บทที่ 229 น้องสิบสามดีกว่าจริงๆ
ถ้าถามว่าคนที่เกิดคลื่นอารมณ์รุนแรงที่สุดในกลุ่ม นั่นคงเป็นจินอวี่
แม้เขาจะไม่ใช่คนก็ตาม
เดิมทีก่อนเข้าสนามรบบรรพกาล จินอวี่เป็นโอรสสวรรค์แห่งเผ่าเผิงปีกทองผู้ยิ่งใหญ่องอาจห้าวหาญ นอกจากข่งเมิ่งแล้ว เขาชายตามองโอรสสวรรค์ทั้งหมดในดินแดนทักษิณอย่างโอหังได้ เจอศัตรูในระดับเดียวกันยากมาก แทบจะไร้พ่าย
แต่หลังจากเข้าสนามรบบรรพกาลมา จินอวี่ถูกกระทบกระเทือนต่อเนื่องกัน
ก่อนอื่นโดนปืนประหลาดนั่นของฉินอวิ๋นตี๋ยิงใส่จนต้านไม่ไหวหน้าลากถูไปกับพื้น ต่อมาโดนมารโลหิตระดับดวงจิตดรุณผดุงครรภ์ ได้โอรสสวรรค์ศัตรูเสิ่นเทียนช่วยไว้ ก็ยิ่งไม่มีศักดิ์ศรีอะไรเหลือแล้ว
กว่าจะเจอมหาโชคลิขิตหอคอยเทพสงครามไม่ใช่ง่ายๆ ทั้งยังเจอวิชาอินทรีสวรรค์ปะทะมังกรที่หายสาบสูญไปนานในเผ่าเทพอินทรีสวรรค์
แต่กลับถูกกระทบกระเทือนหนักกว่าเดิม!
ข่งเมิ่งถูกประเมินให้เป็นธิดาสวรรค์ห้าดาว ติดอันดับเทพสงคราม
แต่เขากลับติดแค่ด่านโอรสสวรรค์สามดาว ทั้งยังเจอกับการประลองแบบเหยียบย่ำติดต่อกัน
จินอวี่สงสัยว่าดวงชะตาของตนถูกลดลงอย่างต่อเนื่องจนหมดหรือไม่ ถ้าไม่เช่นนั้นเหตุใดทุกครั้งถึงเจอกับวิญญาณวีรบุรุษที่เอาชนะทางตนตลอด
ครั้งแรกคือเหยียนเช่อ ชนรุ่นหลังเผ่าเทพคันศร ยิงจนจินอวี่เป็นรูพรุนทั้งตัว
คู่ต่อสู้คนที่สองคือหงส์ไฟสวรรค์ ความเร็วและการโจมตีไม่ด้อยไปกว่าจินอวี่ ชำนาญวิชาธาตุไฟ ก็ยิ่งเอาชนะทางจินอวี่อยู่หมัด
คู่ต่อสู้คนที่สามไม่ได้ชนะทางจินอวี่ขนาดนั้น ปัญหาคือจินอวี่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้เช่นกัน
เพราะอีกฝ่ายคือชนรุ่นหลังของเผ่าคุนเทพ ‘พันธนาการแห่งวารี’ ทำให้จินอวี่ใช้ความเร็วสูงสุดไม่ได้ ‘การแยกแห่งวารี’ ทำให้การฟันจู่โจมของจินอวี่แทบจะไม่มีผล
สุดท้ายลากจนจินอวี่หมดพลัง และพ่ายแพ้ไปอย่างจนปัญญา
…..
เติมเงินและประลองหลายต่อหลายครั้ง ทุกครั้งเหมือนจะห่างจากความสำเร็จแค่เล็กน้อย แต่ทุกครั้งก็เหมือนยังมีระยะห่างอีก
สุดท้าย ในที่สุดจินอวี่ก็พบโอรสสวรรค์ธาตุไม้ เห็นทีพญาเผิงจะได้พลิกตัวลบล้างความพ่ายแพ้แล้ว
ปรากฏว่าช่วงที่จินอวี่จู่โจมใส่โอรสสวรรค์ธาตุไม้อย่างห้าวหาญ ก็เกิดแสงสีสันตรงหน้าเขา ก่อนจะถูกบังคับให้ออกมา
ระยำ ข้าลุยเดี่ยวจนใกล้จะชนะแล้ว!
นี่เจ้าดึงสายเน็ตรึ
จินอวี่รู้สึกว่าหัวใจจะระเบิดออก!
