บทที่ 221 มีเอกลักษณ์เหมือนตอนข้ายังหนุ่ม!
เมื่อหมื่นปีก่อนมีเซียนแท้จริงลงมาจะเอาหอคอยนี่ไป แต่ถูกกำราบสิ้นชีพ
แล้วเจ้าจะให้เสิ่นเทียนเอามันไปหรือ
ทุกคนมองฉินอวิ๋นตี๋ เวลานี้หมดคำจะพูดนิดๆ
แต่ก็คิดได้ว่าเสิ่นเทียนรู้สึกถึงการเรียกหาของหอคอยนี้ห่างไปห้าร้อยลี้ อีกทั้งตั้งแต่ไหนแต่ไรมา แม้เสิ่นเทียนจะไปเกิดเรื่องที่ใด แต่ก็เปลี่ยนจากเรื่องร้ายกลายเป็นดีได้โชคลิขิตมาตลอด
ด้วยรูปแบบชะตาบุตรแห่งโชคของเสิ่นเทียน บางทีอาจจะกำราบหอคอยเทพนี่ได้!
ข่งเมิ่งอธิบาย “หอคอยเทพสงครามนี่ เล่าลือว่าเป็นของวิเศษเทพชั้นยอดของโลกเซียน แต่ถ้าจะกำราบมัน แม้แต่เซียนแท้จริงยังไม่มีทาง มีเพียงคนที่ได้รับการยอมรับเท่านั้นถึงจะมีโอกาส”
จินอวี่เกาหัว ดวงตาสีทองวาววับในตอนแรกสว่างยิ่งกว่าเดิม “จะได้รับการยอมรับอย่างไร”
ตอนนี้ในใจจินอวี่เร่าร้อนอย่างยิ่ง นี่คือสมบัติสุดยอดสูงสุดที่เคยสังหารเซียนแท้จริงมาแล้ว หากดวงดีได้รับการยอมรับจากหอคอยนี่ จะไม่เท่ากับไร้พ่ายในห้าดินแดนทันทีเลยหรือ
ถึงตอนนั้นข้าต้องกลัวเจ้าหนูเสิ่นเทียนอีกรึ คงจะเหยียบย่ำเขาได้ทุกนาทีเลย!
เมื่อคิดได้ดังนั้น จินอวี่ก็เผยรอยยิ้มแปลกๆ “หน้าหอคอยเทพมีประตู ผู้ฝึกบำเพ็ญระดับต่ำกว่ามหายานเข้าไปได้ทุกคน เล่าลือว่าทุกชั้นของหอคอยจะรวมเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเดียวกับผู้ที่บุกมา หากเอาชนะร่างเงาที่หอคอยนี้สร้างออกมาได้ก็จะได้รับรางวัลล้ำค่า
รางวัลเช่นนี้อาจจะเป็นสมบัติวิญญาณ สมบัติศักดิ์สิทธิ์ล้ำค่า หรือสมบัติจากโลกเซียน วิชา กระทั่งอาจจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดิน!
หากพ่ายแพ้จะถูกเคลื่อนย้ายออกมา อีกทั้งผู้ฝึกบำเพ็ญทุกคนจะเข้าไปฝึกในหอคอยได้ครั้งเดียว เข้าไปซ้ำไม่ได้อีก แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ข้าอ่านเจอในตำราโบราณของเผ่าเทพนกยูง รายละเอียดจริงเท็จประการใดยังยืนยันไม่ได้”
ตอนนี้เองเสิ่นเทียนยิ้ม “จะจริงหรือไม่จริง เราเข้าไปดูก็รู้แล้วไม่ใช่รึ”
เมื่อเอ่ยจบ เสิ่นเทียนก็ก้าวเท้ายาวไปทางประตูใหญ่ของหอคอยเทพสงคราม ไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย
ทันทีที่เห็นเสิ่นเทียนรุดหน้าไปอย่างไม่เกรงกลัวแล้ว ทุกคนข้างหลังอดเลื่อมใสมิได้
ถึงจะรู้ว่าหอคอยนี่เคยสังหารเซียนแท้จริงมาแล้ว ก็ยังเข้าไปฝึกฝนในหอคอยอย่างไม่ลังเลเลย
ความกล้าหาญตรงนี้มากพอจะทำให้คนนับถือ
สมกับเป็นเจ้า เสิ่นเทียน!
