บทที่ 17 น่าเสียดายที่ข้ากับท่านได้พบกันช้าเกินไป น่าเสียดาย!
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในร้านศิลาวิญญาณที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของสวนหมื่นวิญญาณ ร้านวิญญาณอริยะมีนักเปิดหินเป็นของตนเอง
ตอนที่นักเปิดหินได้ยินมาว่าน้ำเต้าเซียนม่วงครามถูกคนซื้อไปและต้องการให้เขาเปิดมัน เขาถึงกับตกตะลึง
ของเช่นนั้นขายในราคาหนึ่งแสนศิลาวิญญาณ มีคนซื้อจริงหรือ
ต้องเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์สั้นเพียงใด!
แต่ถึงจะมองแร่ก้อนนี้ในเชิงลบอย่างไร ในเมื่อเถ้าแก่สั่งให้เขาเป็นคนเปิด เขาย่อมไม่พูดอะไรมากอยู่แล้ว
เพราะยังไงเขาก็ไม่ได้เป็นคนจ่ายเงิน
มีดเปิดหินที่แหลมคมเฉือนพื้นผิวของหินแร่วิญญาณออกมาทีละชั้น
สายตาของทุกคนไปรวมกันที่หินแร่วิญญาณก้อนนั้น ราวกับกลัวว่าจะพลาดแม้กระทั่งวินาทีเดียว
ถึงแม้ปรมาจารย์ชีพจรวิญญาณเคยกล่าวว่าภายในแร่วิญญาณก้อนนี้ไม่มีของดีอะไรแน่
แต่ถ้าหากปรมาจารย์ชีพจรวิญญาณผิดพลาดขึ้นมา!
เช่นนั้นไม่เท่ากับพวกเขามีโอกาสได้เห็นปาฏิหาริย์หรือ
แต่ว่าหลังจากที่พื้นผิวถูกเฉือนออกมาทีละชั้น พวกเขาก็ต้องผิดหวัง
ปรมาจารย์ชีพจรวิญญาณไม่ได้ผิดพลาด น้ำเต้าเซียนม่วงครามชิ้นนี้เป็นของไร้ประโยชน์จริงๆ
ตอนที่เฉือนไปถึงชั้นสุดท้าย ไม่มีแม้กระทั่งเศษซากของศิลาวิญญาณปรากฏให้เห็น
มีเพียงน้ำเต้าสีดำมืดสนิทไร้แสงเปล่งประกาย
…
“เป็นไปได้อย่างไร ไม่ควรจะเป็นเช่นนี้!”
“ทั้งที่หินแร่ก้อนนี้ควรจะมีโชคลิขิต แต่ทำไมมันถึงเป็นน้ำเต้าเน่าๆ ชิ้นหนึ่ง”
เถ้าแก่หลิวทำหน้าเหลือเชื่อ มองไปทางเสิ่นเทียนด้วยความรู้สึกผิด
“นักพรตเสิ่น ข้าทำผิดต่อท่านแล้ว! และข้าก็ช่วยอะไรท่านไม่ได้เลย!”
ท่าทางของเขาแลดูจริงใจมาก
ส่วนคนผ่านทางรู้สึกสะใจมาก เขามองไปทางเสิ่นเทียน กล่าวเยาะเย้ย “ดูซิว่าคราวนี้เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีก!”
เสิ่นเทียนมองข้ามคนผ่านทาง ยิ้มแล้วกล่าว “เถ้าแก่หลิวล้อเล่นแล้ว”
“ท่านมองทุกอย่างทะลุปรุโปร่งตั้งนานแล้ว เหตุใดต้องมาล้อเล่นอีกล่ะ!”
กล่าวจบ เขาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าหลี่เหลียงเอ๋อร์ “เทพธิดา ข้าขอยืมกระบี่ได้หรือไม่”
หลี่เหลียงเอ๋อร์พยักหน้า หลังจากนั้นชักกระบี่ที่สะพายอยู่ด้านหลังให้เสิ่นเทียน
ชิง!
กระบี่ออกจากฝัก ไหลลื่นราวสายน้ำฤดูใบไม้ร่วง ประกายเย็นยะเยือกแพรวพราว
เอ่อ…แต่มันหนักไปหน่อย!
เสิ่นเทียนรวบรวมพละกำลัง ยกกระบี่ขึ้นฟันลงไปที่น้ำเต้าสีดำทันที
ตัง!