เจ้าเข้าใจ…
ก็เหมือนกับเล่นเป็นวีรบุรุษฆ่าศูนย์ตายสิบ กว่าจะเจอไก่ในเกมให้ตบได้ จู่ๆ ไวไฟก็ตัดการเชื่อมต่อ
จินอวี่รู้สึกโมโหจนขนทั้งตัวจะลุกชันขึ้นมา
ถ้าไม่ใช่เพราะรู้สึกว่าตนอาจจะสู้ดวงจิตหอคอยเทพสงครามไม่ได้ ตอนนี้เขาคงโมโหจนขาดสติแล้ว!
“เพราะอะไรกัน! ดวงจิตเทพสงคราม ข้ายังประลองไม่จบ เหตุใดถึงบังคับให้ออกมา”
จินอวี่กลั้นเพลิงโทสะในใจไว้พลางจ้องหอคอยเทพสงครามสีม่วงที่ลอยข้างกายเสิ่นเทียน
เขาไม่เห็นร่างของเยี่ยฉิงชาง และเพราะเช่นนี้เอง เมื่อเจอกับหอคอยเทพสงครามที่มีเสียงสตรีน่าดึงดูด น้ำเสียงเขาถึงไม่ได้ฉุนเฉียวมากเป็นพิเศษ
“อินทรีทองหนุ่มเอ๋ย! ต้องขออภัยจริงๆ เพราะข้ายอมรับองค์ชายเสิ่นเทียนบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เป็นนายแล้ว ดังนั้นการฝึกฝนของทุกท่านจึงยุติไว้ชั่วคราวก่อน
ค่าใช้จ่ายในการท้าประลองครั้งนี้ของทุกท่าน ข้าจะเป็นคนจ่ายให้เอง แต้มเทพสงครามที่พวกท่านจ่าย ข้าก็จะคืนให้เป็นสองเท่า”
เสียงสตรีนุ่มนวลดั่งสายน้ำดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้โทสะบนใบหน้าจินอวี่ค่อยๆ หายไป
‘คืนแต้มเทพสงครามที่จ่ายไปครั้งนี้ให้ข้าสองเท่าหรือ’
จินอวี่พยักหน้าเหมือนมีความคิดบางอย่าง “ถือว่าเจ้าหอคอยมีจิตใจดี ไม่ได้ทำร้ายข้า!”
รอเดี๋ยว~!
แม่นางหอคอยนี่เพิ่งพูดว่าอะไรนะ
นางบอกว่าหอคอยเทพสงครามยอมรับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนเป็นนายหรือ
วัยหนุ่มสาวของข้าจบลงแล้ว!
หรือก็คือจากนี้หากข้าอยากจะเข้าหอคอยเทพสงครามอีก ก็ต้องถามเจ้าหนูเสิ่นเทียนนี่ก่อนหรือ
เมื่อคิดได้ดังนั้น จินอวี่รู้สึกปวดฟัน เขาเป็นโอรสสวรรค์เผ่าเทพพญาเผิงปีกทองผู้ยิ่งใหญ่ ยังต้องขอร้องเจ้าหนูนี่ด้วยรึ
“ดวงจิตหอคอย เจ้าบอกว่ามีเพียงชนะร่างเงาโอรสสวรรค์ที่แกร่งที่สุดในหอคอย เป็นโอรสสวรรค์เจ็ดดาวถึงจะมีสิทธิ์เป็นเจ้าของหอคอยเทพสงครามไม่ใช่รึ
เหตุใดแค่สิบวันสั้นๆ เจ้าก็ยอมรับเสิ่นเทียนเป็นนายแล้ว หอคอยนี่มีเส้นสายไม่ดีอะไรหรือไม่ ไม่ยุติธรรมหรือไม่!”
จินอวี่คับแค้นใจเล็กน้อย อีกทั้งเสียงยังเบาลงเรื่อยๆ เพราะเขารู้ว่านี่ไม่น่าจะเป็นไปได้
ถึงอย่างไรก็เป็นหอคอยที่ตกมาจากโลกเซียน จะไม่ยุติธรรมได้อย่างไร
มิหนำซ้ำ ก่อนหน้านี้เสิ่นเทียนยังแสดงกำลังรบไร้พ่ายในระดับเดียวกันออกมา แข็งแกร่งกว่าข่งเมิ่งจริงๆ
จินอวี่เพียงแค่ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะแกร่งขนาดนี้!
อีกทั้งมองจากตอนนี้ที่เสิ่นเทียนเปล่งแสงสว่างสีทองทั้งตัว เห็นได้ชัดว่าเริ่มรวมกายทองแล้ว
เมื่อนึกถึงก่อนหน้านี้ที่เคยทำหน้าหนา ท้าเสิ่นเทียนว่าหากทะลวงแก่นพลังทองหรือกายทองแล้วค่อยมาสู้กันใหม่ จินอวี่ก็รู้สึกขนหัวลุก
ตอนนี้หางลีบ หนีไปยังทันหรือไม่
แต่ว่า ข้ายังใช้เงินในหอคอยไม่หมดเลย!
