บทที่ 16 ซาบซึ้ง สวรรค์ปีติ ปฐพีปลาบปลื้ม
“จงใจตั้งแผงบนริมถนนเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้อื่น บอกว่าอะไรนะ ค้นวิญญาณประเมินแร่ให้เฉพาะคนที่มีวาสนา แต่กลับไม่เคยรับลูกค้าจริงเลย”
“พอกลุ่มผู้คุมกฎมาหาถึงที่ เจ้าจึงจงใจวางหมากกระดานนี้เพื่อหลอกล่อเทพธิดา”
“หลังจากนั้นทำให้เทพธิดาหลงผิดไปชั่วขณะ หุนหันพลันแล่นซื้อน้ำเต้าเซียนม่วงครามที่เป็นของไร้คุณภาพอย่างเห็นได้ชัด ถูกหรือไม่!”
คนผ่านทางกล่าววิเคราะห์ ทันใดนั้นผู้คนมากมายก็กระจ่างทันที
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง เดิมทีคิดว่าเป็นเพียงนักต้มตุ๋นธรรมดา แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นกลลวงต่อเนื่องเป็นลูกโซ่เช่นนี้!”
“ร้านวิญญาณอริยะใช้เล่ห์อุบายเช่นนี้ ต่อไปจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว!”
“กล้าหลอกแม้กระทั่งกลุ่มผู้คุมกฎ ใจกล้ายิ่งนัก จะต้องลงโทษให้สาสม!”
“พ่อค้าที่ไร้คุณธรรมเช่นนี้ จะปล่อยให้ทำตามอำเภอใจไม่ได้เด็ดขาด!”
……
เสียงวิจารณ์เริ่มดังอื้ออึง เถ้าแก่หลิวตกใจจนหน้าซีด
“ทุกท่าน ทุกท่าน ข้ากับน้องชายคนนี้ไม่เคยรู้จักกันจริงๆ!”
“ข้าขอรับประกันด้วยชื่อเสียงของข้า ถ้าหากข้ารู้จักน้องชายคนนี้ ขอให้ฟ้าผ่าห้าครั้ง! ”
ทางด้านเสิ่นเทียนดูนิ่งมาก มองผู้คนที่เต็มไปด้วยความสงสัย เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เฉยเมย “เจ้าบอกว่าข้ากับเถ้าแก่หลิวรู้จักกัน ข้ามีคำถามสองสามข้ออยากถาม”
คนผ่านทางยิ้มอย่างเย็นชาแล้วกล่าว “ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าเจ้าจะกล่าววาจาปลุกปั่นอย่างไรอีก!”
เสิ่นเทียนยื่นนิ้วมือออกไปข้างหน้า “ข้อหนึ่ง ถ้าหากข้ากับเถ้าแก่หลิวเป็นพวกเดียวกัน เหตุใดไม่รับลูกค้าสักสองสามคนก่อน สร้างเรื่องว่ามีลาภก้อนโต เช่นนี้จะสามารถดึงดูดผู้คนได้ง่ายกว่ากระมัง!”
คนผ่านทางกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ก็เจ้าจงใจไม่รับลูกค้าเพื่อดึงดูดกลุ่มผู้คุมกฎมาตรวจสอบ จากนั้นหลอกเทพธิดาอย่างไร้ยางอายอย่างไรเล่า!”
เสิ่นเทียนยิ้ม “ถ้าเช่นนั้นข้อที่สอง ในเมื่อต้องการเลือกเหยื่อ ทำไมจึงไม่เลือกเหยื่อที่โง่และมีเงินหน่อย ไม่ได้มีภูมิหลังอะไร ทำไมต้องเป็นกลุ่มผู้คุมกฎด้วย”
“หรือเจ้าคิดว่ากลุ่มผู้คุมกฎของสวนหมื่นวิญญาณล้วนแต่เป็นพวกโง่เขลาและหลอกง่าย”
“หรือเจ้าคิดว่าคนของกลุ่มผู้คุมกฎล้วนแต่เป็นพวกโกงกินรับสินบน สามารถเอาศิลาวิญญาณหนึ่งแสนก้อนออกมาได้อย่างง่ายดาย”
“อย่างไรเสีย ข้าก็ไม่สามารถทำนายได้ว่าเทพธิดาเหลียงเอ๋อร์จะมาพร้อมกับกลุ่มผู้คุมกฎ”
สัมผัสได้ถึงสายตามุ่งร้ายที่มองมาทางนี้ของกลุ่มผู้คุมกฎ คนผ่านทางรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาทันที “เรื่องนี้…”
คำถามนี้ควรจะตอบอย่างไร
หากตอบไม่ดี ต้องถูกเชิญไปดื่มน้ำชาที่คณะผู้ดูแลอย่างแน่นอน!
