บทที่ 20 ช่วยอย่าคิดไปเองได้หรือเปล่า!
“ไม่ใช่ความรักแล้วคืออะไร
พี่เสิ่นไม่ต้องกลัว ถึงท่านพ่อและท่านพี่ไม่ชอบท่าน แต่ข้าจะปกป้องท่านเอง!”
หลี่เหลียงเอ๋อร์ชักกระบี่เซียนที่สะพายอยู่ด้านหลังออกมา “ท่านพี่ ถ้าท่านยังขู่ให้พี่เสิ่นไปจากข้า ข้า…ข้าจะตายให้ท่านดู!”
สาวน้อยที่ยอมตายแต่ไม่ยอมแพ้กำลังโกรธมาก
ราวกับกระบี่ศักดิ์สิทธิ์พุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า เผชิญหน้ากับความอยุติธรรม!
หลี่ฉางเกอ “?!”
“เสิ่นเทียน “!?”
เสิ่นเทียนตกตะลึง
เขาเริ่มสงสัยแล้วว่าเกิดข้อผิดพลาดตอนที่เดินทางข้ามภพมาโลกบำเพ็ญเซียนแห่งนี้
อะไรกัน ไม่เพียงแต่มีหน้าม้าขายแร่ แถมยังมีพวกคลั่งไคล้ดาราอีกด้วย!
ตอนแรกเขาคิดว่าพวกแฟนคลับที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อพบไอดอลของตัวเองสักครั้ง ล้วนแต่เป็นพวกติ่ง
แต่ตอนนี้ดูเหมือนเทพธิดาเหลียงเอ๋อร์ท่านนี้คลั่งยิ่งกว่าพวกเธอเสียอีก!
ข้าเพิ่งจะพบกับเจ้าครั้งแรก ยิ่งไปกว่านั้นรู้จักกันยังไม่ถึงหนึ่งชั่วยามเลยกระมัง!
จากสหายเต๋ากลายมาเป็นพี่เสิ่น ตอนนี้พร้อมที่จะตายเพื่อความรักแล้ว?
เทพธิดา ความรักของเจ้ามาเร็วเกินไปแล้วกระมัง แม้กระทั่งพายุทอร์นาโดก็ยังตามไม่ทัน!
เฮ้อ เกิดมาหน้าตาดีก็เป็นบาปกรรมประเภทหนึ่ง
เสิ่นเทียนรู้สึกเหมือนตนเองพัวพันกับปัญหาเข้าเสียแล้ว
…….
“หรือไม่เอาแบบนี้ก็แล้วกัน!” หลี่ฉางเกอถอนหายใจแล้วกล่าว “ไม่ทราบว่านักพรตเสิ่นมีอาจารย์ เข้าสำนักพรรคใดหรือยัง”
เสิ่นเทียนกล่าว “ข้าเสิ่นเอ้าเทียนลูกศิษย์ใต้สังกัดผู้สูงศักดิ์เทียนจี ถ้ำหุบเหวเดียวดายแห่งเขานามวสันต์”
“ที่แท้น้องเสิ่นเป็นลูกศิษย์ของผู้สูงศักดิ์เทียนจี ไม่น่าแปลกใจที่มีความสามารถเช่นนี้”
ได้ยินคำตอบของเสิ่นเทียน หลี่ฉางเกอรู้สึกดีใจขึ้นมาทันใด กล่าว “ไม่ทราบว่าช่วงนี้ท่านอาจารย์สบายดีหรือไม่”
หา?
เสิ่นเทียนตกตะลึง
อะไร เจ้าเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของอาจารย์ข้าด้วยหรือ
หรือว่าโลกนี้มีผู้สูงศักดิ์เทียนจีอยู่จริง?
แล้วข้าจะแต่งเรื่องต่ออย่างไร
หรือว่าความจะแตกแล้ว?
แบบนี้ไม่แย่หรอกหรือ!
ในขณะที่เสิ่นเทียนกำลังตื่นตระหนก!