ทว่าตอนนี้หอคอยเทพสงครามมีเจ้านายแล้ว การจะเข้าไปในหอคอยเพื่อใช้เงินให้หมดต้องมาหาเสิ่นเทียน
แต่ถ้าไปหาเสิ่นเทียน เกิดเขาเอ่ยถึงการประลองกับข้าที่นัดกันไว้ล่ะ ข้าจะทำอย่างไร
ตอนนี้สภาพจิตใจจินอวี่ระเบิดต่อไป ศักดิ์ศรีของนกแทบจะพังลง!
ถ้าไม่ใช่เพราะสิบวันนี้ประลองกับโอรสสวรรค์ระดับเดียวกันไม่หยุด ทำให้จิตใจจินอวี่ได้รับการขัดเกลาครั้งใหญ่ และขณะเดียวกับที่ใช้พลังนั้น ประสิทธิผลในการดูดซับของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานยังพุ่งสูงสุด ทำให้กายหยาบและจิตใจพัฒนาขึ้นอย่างมากแล้ว
เกรงว่าตอนนี้จินอวี่คงจะเดินรอยตามฟางฉางกับเฉินจงเทียน ธาตุไฟเข้าแทรกเหมือนกันไปแล้ว
…….
ชั่วขณะที่มีคนสุขและเศร้านั้น แสงทองรอบกายเสิ่นเทียนค่อยๆ หุบกลับมา
ร่างที่ตอนแรกถูกสะท้อนเหมือนกับทองคำ ตอนนี้กลายเป็นสีเช่นคนปกติ
เพียงแค่ผิวหนังเขาขาวผ่องยิ่งกว่าเดิม ขณะเดียวกันลายเส้นกล้ามเนื้อยังคมชัดยิ่งขึ้น
ไม่เหมือนกล้ามเนื้อของพวกที่ฝึกวิชาหลอมกายหินยานพวกนั้น กล้ามใหญ่เป็นก้อนๆ ราวกับปีศาจหมีป่า แต่นี่เป็นกล้ามเนื้อของวีรบุรุษ
ใส่อาภรณ์ดูผอม แต่ถอดอาภรณ์มีแต่กล้ามเนื้อ
สรุปคือ ตอนนี้เสิ่นเทียนสง่างามยิ่งกว่าเดิม
เส้นผมยาวของเขาตกลงมาดั่งสาดหมึก ดวงตาที่เปิดปิดเล็กน้อยมีประกายแววตาผลุบๆ โผล่ๆ
เหมือนกับผืนดาราผลุบโผล่อยู่หลังเมฆ ทั้งลึกลับและน่าเฝ้าใฝ่หาอย่างยิ่ง ทำให้อดเคลิบเคลิ้มมิได้
‘เกิดจากเสด็จพ่อคนเดียวกัน ไฉนน้องสิบสามถึงหล่อเหลายิ่งขึ้นเรื่อยๆ’
เสิ่นเอ้ามองเสิ่นเทียนที่สตรีทุกคนจับจ้องพลางรู้สึกเปรี้ยวๆ หวานๆ
เปรี้ยวคือปวดร้าวว่าตนก็สืบสายเลือดจากเสิ่นเซี่ยวเหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะพรสวรรค์หรือใบหน้ากลับเทียบเทียมไม่ได้
หวานคือโชคดีที่สุดยอดโอรสสวรรค์ที่สุดแห่งยุคอย่างเสิ่นเทียนคือน้องสิบสามของตน ขอแค่เขาละวางความโอหัง ‘ที่ต้องมี’ พวกนั้นลง
หากเกาะขาน้องสิบสามก็จะไปได้ทั่วในโลกบำเพ็ญเซียนแห่งนี้ อนาคตไร้ที่สิ้นสุด
ก็เหมือนกับการฝึกในสนามรบบรรพกาลครั้งนี้ ในเวลายี่สิบกว่าวันสั้นๆ ไม่ถึงเดือน เขาได้โชคลิขิตมาตั้งเท่าไรแล้ว
พูดได้ว่าหากไม่ติดตามเสิ่นเทียน โชคลิขิตโภคทรัพย์ยิ่งใหญ่เช่นนี้ เสิ่นเอ้าใช้เวลาร้อยปีก็อาจจะรวมมาไม่ได้ครบด้วยซ้ำ
ถึงอย่างไรสมุนไพรวิญญาณระดับสูงสุดอย่างว่านโลหิตมังกรและผลใจกระบี่ก็ล้ำค่าอย่างยิ่ง เป็นของที่ต่อให้มีเงินก็ซื้อมาไม่ได้
การฝึกไร้สาระของเจ้ากระบี่ธารนิรันดร์อะไรนั่น เมื่อเทียบกันแล้ว… น้องสิบสามดีกว่าจริงๆ!
……………….