นายท่านทั้งหลาย ใช่บุคคลที่คนธรรมดาอย่างที่เจ้าจะสงสัยได้หรือ
เสิ่นเทียนยิ้ม “แล้วก็ข้อสาม ถ้าหากนี่เป็นกลลวงของข้าและเถ้าแก่หลิว ทำไมเถ้าแก่หลิวต้องออกมาสนับสนุนคำพูดของข้าในเวลาเช่นนี้?”
“ในขณะที่คนทั้งโลกกำลังยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับข้า แต่กลับมีคนคนหนึ่งที่เข้าข้างข้า”
“เป็นการยากที่ผู้คนจะไม่สงสัยว่าทั้งคู่รู้จักกัน”
คนผ่านทางกัดฟันกล่าว “บางที…พวกเจ้าอาจจะจงใจทำเช่นนี้เพื่อทำให้ผู้คนสับสน เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็สามารถอธิบายว่าพวกเจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันได้ง่ายขึ้น”
เสิ่นเทียนไม่รู้ควรจะร้องไห้หรือหัวเราะดี “มา ให้ข้าเป็นคนบอกเจ้าเอง ถ้าหากเถ้าแก่หลิวต้องการหลอกเหยื่อเพื่อขายแร่ก้อนนี้ควรจะทำอย่างไร!”
“ก่อนอื่น เถ้าแก่หลิวต้องเลือกเป้าหมายในการลงมือก่อน”
“เป้าหมายคนนี้ต้องเป็นคนโง่และมีเงิน ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ แต่ไม่ใช่งูเจ้าถิ่นอย่างกลุ่มผู้คุมกฎที่คอยตรวจตราความสงบของสวนหมื่นวิญญาณ!”
“หลังจากนั้น เถ้าแก่หลิวหาผู้หญิงที่หน้าตาสะสวยคนหนึ่งไปตีสนิทและผูกมิตรกับเขา”
“จากนั้นให้ผู้หญิงคนนี้แนะนำ ‘ปรมาจารย์ชีพจรวิญญาณ’ ให้เขา ต่อจากนั้นก็นำหินแร่วิญญาณที่เตรียมไว้แล้วมาให้ ‘ปรมาจารย์ชีพจรวิญญาณ’ แสดงฝีมือต่อหน้าเขา”
“ทำให้ ‘สหายผู้โง่เขลาที่มีเงินมาก’ คนนี้เข้าใจว่าหินแร่วิญญาณบางก้อนดูผิวเผินไม่มีอะไร แต่กลับมีโชคลิขิตซ่อนอยู่ด้านใน”
“แกล้งแสดงละครเช่นนี้หลายรอบ ทำให้ ‘สหายผู้โง่เขลาที่มีเงินมาก’ ได้สัมผัสความรู้สึกสะใจของการยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของโลกอย่างเต็มที่”
“หลังจากที่ได้รับความเชื่อใจจากสหายผู้โง่เขลาที่มีเงินมากอย่างสมบูรณ์ ค่อยพาเขามาที่ร้านวิญญาณอริยะ”
“ต่อให้เถ้าแก่หลิวบอก ‘สหายผู้โง่เขลาที่มีเงินมาก’ อย่างชัดเจนแล้วว่าแร่ก้อนนี้มีปรมาจารย์เคยตรวจดูแล้ว ด้านในอาจจะเป็นของที่ใช้ไม่ได้ และบอกให้เขาไม่ต้องซื้อ”
“แต่สหายผู้โง่เขลาที่มีเงินมากยืนกรานเชื่อคำพูดของ ‘ปรมาจารย์ชีพจรวิญญาณ’ ต้องการยืนฝั่งตรงข้ามของโลก ตัดสินใจซื้อหินแล้วเปิดมัน!”