เสียงของหลี่ฉางเกอดังเข้ามาในหูอย่างกะทันหัน “ถ้าไม่อยากถูกท่านพ่อของข้าตอน ทางที่ดีควรให้ความร่วมมือกับข้า”
ทันใดนั้น เสิ่นเทียนสะดุ้ง “ขอบคุณพี่หลี่ที่ห่วงใย ท่านอาจารย์สบายดี”
ถึงแม้วิชา ‘คัมภีร์มารสู่สุริยัน’ จะแข็งแกร่งมากก็จริง แต่เขาไม่อยากฝึก
“เช่นนี้ตอนนี้ทุกอย่างก็ง่ายแล้ว”
ความคลั่งบนใบหน้าของหลี่ฉางเกอหายไปหมดแล้ว ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น
“เหลียงเอ๋อร์เจ้าอาจจะไม่รู้ ท่านเทียนจีอาจารย์ของคุณชายเสิ่นเป็นสหายร่วมเป็นร่วมตายของท่านพ่อตอนสมัยหนุ่ม”
“พวกเราทั้งสองตระกูลเป็นสหายกัน!”
หลี่เหลียงเอ๋อร์ทำหน้าสงสัย “พี่เสิ่น เป็นเรื่องจริงหรือ?”
ในขณะที่เสิ่นเทียนกำลังจะเอ่ยปาก หลี่ฉางเกอกล่าวเตือน “ท่านพ่อของข้าคือหลี่ชางหลานเจ้ากระบี่ธารนิรันดร์ คาดว่าน้องเสิ่นคงจะเคยได้ยินท่านเทียนจีเอ่ยถึงอยู่บ้าง…กระมัง!”
ตอนที่กล่าวถึงคำว่า ‘กระมัง’ หลี่ฉางเกอเน้นเสียงค่อนข้างหนัก
เสิ่นเทียนรีบพยักหน้า “เจ้ากระบี่ธารนิรันดร์ ย่อมเคยได้ยินอยู่แล้ว ชื่อเสียงเกรียงไกรก้องหู”
“อาจารย์เอ่ยชมวิชากระบี่ของผู้อาวุโสหลี่ไม่หยุดปาก โดยเฉพาะชื่นชมคุณธรรมของเขาอย่างมาก”
“ชื่นชมคุณธรรมของท่านพ่อ” หลี่เหลียงเอ๋อร์อึ้ง “ท่านพ่อมีสหายเช่นนี้ด้วยหรือ”
หลี่ฉางเกอกระแอม “ได้ยินมาว่าสมัยท่านพ่อยังเป็นหนุ่ม เป็นคนสุภาพและค่อนข้างเข้ากับคนง่าย ปัจจุบันคงเป็นเพราะเลยวัยนั้นมาแล้ว จึงกลายเป็นคนอารมณ์ร้อนกระมัง!”
“เอาเป็นว่า…”
หลี่ฉางเกอกล่าว “ในเมื่อน้องเสิ่นเป็นลูกศิษย์ของท่านเทียนจี น้องข้าเจ้าก็ไม่ต้องห่วงความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับเขาแล้ว”
หลี่เหลียงเอ๋อร์กล่าวด้วยความดีใจ “ความหมายของท่านพี่คือ ท่านกับท่านพ่อไม่คัดค้าน?”
หลี่ฉางเกอพยักหน้าอย่างยิ้มแย้ม “สายสืบทอดของท่านเทียนจีเป็นสหายของตระกูลเรา ข้าและท่านพ่อจะคัดค้านได้อย่างไร!”
“เพียงแต่เหลียงเอ๋อร์ อย่างไรแล้วเจ้าก็ยังเป็นหญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือน จำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์”
“คงจะปล่อยให้ผู้อื่นคิดว่าคุณหนูใหญ่ของตระกูลหลี่หนีตามผู้ชายไปไม่ได้กระมัง!”
เห็นหลี่เหลียงเอ๋อร์เหมือนจะใจเย็นลงบ้างแล้ว หลี่ฉางเกอกล่าวเสนอแนะ
“อีกอย่าง ข้าไม่คัดค้านเรื่องของเจ้ากับน้องเสิ่น แต่พวกเราต้องกลับแดนเทวาดาวประกายพรึกก่อน”
หลี่เหลียงเอ๋อร์หวาดระแหวงขึ้นทันใด “เพราะอะไร”
หลี่ฉางเกอกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “ตอนนี้เจ้ายังมีเมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติอยู่กับตัว!”
“ถ้าหากข่าวกระจายออกไป ผู้คนจากทั่วสารทิศจะมาตามหาเจ้ากับน้องเสิ่น เวลานั้นถึงเป็นข้าก็ปกป้องพวกเจ้าไม่ได้แล้ว”
“ทำไมกัน ตอนนี้ท่านพ่อกับข้าไม่คัดค้านแล้ว เจ้ายังต้องการใช้ชีวิตคู่รักแบบถูกไล่ล่าหรือ”
หลี่เหลียงเอ๋อร์ถอนหายใจ กล่าวด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน “ไม่ต้องการแล้ว”
“ก็แค่นั้นแหละ!”
