดเจน หากเป็นคนอื่นอาจจะไม่ทันสังเกต แต่สำหรับหลินเฟยที่คุ้นเคยดีกับดวงตาแบบนี้เข้าใจในพริบตาเลย นั่นคือหนึ่งในความสามารถดวงตาของตนนั่นเอง
“เจ้าหนูนี่….”หลินเฟยมองชายหนุ่มด้วยท่าทีสนใจ ทั้งพกอสูรเข้ามาในร้าน หยิบสมุนไพรเหมือนจะนำไปทำยาอีกต่างหาก….