“สหายพูดถูก เข้าไปดูก็รู้เองว่าจริงหรือไม่”
ข่งเมิ่งตามหลังติดๆ เข้าไปหน้าประตูใหญ่หอคอยเทพสงคราม เคียงบ่าเคียงไหล่กับเสิ่นเทียน
ปัง~
ประตูใหญ่หอคอยเทพสงครามนั้นเปิดออก เปล่งแสงสว่างหลากสี ดูดเสิ่นเทียนกับข่งเมิ่งเข้าไป
“รอข้าก่อน หอคอยบ้านี้เป็นของข้า!”
จินอวี่มาถึงหน้าประตูใหญ่หอคอยสงครามด้วยความฮึกเหิม “รีบดูดข้าเข้าไป!”
ประตูใหญ่หอคอยเทพสงครามเปล่งแสงหลากสีอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ไม่ได้ดูดเขาเข้าไป แต่ผลักเขาปลิวไป
ร่างจินอวี่กระเด็นไปหลายร้อยจั้ง ทั้งตัวฝังอยู่ในภูเขา ทั้งยังเห็นเป็นรอยกางแขนกางขา
ฉินอวิ๋นตี๋ส่ายหน้าอย่างจำใจ “เจ้าอินทรีโง่นี่ กล้าเสียมารยาทกับหอคอยเทพสงคราม นั่นคือสุดยอดสมบัติสูงสุดเชียวนะ!”
ซ่งฟู้กุ้ยข้างกายกลอกตาไปมาเหมือนนึกอะไรได้ จึงเดินมาหน้าประตูใหญ่
เขาแสดงความเคารพอย่างนอบน้อม “หอคอยเทพที่เคารพ ข้าคือสาวกของบุรุษรูปงามคนเมื่อครู่ ไม่ทราบว่าจะเข้าร่วมการฝึกฝนด้วยได้หรือไม่”
เมื่อเห็นซ่งฟู้กุ้ยประกาศความภักดีต่อเสิ่นเทียนตรงหน้าหอคอยเทพสงคราม เผ่าปีศาจเช่นเฮ่ออู๋ซวงถึงกับปาดเหงื่อ
นี่คือของวิเศษเทพสูงสุดเมื่อหมื่นปีก่อน เจ้าคิดว่ามันจะไว้หน้าคนธรรมดาอย่างเสิ่นเทียนหรือ
ต้องบอกว่าตาแก่คนนี้เพ้อฝันจริงๆ…
ปึง~
ทว่าตอนนี้เอง ประตูใหญ่ของหอคอยเทพสงครามก็เปิดออกช้าๆ จริง
ยิงแสงหลากสีใส่ตัวซ่งฟู้กุ้ยและรับเขาเข้าไปเหมือนก่อนหน้านี้
วินาทีนั้น เจ้านกเฮ่ออู๋ซวง ไป๋หลิง และทูจิ้วสามคนอึ้งไปแล้ว
นี่มันบ้าอะไรกัน!
แบบนี้ก็ได้หรือ
“มหัศจรรย์ มหัศจรรย์มากจริงๆ ต้องบันทึกไว้!”
หลิวไท่อี่หยิบพู่กันและแผ่นหยกออกมาจากแหวนเก็บของอย่างลำพองใจ ก่อนจะบันทึกไว้อย่างระมัดระวัง
‘ในการฝึกฝนสนามรบบรรพกาล หน้าหอคอยเทพสงคราม เพียงขานนามของท่านปรมาจารย์สวรรค์ก็จะมีแสงเทพหลากสีดูดเข้าไปในหอคอย ไปรับโชคลิขิต’
เจินจื้อเจี่ยทำเสียงจิ๊ๆ แปลกใจ ‘สมกับเป็นท่านปรมาจารย์สวรรค์บุตรศักดิ์สิทธิ์ ไม่นึกเลยว่าแม้แต่หอคอยเทพยังให้เกียรติ!’
