บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน – บทที่ 226 พลังแห่งเงามืดลับ วัฏจักรหกมรรค

บทที่ 226 พลังแห่งเงามืดลับ วัฏจักรหกมรรค

เสิ่นเทียนมองเยี่ยฉิงชางที่ยิ้มลำพองใจแล้วก็เอ่ยอย่างจำใจ “ผู้อาวุโสจะให้ข้ารับหอคอยนี้ไว้หรือ”

เยี่ยฉิงชางยิ้ม “ถ้าเจ้าไม่อยากได้จริงๆ ก็จะไม่บังคับ แต่เจ้ามีมหาดวงชะตาสวรรค์ หากยินดีรับหอคอยเทพสงครามไว้ย่อมมีแต่ผลดี ก็แค่เสียพลังวิญญาณนิดหน่อยเองไม่ใช่รึ! ยังหนุ่ม ไม่มีแรงกดดันจะก้าวหน้าอย่างไร! เทียบกับผลประโยชน์แล้ว จ่ายนิดหน่อยไม่เท่าไรเอง”

พลังวิญญาณนิดหน่อยรึ

สมกับมาจากโลกเซียน คำพูดคำจาใหญ่โต

เสิ่นเทียนเอ่ยอย่างจนปัญญา “ก็ได้ ผู้เยาว์รับหอคอยเทพสงครามนี้ได้ แต่ก็มีสองสามเงื่อนไข ผู้เยาว์ต้องถามให้แน่ชัดก่อน”

เยี่ยฉิงชางยิ้ม “เจ้าหนูรอบคอบมาก เจ้าถามมาเถอะ!”

เสิ่นเทียนจ้องเยี่ยฉิงชาง “พลังวิญญาณนิดหน่อยนี่มันเท่าไรกันแน่ หอคอยเทพสงครามฟื้นกลับมาอย่างสมบูรณ์ไม่ได้แล้วรึ”

เยี่ยฉิงชางมองค้อน “ก่อนเจ้าเป็นเซียนไม่ต้องคิดเรื่องฟื้นฟูหอคอยในสภาพสมบูรณ์เลย ส่วนใช้เท่าไร น่าจะต้องใช้ศิลาวิญญาณปีละไม่เกินสิบล้านก้อน”

แค่ไม่ให้หอคอยถล่มลงต้องใช้ศิลาวิญญาณปีละสิบล้านก้อนหรือ

นี่ไม่เยอะหรือ เจ้าล้อข้าเล่นรึ!

เสิ่นเทียนมองเยี่ยฉิงชาง มองค้อนในแบบที่สืบทอดกันมาในตระกูล

เมื่อเห็นเสิ่นเทียนมีสีหน้าไม่ดี เยี่ยฉิงชางจึงพูด “ให้น้อยหน่อยก็ได้ แต่อย่างน้อยต้องให้ศิลาวิญญาณแปดล้านก้อน น้อยกว่านั้นไม่ได้จริงๆ ไม่อย่างนั้นจะพังลง”

เสิ่นเทียนรู้สึกว่าน่าจะยังต่อราคาได้อีก แต่ตอนนี้นี่ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด

เขามองเยี่ยฉิงชางพลางพูดขึ้น “หากข้ารับหอคอยเทพสงคราม จากนี้จะให้ใครเข้ามาฝึกในหอคอยได้ตามใจหรือไม่”

เยี่ยฉิงชางกลอกตาเล็กน้อย “เจ้าหนู วางแผนได้ฉลาด คิดจะใช้หอคอยเทพสงครามมาหาศิลาวิญญาณเลี้ยงหอคอยเทพสงครามล่ะสิ”

เสิ่นเทียนมองค้อน “ไม่อย่างนั้นข้าจะไปหาศิลาวิญญาณแปดล้านก้อนจากที่ใด ถ้าไม่อย่างนั้นท่านก็ขายมาก่อนแล้วข้าจะดูก่อนว่าคุ้มค่าเงินตรงนี้หรือไม่”