กระบี่ฟันใส่น้ำเต้า ทำให้เกิดเสียงกระทบของโลหะดังขึ้น
แม้น้ำเต้าชิ้นนี้มีขนาดเล็ก แต่ความแข็งของมันเกินความคาดหมายของทุกคน ด้วยเพราะมันผุกร่อนตามกาลเวลา จึงถูกกระบี่ที่แหลมคมนี้ผ่าออกเป็นสองซีก
ทว่าสิ่งที่ทำให้ผู้คนตกใจคือ ด้านในของน้ำเต้าที่ถูกผ่าออก มีเมล็ดพันธุ์ที่ส่องแสงอยู่ด้านในหนึ่งเม็ด
เมล็ดพันธุ์ปลดปล่อยแสงสีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเขียว สีเขียวอมฟ้า สีฟ้าและสีม่วง ทั้งหมดเจ็ดสี และมีรัศมีที่นุ่มนวลทั่วทั้งเมล็ด
ภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่อง เผยเห็นรูปร่างของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างเช่น มังกร หงส์ กิเลน กำลังร่ายรำระบำให้เห็นอย่างเลือนลาง
ในความว่างเปล่า มีเสียงวิถีแห่งเต๋าดังขึ้น ลึกลับซับซ้อนแฝงความหมายของวิถีแห่งเต๋า
ทันทีที่เสียงนี้ดังขึ้น จิตใจของผู้คนที่อยู่โดยรอบรู้สึกกระจ่างขึ้นมาทันใด
ถึงขั้นว่ามีความรู้สึกสัมผัสได้ถึงการเข้าถึงวิถีแห่งเต๋า
เห็นได้ชัด เมล็ดพันธุ์น้ำเต้าไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง เป็นเมล็ดพันธุ์เซียนบันลือโลกที่ไม่สามารถประเมินค่าได้!
…
เสิ่นเทียนหยิบเมล็ดน้ำเต้าขึ้นมาวางลงบนมือของหลี่เหลียงเอ๋อร์อย่างแผ่วเบา
เขายิ้มเล็กน้อย “ข้าเคยพูดแล้ว จะไม่ทำให้เทพธิดาผิดหวัง!”
เห็นรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าเสิ่นเทียน หลี่เหลียงเอ๋อร์ตกอยู่ในภวังค์
ไม่เหลือบมองเมล็ดน้ำเต้าเซียนในมือแม้แต่นิดเดียว
พี่เสิ่นไม่ได้หลอกเหลียงเอ๋อร์จริงๆ ด้วย!
ขณะนี้ ในที่สุดผู้คนที่อยู่โดยรอบก็ดึงสติกลับมาจากความตกใจ
“เมล็ดพันธุ์? ก็ไหนบอกว่าในหินแร่วิญญาณมีเพียงสมบัติที่ไร้ค่าไม่ใช่หรือ”
“ทำไมสมบัติไร้ค่าจึงก่อตัวขึ้นเป็นเมล็ดพันธุ์ หรือว่ามันไม่ใช่ของวิเศษอะไรแต่แรก แต่มันเป็นน้ำเต้าของจริง?”
“เมล็ดพันธุ์เจ็ดสี ดูแล้วน่าอัศจรรย์ยิ่ง!”
“ข้าว่าแล้ว! พี่นักพรตหน้าตาหล่อเหลาเช่นนี้ ต้องไม่ใช่นักต้มตุ๋นแน่นอน!”
“คนธรรมดาสามัญอย่างพวกเจ้าจะเข้าถึงวิชาพี่นักพรตได้อย่างไร น่าขำสิ้นดี!”
…
เถ้าแก่หลิวมองเมล็ดพันธุ์ในมือของหลี่เหลียงเอ๋อร์ด้วยสายตาที่เหม่อลอย ราวกับนึกอะไรขึ้นได้
“หรือนี่ก็คือเมล็ดเจ็ดสมบัติน้ำเต้าเซียนที่ติดอันดับสามสิบหกในรายนามของไม้วิญญาณในตำนาน”
หลังจากนึกถึงความเป็นไปได้นี้ เถ้าแก่หลิวรู้สึกหน้ามืดขึ้นมาทันที
เขาร้องไห้ออกมาจริงๆ แล้ว!
ในโลกบำเพ็ญเซียนนอกจากศิลาวิญญาณและของวิเศษ ยังมีของอัศจรรย์มากมายที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
เหล่าผู้บําเพ็ญเซียนจะจัดลำดับรายนามของวิเศษจะจากคุณลักษณะ ประเภท และความล้ำค่าของพวกมัน
รายนามนี้ครอบคลุมทุกอย่าง และแบ่งออกมาเป็นรายนามเซียนทอง รายนามไม้วิญญาณ รายนามน้ำแท้ รายนามไฟศักดิ์สิทธิ์ รายนามดินดำและอีกมากมาย
ส่วนเจ็ดสมบัติน้ำเต้าเซียนชิ้นนี้จัดอยู่ในอันดับที่สามสิบหกของรายนามไม้วิญญาณ
มันเป็นรากวิญญาณโดยกำเนิดอย่างแท้จริง!