สองคนเดินเคียงข้างกันมาหน้าหอคอยเทพสงคราม “ท่านหอคอยเทพ พวกเราก็เป็นสาวกของท่านปรมาจารย์สวรรค์เช่นกัน ขอร่วมการฝึกฝนได้หรือไม่”
ปึง~
แสงหลากสีสาดบนตัวเจินจื้อเจี่ยกับหลิวไท่อี่ ก่อนดูดสองคนเข้าไปในหอคอย
เวร ได้จริงๆ ด้วย!
ทุกคนที่เหลือตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
ฉินอวิ๋นตี๋หรี่ตาลงก่อนเดินช้าๆ มาหน้าหอคอย “ข้าเป็นศิษย์น้องของศิษย์พี่เสิ่น ขอให้หอคอยเทพรับข้าเข้าร่วมการฝึกฝนด้วย”
ปึง~
เสิ่นเอ้าเดินมาหน้าหอคอยด้วยความสับสนในใจ “ข้าคือพี่ชายของน้องสิบสาม ขอให้หอคอยเทพรับข้าร่วมการฝึกฝนด้วย”
ปึง~
เซียวหลิงกับหลี่เหลียนเอ๋อร์เดินข้างกันมาหน้าหอคอย “ข้าเป็นภรรยาของพี่เสิ่นเทียน ขอ…”
ยังพูดไม่จบ เซียวหลิงกับเหลียนเอ๋อร์ก็มองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย
ภรรยาหรือ
เหมือนจะมีประกายสายฟ้าวูบไหวบางๆ
ปึง~
ท่านหญิงเซียนเผ่ามนุษย์สองคนที่กำลังตึงเครียดถูกแสงหลากสีดูดเข้าหอคอยไปพร้อมกัน
‘ศิษย์พี่เสิ่นสมกับเป็นบุตรแห่งโชคจริงๆ นับถือๆ!’
จ้าวเฮ่าแอบปลงอยู่ในใจ ก่อนจะมาหน้าหอคอยเช่นกัน “แซ่จ้าวเป็นศิษย์น้องของบุตรศักดิ์สิทธิ์ หวังว่าหอคอยเทพจะไว้หน้า”
ปึง~
แสงเทพหลากสีดูดจ้าวเฮ่าหายเข้าไป
เฮ่ออู๋ซวงกับไป๋หลิงมองหน้ากัน ไป๋หลิงพูดอย่างจำใจ “ตอนนี้ก็ชัดมากแล้วนะ บุตรศักดิ์สิทธิ์เผ่ามนุษย์คนนี้คือผู้มีมหาดวงชะตาที่มีชะตาสวรรค์จริงๆ การจะเข้าหอคอยไปเอาโชคลิขิตก็ต้องยอมรับความรู้สึกตรงนี้!”
เมื่อเอ่ยจบ ไป๋หลิงก็เดินมาหน้าหอคอยด้วยใบหน้าแดง “ท่านหอคอยเทพ ข้าคือไป๋หลิงแห่งเผ่าเทพนกจาบฝน เป็นผู้เลื่อมใสบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ขอเข้าไปได้หรือไม่”
ปึง~
ไป๋หลิงก็ถูกแสงเทพดูดเข้าไปเช่นกัน เหมือนกับทุกคนก่อนหน้านี้
เฮ่ออู๋ซวงตื่นตกใจในทันที แบบนี้ก็ได้หรือ แสร้งเป็นผู้เลื่อมใสบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็เข้าไปได้หรือ
แต่เจ้าคิดว่าโชคลิขิตในหอคอยเทพสงครามเล็กจ้อยนี่จะทำให้ข้าละทิ้งความโอหังและศักดิ์ศรีความบริสุทธิ์ของเผ่าเทพกระเรียนขาวได้รึ
ไม่ผิด ได้!
เฮ่ออู๋ซวงเดินมาหน้าหอคอยด้วยแววตาเร่าร้อน “หอคอยเทพที่เคารพ ข้าก็เป็นผู้เลื่อมใสบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เช่นกัน ขอให้ข้าเข้าไปด้วย”
ปึง~
……
จินอวี่คลานออกมาจากหลุมภูเขาหน้าดำๆ เห็นทุกคนถูกหอคอยเทพสงครามดูดเข้าไปหมดแล้ว เจ้านกนี่ผงะไปเลย
นี่มันบ้าอะไรกัน
ไหนบอกว่าในหอคอยเทพสงครามมีการฝึกฝน หลังผ่านการฝึกฝนถึงจะได้โชคลิขิตไม่ใช่หรือ
เหตุใดแค่ขานนามเสิ่นเทียนก็เข้าไปได้ หอคอยนี่คงไม่ใช่ว่ามีเบื้องหลังไม่ดีหรอกนะ!