เยี่ยฉิงชางยิ้ม “คนหน้าตาหล่อเหลามักฉลาดเป็นกรดจริงๆ ได้ ขอแค่ภายภาคหน้าเจ้าให้พลังวิญญาณกับหอคอยเทพสงครามเพียงพอ เจ้าจะใช้งานเวทีประลองเทพสงครามได้ตามใจ แต่สมบัติที่แลกกับแต้มเทพสงครามของคนที่เข้ามาฝึกฝนพวกนั้นต้องแบ่งให้ข้าห้าส่วน แลกเป็นศิลาวิญญาณซ่อมแซมหอคอยเทพสงคราม”

“ตกลง” เสิ่นเทียนพูดนิ่งๆ “แต่สิทธิ์การกำหนดราคาบนเวทีประลองเทพสงครามเป็นของข้า ศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับสหายของข้า ข้ามีสิทธิ์ที่จะลดราคาให้”

เยี่ยฉิงชางมองเสิ่นเทียนด้วยความปลื้มใจ “เจ้าหนูยึดมั่นในธรรมยิ่ง เหมือนข้าตอนยังหนุ่ม! ถ้าไม่เช่นนั้นเอาอย่างนี้! ข้าจะยอมเสียเปรียบให้เจ้าเป็นหลานบุญธรรมของข้าเป็นอย่างไร ข้ามีความจริงใจมากนะ”

เสิ่นเทียนพูดไม่ออก

อะไรคือให้ข้าเป็นหลานบุญธรรม มีการยอมรับอะไรแบบนี้ด้วยรึ!

อีกทั้งตอนนี้กำลังคุยธุรกิจกันอยู่ ช่วยจริงจังหน่อยไม่ได้รึไง

เสิ่นเทียนพูดอย่างอ่อนใจ “ผู้อาวุโส ก่อนหน้านี้เหมือนท่านจะเคยบอกว่าหอคอยเทพสงครามหลอมขึ้นจากไอม่วงเบิกฟ้า สามารถหลอมรวมพลังประหลาดทุกอย่างในฟ้าดินได้”

เยี่ยฉิงชางพยักหน้า “แน่นอน สุดยอดล่ะสิ!

ต้องรู้นะว่าพระราชวังเทพสงครามของเรามีคัมภีร์เทพสงครามคบเพลิงเป็นมรดกหัวใจสำคัญ หอคอยเทพสงครามก็หลอมขึ้นจากคัมภีร์เทพสงครามคบเพลิง คัมภีร์คบเพลิงที่เจ้าฝึกฝนเป็นเพียงฉบับขายตามท้องตลาดที่เป็นพื้นฐานที่สุด อย่างมากก็ฝึกถึงระดับกายทองไม่มีไปต่ออีก

แต่คัมภีร์เทพสงครามของฝ่ายข้า แม้จะอยู่ในมรดกคัมภีร์คบเพลิงทั้งหมดก็ยังนับว่าแข็งแกร่งที่สุด ต่อไปเจ้าเปลี่ยนไปฝึกคัมภีร์เทพสงครามคบเพลิง ก็จะหลอมสร้างหอคอยเทพสงครามขึ้นมาได้อีก

สองอย่างเสริมดุลกัน เป็นดั่งฟ้าเบิกตั้งบนปฐพีไร้พ่าย ว่าอย่างไร ฟังแล้วเลือดร้อนขึ้นมาเลยสิ!”

แบกหอคอยเทพสงครามต่อยตีกับคนอื่น ก็จะเป็นดั่งฟ้าเบิกตั้งบนปฐพีไร้พ่ายหรือ

เกรงว่าหากไม่ระวังหอคอยระเบิดคงจะลากศัตรูตายไปพร้อมกันต่างหาก!

เสิ่นเทียนมองบน แต่คำพูดของเยี่ยฉิงชางทำให้เขาสนใจนิดๆ “คัมภีร์เทพสงครามคบเพลิงหรือ ผู้อาวุโส คัมภีร์คบเพลิงนี่ข้าซื้อมาแค่ห้าตำลึงเงิน หรือท่านจะรู้ความเป็นมาที่แท้จริงของมันกัน”

เยี่ยฉิงชางลูบชาตระหนักรู้เบาๆ ก่อนเอ่ยเรียบนิ่ง “เจ้ารู้แค่ว่าคัมภีร์คบเพลิงไม่ด้อยไปกว่าวิชาใดๆ ในโลกนี้ก็พอ ส่วนเรื่องอื่นๆ รอเจ้าฝ่าด่านเคราะห์สวรรค์สามสิบหกครั้งก่อนค่อยว่ากัน ไม่อย่างนั้นรู้มากไปจะไม่มีผลดีอะไรกับเจ้าเลย”