ในตำนานเล่าว่าเจ็ดสมบัติน้ำเต้าเซียนมีแสงศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีแฝงอยู่ด้านใน สามารถก่อตัวขึ้นเป็นพลังเหนือธรรมชาติเจ็ดอย่างที่หาที่เปรียบไม่ได้
เมื่อมันเติบโตเต็มที่ อานุภาพของเจ็ดสมบัติเหนือธรรมชาติจะพัฒนาจนถึงขีดสุด เพียงพอที่ระดับเดียวกันจะกล่าวนามว่าเป็นราชา
เกรงว่าถ้าเป็นการล้อมโจมตีนับหมื่นนับพันของผู้บำเพ็ญเซียนธรรมดาก็คงไม่สามารถทำอะไรมันได้
หรือแม้กระทั่งอาจจะถูกการจู่โจมของมันทำลายล้าง
สิ่งสำคัญที่สุดคือ อายุขัยของรากวิญญาณฟ้าดินมักจะมากกว่าผู้บําเพ็ญเซียนสิบเท่าเสมอ
หากสามารถตามหาต้นอ่อนของรากวิญญาณพบ และมีการเชื่อมความสัมพันธ์พันธสัญญาเจ้าของกับมัน จากนั้นปลูกฝังดูแลอย่างดี
เช่นนั้นแล้ว เมื่อไหร่ที่รากวิญญาณเติบโตขึ้น มีความเป็นไปได้ที่มันจะกลายเป็นพฤกษ์วิญญาณพิทักษ์ประตูเซียน คอยปกป้องภูเขาทั้งลูก
พฤกษ์วิญญาณพิทักษ์เขาที่เติบโตขึ้นจากเมล็ดเจ็ดสมบัติน้ำเต้าเซียน สำหรับแดนเทวาดาวประกายพรึกก็ถือว่าสำคัญมาก
ปลูกฝังดูแลอย่างดี มันสามารถส่ง…
อ่า สามารถปกป้องแดนเทวาดาวประกายพรึกได้หลายสิบชั่วอายุคน!
ถ้าหากหลี่เหลียงเอ๋อร์สามารถกลายเป็นเจ้าของเมล็ดเจ็ดสมบัติน้ำเต้าเซียน และปลูกฝังดูแลมันจนเติบโต
เช่นนั้นแล้ว สถานะของนางในแดนเทวาดาวประกายพรึกก็จะก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว
หรือแม้กระทั่งอาจจะกลายเป็นผู้ถูกเลือกเข้ารับการสืบทอดเจ้าสำนักของแดนเทวาดาวประกายพรึก ด้วยเหตุนี้ จะรับช่วงดูแลแดนเทวาดาวประกายพรึกในอนาคตก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ส่วนมูลค่าของมัน?
โทษที ของอย่างรากวิญญาณฟ้าดินเช่นนี้ไม่สามารถประเมินค่าได้
ถึงเจ้ามีศิลาวิญญาณหลายล้าน หลายสิบล้านก้อน ก็ไม่มีสำนักพรรคใดยินยอมขายสมบัติเช่นนี้
หากใช้พระสูตรเซียนมาแลกค่อยว่าไปอย่าง!
…
แน่นอน ถึงแม้เมล็ดเจ็ดสมบัติน้ำเต้าเซียนจะเป็นสมบัติที่ไม่สามารถประเมินค่า แต่เสิ่นเทียนไม่ได้สนใจมัน
เหตุผลง่ายมาก เขาถือเมล็ดเม็ดนี้ไม่อยู่แน่
หรือกล่าวอีกอย่างคือด้วยโชคชะตาของเสิ่นเทียนในปัจจุบัน แม้กระทั่งโบวตั๋นภาพฝันมงคลก็ยังปลูกไม่รอด ยังจะมาปลูกเจ็ดสมบัติน้ำเต้าเซียน?
ไม่แน่วันนี้เขานำเมล็ดน้ำเต้าเซียนกลับ พรุ่งนี้มันอาจจะหายไปไหนก็ไม่รู้ได้
หรือเป็นเหมือนกับโบวตั๋นภาพฝันมงคล เพิ่งปลูกวันนี้ พรุ่งนี้ก็อาจจะโดนพวกหมูหมากาไก่หรือเด็กที่ไหนมาถอนรากถอนโคน
ความเป็นไปได้นี้ไม่ต่ำเลย และมันยังสูงมากอีกด้วย
สูงถึงร้อยละเก้าสิบขึ้นไปเลยทีเดียว!