จินอวี่กัดฟันเดินมาหน้าหอคอย ก่อนจะทำเสียงขึ้นจมูก “เจ้าหอคอยบ้า ข้าคือศัตรูตัวฉกาจของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ รีบให้ข้าเข้าไปตัดสินกับเขาอย่างยุติธรรม”
ปึง~
ฟิ้ว~
โครม~
“เจ้าหอคอยบ้า ครั้งที่แล้วอาจจะแสดงออกไม่ชัดเจน ข้ากับเสิ่นเทียนหากไม่สู้กันคงไม่รู้จักกัน เป็นคู่ต่อสู้ที่ยอมรับกันและกันแล้ว เจ้าอย่าเข้าใจผิด”
ปึง~
ฟิ้ว~
โครม~
“ข้าพูดไม่ชัดเจนพอหรือ ข้ากับเสิ่นเทียนเป็นสหายกัน! สะ…หาย เพื่อน…กัน เจ้าหอคอยบ้าเข้าใจหรือไม่!”
ปึง~
ฟิ้ว~
โครม~
“ฮือๆ เจ้าจะเอาอย่างไรกันแน่ เจ้าหอคอยบ้านี่! ได้ๆๆ ข้าคือผู้เลื่อมใสของเจ้าหนูเสิ่นเทียน เป็นผู้ติดตาม เป็นมันสมอง…”
ปึง~
ฟิ้ว~
โครม~
ฝุ่นควันตลบหลายครั้ง ภูเขาถูกชนแตกหลายครั้ง
โอรสสวรรค์หนุ่มสีทองลากร่างมาหน้าหอคอยเทพสงครามหลายต่อหลายครั้ง
จากหัวดื้อมาเป็นยอมรับว่าเสิ่นเทียนคือสหาย ก่อนจะฝืนใจพูดประจบเสิ่นเทียนด้วยความเคารพ
จินอวี่รู้สึกว่าตนจะทำให้เผ่าพญาอินทรีปีกทองเสียหน้าหมดแล้ว แต่หอคอยบ้านี่ก็ไม่ยอมให้เขาเข้าไปสักที
นกตัวนี้รู้สึกว่าโลกนี้ช่างโหดร้ายกับเขาเหลือเกิน
เขาไม่รู้ว่าปัญหาอยู่ที่ใดกันแน่ เห็นๆ อยู่ว่านกอีกสามตัวก็เข้าไปได้!
เจ้าหอคอยบ้านี่ ไม่ยุติธรรมเลย!
…….
จินอวี่กำลังสิ้นหวัง ทว่าตอนนี้เสิ่นเทียนมาปรากฏในอีกมิติแล้ว
นี่เป็นโลกสีม่วงทั้งหมด ไอสีม่วงใต้เท้าลอยขึ้นมาดูสวยและโออ่ายิ่ง ค่อนข้างไม่ธรรมดาเลย
ตรงกลางโลกนี้มีต้นชาสีม่วงอยู่ต้นหนึ่ง ใต้ต้นมีชายชราชุดคลุมม่วงกำลังชงชาเองดื่มเอง
หืม~!
ไม่ถูกต้อง!
เหตุใดนี่ไม่เหมือนกับในบท!
ก็ในภาพโชคลิขิตของจ้าวเฮ่ากับข่งเมิ่งไม่มีเจ้านี้นี่นา!
หรือจะเกิดทฤษฎีผีเสื้อขยับปีกอีกแล้ว วงรัศมีสีแดงจุดเขียวของข้ายังเอาโชคลิขิตนี้ไม่อยู่หรือ
พอคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็กระวนกระวายใจ
แต่มาก็มาแล้ว จะไปก็ไปไม่ได้ สู้ไปดูดีกว่าว่าตาแก่นี่คิดจะทำอะไร
เสิ่นเทียนเดินอย่างทะนงองอาจมาหน้าชายชราชุดคลุมม่วง “บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนขอคารวะผู้อาวุโส ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสมีนามว่าอะไร”
ชายชราชุดคลุมม่วงเห็นเสิ่นเทียนไม่ถ่อมตัวและไม่โอหัง เขาก็พยักหน้าน้อยๆ “คนรุ่นเยาว์ หน้าตาสง่าผ่าเผย เอกลักษณ์ก็ถือว่าเหนือธรรมดา มีบุคลิกและเสน่ห์เหมือนกับข้าในตอนนั้นหลายส่วน”
เขาลูบแขนเสื้อเบาๆ บนโต๊ะปรากฏถ้วยขึ้นมาอีกใบ
ชายชรารินน้ำชาใส่แก้วนี้ “มา ลองชิมชาตระหนักรู้ของโลกเซียนดู”
เสิ่นเทียนมองถ้วยชานี้ด้วยความสงสัย ตาแก่นี่คงไม่วางยาพิษข้าหรอกนะ!
แต่ก็คงไม่ถึงขนาดนั้น ถึงอย่างไรหอคอยเทพสงครามนี่ก็สังหารได้กระทั่งเซียนแท้จริง ถ้าจะจัดการข้าก็ไม่คงไม่ต้องวางยาพิษ
เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็หยิบถ้วยชาขึ้นมาดื่มชาตระหนักรู้อึกเดียวหมด
อืม~
อืม~!
สมกับเป็นชานำเข้าของโลกเซียน หอมจริงๆ!
เมื่อชาตระหนักรู้ลงท้อง เสิ่นเทียนรู้สึกสบายไปทั้งตัว
พลังจิตเหมือนหลอมรวมกับฟ้าดินและยกระดับขึ้นสูงสุด จุดที่ยังคลุมเครือในวิชาพลันเปิดโล่ง
คัมภีร์จักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ คัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้และคัมภีร์จักรพรรดินกยูง เคล็ด วิชา และทักษะยุทธ์ในคัมภีร์จักรพรรดิสามเล่มนี้กำลังเพิ่มพูนความเข้าใจอย่างรวดเร็ว
เสิ่นเทียนรู้สึกเหมือนว่าตนคลำเจอความหมายแท้จริงของมรรค ทักษะการตระหนักรู้เพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
สายฟ้า ลายมังกรและแสงเทพห้าสีบนผิวกายเขาขยับแสงไม่หยุด บริสุทธิ์และหลอมรวมกันมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งเมื่อเข้าใจในวิชามากขึ้น ฐานรากมรรคตรงจุดตันเถียนเขาก็ขยายใหญ่ขึ้นช้าๆ
นั่นหมายความว่าระดับพลังของเสิ่นเทียนกำลังเพิ่มขึ้นไม่หยุด!
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร
เสิ่นเทียนลืมตาขึ้นช้าๆ ในดวงตาสองข้างมีแสงเทพขยับประกายแสง
ชายชราชุดคลุมม่วงยิ้ม “ชาตระหนักรู้แก้วเดียวก็ตระหนักเก้าวันเก้าคืน หายากๆ!”
เก้าวันเก้าคืน!
เสิ่นเทียนอึ้งไป เขารู้สึกว่าตนเหม่อไปเพียงครู่เดียวเท่านั้น
เหตุใดถึงผ่านไปเก้าวันเก้าคืนแล้ว!
แต่จะว่าไป เสิ่นเทียนรู้สึกเบาสบายไปทั้งตัว ความเข้าใจในวิชาทั้งหมดขึ้นไปสู่ขั้นใหม่
เสิ่นเทียนหยัดกายขึ้นก่อนโค้งตัวถาม “ขอบคุณของขวัญจากผู้อาวุโส ไม่ทราบว่าเหตุใดผู้อาวุโสถึงต้อนรับแซ่เสิ่นดีเช่นนี้ พวกสหายของแซ่เสิ่นตอนนี้อยู่ที่ใด”
ชายชราชุดคลุมม่วงมองเสิ่นเทียนลึกๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พวกสหายของเจ้าตอนนี้กำลังฝึกฝนอยู่! ส่วนเหตุใดเจ้าไม่ต้องฝึกฝนก็มาพบข้าที่ชั้นสูงสุดได้”
ชายชรามองเสิ่นเทียนเชิงเย้าหยอก “เหอะๆ เจ้าเดาสิ!”
………………………………………….