ฝ่าด่านเคราะห์สวรรค์สามสิบหกครั้งหรือ

นั่นจะไม่ได้เป็นมหาจักรพรรดิแล้วหรือ

ตาแก่เหม็นโฉ่นี่ ไม่บอกก็ไม่บอก จะทิ้งปมไว้เพื่ออะไร

หรือว่าคัมภีร์คบเพลิงจะเป็นสุดยอดมรดกจากโลกเซียนจริงๆ แต่เพราะโดนบางสิ่งที่อยู่สูงสุดสาป ดังนั้นคนที่ฝึกฝนมันจึงดวงซวยยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

ดังนั้นคนที่มีพรสวรรค์ไม่แกร่งพอจึงไม่มีสิทธิ์รู้ความลับของคัมภีร์คบเพลิง ต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างนั้นหรือ

จะว่าไปการกำหนดมาตรฐานเช่นนี้นี่มันอะไรกัน

นี่ไม่ใช่โลกบำเพ็ญเซียนที่ไม่ได้มาตรฐานหรือ

ไม่ใช่สิ ต้องเป็นข้าที่เปิดหัวมาผิดแน่ๆ!

เรื่องต้องไม่ได้ง่ายขนาดนั้นแน่นอน เช่นนั้นก็รอฝ่าด่านเคราะห์สามสิบหกครั้งถูกเรียกว่าจักรพรรดิก่อนค่อยว่ากัน!

อะไรนะ ถ้าฝ่าด่านเคราะห์ไม่ผ่านจะทำอย่างไรหรือ

เหอะๆ ฝ่าไม่ผ่านข้าก็ถูกฟ้าผ่าตาย ยังต้องห่วงเรื่องความลับอะไรเขาอีก

………

วางเรื่องคัมภีร์คบเพลิงไว้ข้างๆ ก่อน การจัดการปัญหาเลี้ยงดูหอคอยเทพสงครามสำคัญกว่า

เสิ่นเทียนพูด “ในเมื่อใช้พลังประหลาดอะไรก็ได้ให้หอคอยเทพสงครามดูดซับ เช่นนั้นพลังแห่งเงามืดลับก็น่าจะดูดซับได้!”

พลังแห่งเงามืดลับหรือ

“พลังบริสุทธิ์จากดวงตะวันและจันทรา ของบำรุงชั้นเลิศในสายตามารและภูตผีมากมาย!”

เยี่ยฉิงชางตาเป็นประกายขึ้นมา “นั่นคือพลังระดับสูงมาก! ดีกว่าพลังวิญญาณปกติอีก เจ้ารู้ว่าอยู่ที่ใดรึ”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “ตอนข้าฝึกในสนามรบบรรพกาลก็เคยผ่านที่ราบพิเศษแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีพลังแห่งเงามืดลับอยู่ทุกที่ แปลกมาก!

ข้าสงสัยว่าตรงใจกลางที่ราบนั่นอาจจะมีบางสิ่งชั่วร้ายถูกผนึกไว้มาตั้งแต่ยุคบรรพกาล ถึงไม่กล้าเข้าใกล้

ผู้อาวุโสท่านเอาอยู่หรือไม่ ถ้าเอาอยู่ ข้าพาท่านไปดูได้ แล้วก็แบ่งโชควาสนากันอย่างยุติธรรม”

เอาอยู่หรือไม่รึ

เยี่ยฉิงชางหัวเราะเยาะ “ข้าไม่เคยกลัวภูตผีบ้าพวกนั้นบนสนามรบนี่หรอก”

เมื่อเอ่ยจบ เยี่ยฉิงชางก็ลูบแขนเสื้อเบาๆ มีโลหิตบริสุทธิ์หยดหนึ่งลอยมาจากนิ้วชี้มือขวาเสิ่นเทียน ก่อนซึมเข้าไปในความว่างเปล่า