หลี่ฉางเกอกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ตอนนี้เจ้ากับน้องเสิ่นแยกจากกันชั่วคราว พวกเรากลับไปปลูกเมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติก่อน”
“ส่วนน้องเสิ่นก็กลับเขานามวสันต์ไปหาผู้อาวุโสเทียนจี หาฤกษ์มงคลมาขอแต่งงาน”
“ถึงเวลานั้น ผลตกผลึกวาสนาของพวกเจ้าก็งอกเงยขึ้นแล้ว เจ้าจะได้แต่งออกไปอย่างสง่าผ่าเผย”
“เช่นนี้ไม่ดีหรือ”
ฟังอุบายคำพูดของหลี่ฉางเกอประโยคแล้วประโยคเล่า เสิ่นเทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชม
ท่าทางที่จริงใจและจริงจังของเขา แม้กระทั่งเขาก็เกือบหลงเชื่อแล้ว!
ในด้านของฝีปาก ข้ายินดียอมรับว่าเจ้าแข็งแกร่งที่สุด!
หลี่เหลียงเอ๋อร์หันไปจ้องเสิ่นเทียน กล่าวอย่างอาลัยอาวรณ์ “พี่เสิ่น ถ้าอย่างนั้นท่านต้องมาหาข้าที่แดนเทวาดาวประกายพรึกนะ!”
เมื่อได้ยินหลี่เหลียงเอ๋อร์ยอมกล่าวลา หลี่ฉางเกอซาบซึ้งจนน้ำตาแทบไหล
ในที่สุดก็เกลี้ยกล่อมน้องคนนี้ได้สำเร็จ มีอะไรกลับไปแล้วค่อยว่ากันทีหลัง
อย่างน้อยก็ต้องพาน้องสาวกลับไปอย่างปลอดภัยก่อน
ส่วนเรื่องที่เหลือ ท่านพ่อจะจัดการอย่างไร
นั่นเป็นเรื่องของท่านพ่อ
อย่างไรถ้าท่านแม่ถามถึง
เขาไม่เกี่ยว!
ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเจ้าหมอนี่กล้าไปแดนเทวดาดาวประกายพรึก ต้านทานกระบี่ชางหลานของตาเฒ่านั้นไว้
ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถพิจารณา อนุญาตให้เขาตามจีบเหลียงเอ๋อร์
ปัญหาคือ เขากล้าหรือไม่?!
หลี่ฉางเกอมองเสิ่นเทียน มีรอยยิ้มที่ ‘ให้กำลังใจ’ ปรากฏขึ้นในสายตาของเขา
คาดหวังที่จะได้เห็นเจ้าถูกตาเฒ่าถลกหนัง
ต้องบอกเอาไว้ก่อน ตาเฒ่านั้นโหดกว่าข้าหลายเท่า!
………..
เผชิญหน้ากับสายตาที่คาดหวังของหลี่เหลียงเอ๋อร์ เสิ่นเทียนกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “แน่นอน จะต้องไปแน่นอน”
เพราะอย่างไรก็ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าเมื่อไหร่ หลังจากหนึ่งร้อยปีค่อยไปก็ไม่ถือว่าผิดสัญญา
อย่างไรก็ดี ในโลกบำเพ็ญเซียน เวลาหนึ่งร้อยปีไม่ได้ถือว่ายาวนาน
อย่างน้อยก็ก่อนที่จะสู้กับหลี่ฉางเกอและหลี่ชางหลานได้ เสิ่นเทียนไม่มีทางไปแดนเทวดาดาวประกายพรึกเด็ดขาด
หวงน้องสาว+หวงลูกสาว+ดวงชะตาอับโชค ช่างน่ากลัวยิ่งนัก
ต้องโดนเล่นงานจนตายแน่!
คิดไปคิดมา หลี่ฉางเกอก็หยิบป้ายคำสั่งอีกอันหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ
ป้ายคำสั่งอันนี้เป็นสีเงินขาวทั้งหมด มีลวดลายของกระบี่สีฟ้าแกะสลักอยู่ตรงกลาง เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความโบราณ เจตจำนงกระบี่เอ่อล้น
ส่วนอีกด้านหนึ่งของป้ายคำสั่ง แกะสลักตัวอักษร ‘หลี่’
“ในเมื่อเรื่องระหว่างเจ้ากับเหลียงเอ๋อร์ได้ตกลงกันแล้ว คนเป็นพี่อย่างข้าก็ต้องแสดงความจริงใจบ้าง”
“ท่านพ่อใช้เงินจำนวนมากตีหลอม ‘ป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่’ อันนี้ขึ้น มีพลังของวิญญาณกระบี่ที่แข็งแกร่งเทียบเท่าดวงจิตดรุณช่วงต้นสายหนึ่งถูกปิดผนึกอยู่ด้านใน ขอเพียงหยดเลือดทำสัญญาพันธะเจ้าของก็จะสามารถใช้มัน”
“ในขณะเดียวกันก็มีการสลักตราเวทสื่อสารไว้บนป้ายคำสั่ง ขอเพียงเปิดใช้มันก็จะสามารถส่งเสียงไกลหมื่นลี้”
“ในอนาคตหากเจอปัญหาอะไร สามารถใช้เรียกข้าได้ทุกเมื่อ”
“แม้มูลค่าของมันจะเทียบเมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติไม่ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กน้อยของข้า!”
“วันนี้ ขอมอบให้น้องเสิ่นก็แล้วกัน!”
มองดูหลี่ฉางเกอที่มีรอยยิ้มเต็มใบหน้า เสิ่นเทียนเข้าใจได้ในทันที ป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่อันนี้ น่าจะเป็นของตอบแทนเมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติ
อย่างไรก็ดี แดนเทวาประกายพรึกที่อยู่ในโลกบำเพ็ญเซียน ก็ถือว่าเป็นตระกูลใหญ่ที่มีหน้ามีตา
ได้รับโชคลิขิตอันประเสริฐเช่นนี้ ย่อมต้องมีการตอบแทนกันบ้าง
……
ป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ในโลกบำเพ็ญเซียนถือเป็นสมบัติสุดยอดระดับสูงสุด
และที่สำคัญสำหรับเสิ่นเทียนในตอนนี้ ป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ใช้งานดีกว่าเมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติ
ต้องรู้ก่อนว่า ถึงจะเป็นจักรพรรดิเหยียนแห่งอาณาจักรต้าเหยียนท่านพ่อของเสิ่นเทียนที่ได้มาโดยไม่เสียเงินผู้นี้ พลังบำเพ็ญของเขาก็อยู่แค่ช่วงสูงสุดของแก่นพลังทอง
ส่วนป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่อันนี้ ถึงขั้นสามารถเรียกผู้คุ้มกันที่มีพลังระดับดวงจิตดรุณช่วงต้น
มีป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่อันนี้อยู่ ขอเพียงไม่ดันทุรังรนหาที่ตาย ก็เพียงพอที่จะอยู่ในอาณาจักรต้าเหยียนโดยไม่ต้องเกรงกลัวใครแล้ว
จินตนาการถึงความล้ำค่าของมันได้เลย
สามารถมอบของวิเศษเช่นนี้ให้โดยไม่รู้สึกเสียดาย ต้องยอมรับว่าตระกูลหลี่ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง
เสิ่นเทียนถึงขั้นมีความรู้สึกไม่อยากจะพยายามแล้ว
“จะรับไว้ได้อย่างไร!”
เสิ่นเทียนรับป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ หันไปกล่าว “เทพธิดาเหลียงเอ๋อร์ ข้าขอยืมกระบี่เซียนของเจ้าใช้หน่อย”
ใบหน้ากลมของหลี่เหลียงเอ๋อร์แดงระรื่น “พี่เสิ่นเรียกข้าว่าเหลียงเอ๋อร์ก็พอแล้ว”
“กระบี่วารีครามเล่มนี้เป็นของขวัญวันเกิดที่ท่านพ่อมอบให้เหลียงเอ๋อร์ตอนอายุครบสิบหกปี
แต่ว่าถ้าหากพี่เสิ่นชอบมัน มอบให้พี่เสิ่นเป็นของแทนใจเลยก็แล้วกัน!”
เสิ่นเทียนงงงัน
ของแทนใจอะไร
ก็แค่จะยืมกระบี่ของเจ้ากรีดนิ้วมือ หยดเลือดทำสัญญาพันธะเจ้าของเท่านั้น!
เพราะถ้ากัดนิ้วมันเจ็บเกินไป และก็ยังไม่ถูกหลักอนามัยด้วย
นี่เจ้าช่วยอย่าคิดไปเองได้หรือเปล่า!
……………………………………………………….