“แต่ครั้งนี้ โชคได้ไปยืนอยู่ฝั่งโลกแล้ว”
“สุดท้าย ของและเงินชำระเสร็จสิ้น หญิงงามและ ‘ปรมาจารย์ชีพจรวิญญาณ’ หนีไปพร้อมกัน”
“ทุกอย่างสมเหตุสมผล ยิ่งไปกว่านั้นทางร้านวิญญาณอริยะไม่มีอะไรต้องกังวล”
“อย่างไรก็ดี เถ้าแก่หลิวเคยเตือนแล้ว”
“สหายผู้โง่เขลาที่มีเงินมากไม่ยอมฟังเอง!”
มองดูผู้คนที่ฟังจนตกตะลึง เสิ่นเทียนยิ้มเล็กน้อย
“น้องชายคิดว่าแผนลวงของข้าสมเหตุสมผลและมีโอกาสสำเร็จมากกว่าหรือไม่!”
เสิ่นเทียนที่มาจากยุคแห่งข่าวสารข้อมูลในศตวรรษยี่สิบเอ็ด แผนลวงแบบไหนบ้างที่เขาไม่รู้จัก!
ซ่า!
ได้ยินเสิ่นเทียนสาธยายแผนลวงแบบใหม่ ผู้คนที่อยู่โดยรอบสูดอากาศที่เย็นวูบเข้าปอดทันที
แผนลวงที่สมบูรณ์แบบและร้ายกาจเช่นนี้!
น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง!
ส่วนเถ้าแก่หลิวมองเสิ่นเทียนด้วยสีหน้าที่นับถือ แอบคิดว่าเป็นความคิดที่ดีมาก!
เหตุใดเขาจึงคิดแผนเช่นนี้ไม่ได้
ถ้าคิดแผนเช่นนี้ได้แต่แรก หินเน่าๆ ก้อนนี้คงถูกขายออกไปนานแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นไม่ต้องขาดทุน มีแต่ขายออกไปในราคาที่สูงมาก!
เป็นอย่างที่คิด น้องชายผู้นี้เป็นอัจฉริยะที่แท้จริง!
น่าเสียดายที่ได้พานพบกันช้า น่าเสียดายยิ่งนัก!
คนผ่านทางกัดฟันกล่าว “แล้วเจ้าจะพิสูจน์อย่างไรว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเถ้าแก่หลิว?”
เสิ่นเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบ “อย่างนั้นเจ้าโปรดพิสูจน์ว่าข้าไม่ใช้บิดาผู้ให้กำเนิดเจ้า”
คนผ่านทางเรียก “เจ้า!”
เสิ่นเทียนเงยหน้าขึ้นแหงนมองท้องฟ้าสี่สิบห้าองศา กล่าวด้วยท่าทีที่เย่อหยิ่ง “ข้าเคยพูดไว้ก่อนแล้ว ผู้มีวาสนาไม่แบ่งแม้แต่แดงเดียว ผู้ไร้วาสนาทองหมื่นชั่งไม่ทำนาย”
“หากเทพธิดาเหลียงเอ๋อเชื่อข้า ข้าย่อมไม่ทำให้เทพธิดาผิดหวัง”
“หากไม่เชื่อข้า จับข้าไปขังคุก ข้ายังคงยืนกรานคำเดิม ในแร่ก้อนนี้มีโชคลิขิต!”
เถ้าแก่หลิวเห็นท่าทางที่กล้าหาญของเสิ่นเทียน ภายในใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชม
“เยี่ยม!”
ไม่ได้พบผู้ที่มีวาทศิลป์เช่นนี้มานานมากแล้ว
หากไม่ได้เป็นเพราะเขารู้จักแร่น้ำเต้าเซียนม่วงครามเป็นอย่างดี รู้ว่าด้านในไม่มีอะไรเลย
เขาคงจะคิดว่าโชคลิขิตที่เสิ่นเทียนกล่าวถึงเป็นเรื่องจริง!
พูดมาก็ถูก ถ้าหากเทพธิดาเหลียงเอ๋อร์ไม่เปิดแร่น้ำเต้าเซียนม่วงคราม กลุ่มผู้คุมกฎก็ไม่มีหลักฐานจับเสิ่นเทียน
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เสิ่นเทียนไม่เคยรับลูกค้า และไม่เคยช่วยใครเปิดแร่ผิดพลาด
กลุ่มผู้คุมกฎของเจ้าไม่มีหลักฐานและเหตุผล จะอาศัยปากเปล่ากล่าวหาผู้อื่นได้อย่างไร?
……
อีกด้านหนึ่ง
หลี่เหลียงเอ๋อร์เห็นเสิ่นเทียนเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยท่าทางที่เศร้าโศก ราวกับสายพิณที่อยู่ในใจถูกกระตุก
คุณชายที่สง่าราศีเช่นนี้ ใบหน้าที่เศร้าโศกเช่นนี้ ม่านตาสดใสไร้ที่ติเช่นนี้
จะเป็นนักต้มตุ๋นได้อย่างไร!
ทุกคนทั้งโลกเข้าใจผิด ในใจของพี่เสิ่นคงรู้สึกเดียวดายมากเป็นแน่!
“ข้าเชื่อเขา!”
หลี่เหลียงเอ๋อร์ยืนกรานเชื่อความคิดที่อยู่ในใจ
ในเมื่อพี่เสิ่นบอกว่าเขากับข้ามีวาสนาต่อกัน อย่างนั้นข้าก็เลือกที่จะเชื่อเขา
ถึงทั้งโลกเข้าใจท่านผิด เหลียงเอ๋อร์ก็จะช่วยท่าน!
อย่างไรก็ตามศิลาวิญญาณหนึ่งแสนก้อนก็ไม่ได้มากมายอะไร อย่างมากก็แค่ขายกระบี่
เพื่อพี่เสิ่น คุ้มค่าแล้ว!
นึกถึงตรงนี้ หลี่เหลียงเอ๋อร์หยิบถุงเงินออกจากหน้าอก “พี่เสิ่น เหลียงเอ๋อร์เชื่อท่าน แต่หลินเอ๋อร์พกผลึกวิญญาณมาแค่ห้าสิบก้อน รอข้า…”
“ขาย!”
ในขณะที่หลี่เหลียงเอ๋อร์เตรียมขายกระบี่ เถ้าแก่หลิวกล่าวขัดคำพูดของนางด้วยสีหน้าที่ซาบซึ้งจนน้ำตานอง
“เพื่อความเชื่อใจที่เทพธิดาเหลียงเอ๋อร์มีต่อนักพรตเสิ่น ข้ายินดียอมขาดทุนขายในครึ่งราคา ตามใจตัวเอง!”
เขารับถุงเงินมาจากมือของหลี่เหลียงเอ๋อร์มาทันที เช็ดน้ำตาพลางกล่าว “เฮ้อ รู้สึกซาบซึ้งไปจนถึงในทรวงอก สวรรค์ปิติ ปฐพีปลาบปลื้ม”
“ซาบซึ้ง ช่างซาบซึ้งยิ่งนัก!”
หลังจากนับจำนวนผลึกวิญญาณในถุงเงินเรียบร้อย เถ้าแก่หลิวรู้สึกปลื้มปิติจนยิ้ม
เขาตบหน้าอกของตนเอง “เทพธิดาเหลียงเอ๋อร์ นักพรตเสิ่นกับข้าเพิ่งพบกันครั้งแรกแต่เหมือนรู้จักกันมานาน น่าเสียดายที่ได้พบกันช้าเกินไป เจ้าเชื่อใจเขาก็คือข้าเชื่อใจเขา!”
“เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจของข้า ร้านวิญญาณอริยะจะส่งนักเปิดหินที่ดีที่สุดมาเปิดมาช่วยเจ้าเปิดหิน”
“ไม่ว่าเปิดออกมาเป็นโชคลิขิตที่น่าตกใจมากเพียงใด ข้าก็จะไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมศิลาวิญญาณแม้แต่ครึ่งก้อน”
“อย่าถามว่าเหตุใดข้าจึงทำเช่นนี้ ข้าประทับใจนัก ตามใจตัวเอง!”
…………………………………………………