วินาทีต่อมา ทั้งมวลอากาศเริ่มสั่นไหวเบาๆ

แสงสีม่วงหลั่งไหลไปในกายเสิ่นเทียน สุดท้ายดูดเข้าไปในตันเถียนเสิ่นเทียนทั้งหมด

ท้องฟ้าและผืนปฐพีที่ถูกคลุมด้วยแสงสีแดงปรากฏมาตรงหน้าเสิ่นเทียนอีกครั้ง และหอคอยม่วงมหึมาสูงพันจั้งในตอนแรก ตอนนี้กลายเป็นขนาดหลายนิ้ว หดตัวหมุนวนช้าๆ อยู่ในตันเถียนของเสิ่นเทียน

“รอเดี๋ยว ผู้อาวุโส…ท่านหญิงเซียนข่งเมิ่ง เหลียนเอ๋อร์ พวกลุงกุ้ยยังอยู่ในหอคอย!”

เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย เจ้าพวกนั้นยังไม่ออกมาเลย เหตุใดหอคอยเทพสงครามถึงเข้าไปในท้องเขาแล้ว

ตัดเศษแล้ว รู้สึกว่าตอนนี้ทุกคนอยู่ในท้องข้า

แปลกๆ

ร่างเงาของเยี่ยฉิงชางปรากฏข้างกายเสิ่นเทียน นัยน์ตามีความอยากรู้อยากลอง “วางใจเถอะ ตอนนี้พวกเขาออกมาไม่ได้ ไม่ทำท้องเจ้าแตกหรอก

รีบพาข้าไปหาพลังแห่งเงามืดลับ เจ้านี่เป็นของดี และยังถูกเรียกว่าปีศาจแห่งจันทรา ถึงตอนนั้นเจ้าก็เก็บเอาไว้หน่อย ไม่ว่าจะเลี้ยงภูตผีหญิงหรือเลี้ยงปีศาจหญิง พวกนางก็ชอบกันทั้งนั้น”

เสิ่นเทียนเหงื่อไหลลงมาทีละหยด ไม่อยากเชื่อว่าตาแก่นี่จะมีความชอบแบบนี้ด้วย

แต่ว่าเขาก็คิดจะเอาพลังแห่งเงามืดลับมาให้จิ่วเอ๋อร์บ้างเหมือนกัน

ถึงอย่างไรเห็นแก่ที่นางอยู่มานานขนาดนี้ ก็ควรจะให้ผลประโยชน์อะไรหน่อย

……

มีหอคอยเทพสงครามอยู่ในท้องแล้ว เสิ่นเทียนไม่เกรงกลัวอะไรบนสนามรบแล้ว

ตลก ถ้ามีใครกล้าหือก็จะฟาดมันให้ตาย

ต่อให้มีวิญญาณร้ายเก่งๆ อะไรกลับมาจากแกนกลางสนามรบจริงๆ อย่างมากก็เรียกหอคอยเทพสงครามออกมา

ถึงอย่างไรตาแก่นั่นก็บอกว่าหอคอยยังมีโอกาสโจมตีสามครั้ง สังหารเซียนแท้จริงได้

จ่ายเงินเลี้ยงมันไม่ได้เสียเปล่า

แต่ตอนนี้วงรัศมีของเสิ่นเทียนขาวสะอาดไปนานแล้ว ไม่ได้เจอสุดยอดวิญญาณมรณะขวางทาง เขาเดินทางในสนามรบบรรพกาลหลายพันลี้อย่างราบรื่น จนมาถึงเขตที่ห่างจากรอบนอกสนามรบพันแปดร้อยลี้

ทั้งพื้นที่นี้ถือว่าเป็นส่วนค่อนข้างลึกของสนามรบบรรพกาลแล้ว

กระทั่งสีของแผ่นดินยังค่อนไปทางสีแดงอมดำ เมฆโลหิตบนฟ้าหมุนม้วน

โครงกระดูก มารโลหิตและมารร้ายที่เดินอยู่บนพื้นปกติอยู่ระดับแก่นพลังทอง มีระดับสร้างฐานน้อยมาก

“สาวกวิญญาณร้ายพวกนี้กล้าก่อเรื่องถึงสนามรบลึกขนาดนี้ ไม่กลัวตายกันจริงๆ”