สิ่งสำคัญที่สุดคือการเติบโตของเมล็ดเจ็ดสมบัติช้ามาก ยิ่งไปกว่านั้นความยากในการปลูกฝังค่อนข้างสูง
วันนี้เจ้าปลูกเมล็ดเม็ดนี้ลงไป อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาเจ็ดแปดร้อยปีถึงสามารถโตได้อย่างเต็มที่
และในระหว่างนั้นจำเป็นต้องเลี้ยงด้วยน้ำวิญญาณ ศิลาวิญญาณ หรือแม้กระทั่งผลึกวิญญาณอย่างต่อเนื่อง
การปลูกฝังที่เผาผลาญทรัพยากรจำนวนมากเช่นนี้ สำนักธรรมดาทั่วไปแบกรับไม่ไหวอย่างแน่นอน
มีแต่แดนเทวาดาวประกายพรึกในฐานะที่เป็นแดนเทวาสิบอันดับแรกของโลกบำเพ็ญเซียน กำลังทรัพย์มั่งคั่ง ถึงสามารถเลี้ยงตัวเผาผลาญทรัพยากรจำนวนมากเช่นนี้ให้รอด
แล้วถ้าเป็นเสิ่นเทียนเลี้ยงล่ะ
คาดว่าเพียงไม่กี่วันก็คงหมดตัวแล้ว!
…
ก็ได้!
ถึงคอยปลอบใจตนเองเช่นนี้อยู่หลายรอบ แต่เสิ่นเทียนก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจ
นี่มันเป็นถึงเมล็ดเจ็ดสมบัติน้ำเต้าเซียนที่ประเมินค่าไม่ได้!
หากไม่ได้เป็นเพราะต้องการแก้ไขดวงชะตาของตนเอง เขาจะยอมมอบของเช่นนี้ให้คนอื่นได้อย่างไร?
ที่สำคัญหลังจากที่มอบเมล็ดเจ็ดสมบัติน้ำเต้าเซียนออกไป เสิ่นเทียนรู้สึกเบาขึ้นมากทั้งตัว
กลิ่นอายสีดำที่พลุ่งพล่านในตอนแรกก็ลดลงไปกว่าครึ่ง
หรือแม้กระทั่งมีบางจุดของวงรัศมีสีดำเริ่มกลายเป็นสีขาว ดูแล้วไม่ได้รู้สึกกดดันเหมือนเมื่อก่อน
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป คิดว่าใช้เวลาอีกไม่นาน เสิ่นเทียนก็จะสามารถหลุดพ้นจากความอับโชคของตนเอง กลายเป็นคุณชายแห่งโชค
ขอแค่ดวงชะตาดีขึ้น บวกกับมีบัฟติดตัว ยังต้องกังวลอีกหรือว่าจะหาโชคลิขิตที่น่าทึ่งไม่พบ?
แค่น้ำเต้าชิ้นเดียว ยังไม่คู่ควรที่จะให้กล่าวถึง
รอจนกระทั่งวงรัศมีของข้ากลายเป็นสีทองขึ้นไปเสียก่อน จะตามรวบรวมเมล็ดทั่วทั้งโลกบําเพ็ญเซียนมาสร้างเป็นคลังเมล็ดก็ยังได้!
…
นึกถึงตรงนี้ อารมณ์ของเสิ่นเทียนดีขึ้นไม่น้อย
และตอนที่เห็นสีหน้าของเถ้าแก่หลิว อารมณ์ของเสิ่นเทียนยิ่งดีขึ้นไปอีก
เขาเดินมาหยุดอยู่ข้างกายของเถ้าแก่หลิวอย่างยิ้มแย้ม ตบไหล่ของเถ้าแก่หลิว
“ในความหายนะถือกำเนิดพลังชีวิต หลุดพ้นท่ามกลางความพินาศ น้ำเต้าเซียนม่วงครามถือกำเนิดเมล็ดเจ็ดสมบัติน้ำเต้าเซียน น่าชื่นชมยิ่งนัก”
“เถ้าแก่หลิว ในบรรดาผู้คนมากมาย มีเพียงท่านกับข้าที่สามารถมองเห็นแก่นแท้ของมันเหมือนกัน”
“และท่านก็ไม่ได้ขึ้นราคาของมันเพราะเหตุนี้ แต่กลับรอคนที่มีวาสนามาพบกับมันอย่างเงียบๆ และยังขายออกไปในครึ่งราคา เปิดหินโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย”
“เถ้าแก่หลิว ท่านคู่ควรที่จะได้เป็นแบบอย่างพ่อค้าในโลกบําเพ็ญเซียน มีคุณธรรมอย่างยิ่ง!”
“น่าเสียดายที่ข้ากับท่านได้พบกันช้าเกินไป น่าเสียดาย!”
“ซาบซึ้ง ช่างซาบซึ้งยิ่งนัก!”
……………………………………….