เสิ่นเทียนมาตามการชี้นำในภาพโชคลิขิต ไม่นานก็พบหุบเขาเงามืดลับ

ใช่ ที่เขามาที่นี่ได้ก็เพราะเห็นโชคลิขิตเหนือศีรษะของเฮยหยวน ในภาพโชคลิขิต เขาเห็นว่าเฮยหยวนเข้ามาในที่ราบที่เต็มไปด้วยพลังแห่งเงามืดลับ

เขตใจกลางที่ราบมีแท่นบวงสรวงยักษ์ เฮยหยวนจับตัวศิษย์ไปมากขนาดนั้นก็เพื่อเซ่นไหว้ที่นี่

หลังจากเซ่นไหว้ เขาคืนชีพวิญญาณร้ายต่างแดนเมื่อหมื่นปีก่อนตนหนึ่งสำเร็จ ทั้งยังทำสัญญากับวิญญาณร้ายตนนี้เพื่อเพิ่มกำลังรบสำเร็จ

……

ตอนนี้ เขตใจกลางที่ราบที่ถูกปกคลุมด้วยพลังแห่งเงามืดลับ

ใต้แท่นบวงสรวงยักษ์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเก้าพันจั้ง มีวิญญาณเงามืดสีดำอมแดงกลุ่มหนึ่งกำลังลอยล่อง

มองผ่านกลุ่มวิญญาณเงามืดสีดำอมแดงพวกนั้นไปจะเห็นใบหน้าชั่วร้ายอย่างยิ่งอยู่หน้าหนึ่งรางๆ

“เคี๊ยกๆๆ!

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์วัฏจักร ถึงเจ้าจะใช้วัฏจักรหกมรรคผนึกข้าไว้หมื่นปีแล้วอย่างไร ลูกหลานของข้าก็ยังมาพบข้าก่อน เจ้าใช้ชีวิตเซ่นไหว้วางยอดค่ายกลหมื่นปีก็เสียเปล่า

รอก่อนเถอะ! อีกไม่กี่วันจะเป็นวันแห่งมารสวรรค์พุ่งชนดาวร้ายชิกสัวะ อำนาจของถาดวัฏจักรของเจ้าจะลดลงถึงระดับต่ำสุด ตอนนั้นจะเป็นเวลาที่ข้าได้เห็นตะวันบนฟ้าอีกครั้ง พลังแห่งเงามืดลับที่เจ้าสลายออกจากตัวข้า ข้าจะเอามันกลับมา

รอก่อนเถอะ! หมื่นปีผ่านไปแล้ว ตอนนี้ประตูโลกเซียนปิดไปนานแล้ว โลกนี้ไม่มีเซียนแท้จริงอีก รอข้าฟื้นพลังปราณเดิมเมื่อไรจะต้องไปหาเจ้าถึงแดนศักดิ์สิทธิ์วัฏจักร ฆ่าผู้สืบทอดของเจ้า…”

วิญญาณมืดพึมพำกับตัวเอง พูดจาโหดเหี้ยมกับค่ายกลหยกขาวไม่หยุด!

จู่ๆ มันเหมือนสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ร่างวิญญาณสั่นไหวอย่างรุนแรง

มีคน!

มีคนบุกเข้ามาในที่ราบ!

ในใจวิญญาณเงามืดเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีอย่างรุนแรง

ที่ราบแห่งนี้ถูกผนึกด้วยค่ายกลพิเศษ ไม่น่ามีวิญญาณมรณะบุกเข้ามา

แต่ตอนนี้มันรู้สึกได้ว่ามีแขกที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามาในที่ราบ

อีกทั้งไม่ใช่แค่เข้ามาในที่ราบเฉยๆ

วิญญาณเงามืดรู้สึกได้ชัดเจนว่าพลังแห่งเงามืดลับบนที่ราบกำลังเบาบางลงอย่างรวดเร็ว

ทั้งร่างวิญญาณเสียอาการไปทันที

มีโจรขึ้นบ้าน!

………………………………………………………………

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน
Status: Ongoing
อ่านนิยายบุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนเพราะความสามารถพิเศษหลังข้ามมิติมา ทำให้เสิ่นเทียนกลายเป็นบุคคลนำโชคผู้เป็นที่ต้อนรับที่สุดในโลกบำเพ็ญเซียน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset