บทที่ 231 เมิ่ง จะเก็บห้องรอ
ณ สนามรบบรรพกาล ในถ้ำยักษ์ที่มีลักษณะแปลกประหลาดแห่งหนึ่ง
ปากทางเข้าถ้ำนี้สูงหนึ่งจั้งกว่า ทว่าเมื่อมีคนเดินลึกเข้าไปหลายสิบจั้ง ตรงหน้าจะเปิดโล่งทันที
ตรงกลางถ้ำเป็นพระราชวังใต้ดินยักษ์แห่งหนึ่ง
พระราชวังสูงราวหลายจั้ง ทุกส่วนแกะสลักขึ้นจากหินพิเศษขาวสะอาดดั่งหยก สวยงามยิ่งนัก
ตรงหน้าพระราชวังเป็นหมาป่ายักษ์สีเงินเรียงแถวกันสิบแปดตัว ทุกตัวแผ่พลังที่แข็งแกร่งมาก ด้านบนประตูพระราชวังแขวนป้าย บนนั้นเขียนด้วยอักษรใหญ่ฉาบทอง…พระราชวังพันโชค
ปัง~!
ประตูใหญ่พระราชวังเปิดออก
คนกลุ่มหนึ่งกับนกห้าตัวเรียงแถวกันออกมาจากประตูใหญ่พระราชวัง
พวกเขาคือพวกเสิ่นเทียนกับสหายของเขา ฝึกฝนในพระราชวังพันโชคเสร็จสิ้นแล้ว
เมื่อเห็นวงรัศมีเหนือศีรษะฉินอวิ๋นตี๋กลายเป็นสีทองแทบจะทั้งหมดแล้ว เสิ่นเทียนก็ยิ้มปลื้มใจ
ใช่ โชคลิขิตในพระราชวังพันโชคมาจากของฉินอวิ๋นตี๋
เมื่อหมื่นปีก่อน เชียนจีผู้บำเพ็ญเตรียมอริยะพเนจรคนหนึ่งในดินแดนบูรพาได้ตั้งใจสร้างมันขึ้น ก็เพื่อทดสอบหาผู้สืบทอดที่เหมาะสม
ผู้เตรียมอริยะเชียนจีคนนี้ ถึงจะมีกำลังรบไม่ถือว่าโดดเด่นกว่าใคร แต่เขาชำนาญวิชาการหลอมสร้างที่สุด โดยเฉพาะการสร้างหุ่นเชิดที่แข็งแกร่งสู้กับศัตรู
เล่าลือว่าตอนที่ผู้เตรียมอริยะเชียนจีอยู่จุดสูงสุด ก็เคยควบคุมหุ่นเชิดมังกรเงินที่อยู่จุดสูงสุดระดับหลอมรวมเทพสิบแปดตน ฉีกร่างผู้อริยะคนหนึ่งทั้งเป็นได้
น่าเสียดายก็แต่ในสนามรบบรรพกาล แม้แต่ผู้อริยะก็ยังไม่อาจรับรองชีวิตของตนเองได้
สุดท้ายผู้เตรียมอริยะเชียนจีก็สิ้นชีพด้วยการซุ่มโจมตีของศัตรู เหลือไว้เพียงแดนมรดกที่เตรียมไว้อย่างดีแห่งนี้
เสิ่นเทียนเห็นพระราชวังแห่งนี้จากเหนือศีรษะฉินอวิ๋นตี๋ จึงพาทุกคนมาที่พระราชวังพันโชค และผ่านการทดสอบทั้งหมด
อย่าถามว่าเหตุใดถึงง่ายขนาดนั้น
ง่ายมาก เพราะเสิ่นเทียนเห็นทุกฉากเหนือศีรษะของฉินอวิ๋นตี๋มาแล้ว
ในฉากนั้น ฉินอวิ๋นตี๋ตรึกตรองอยู่นานกว่าจะพบช่องโหว่ของหุ่นเชิด เสิ่นเทียนเอ่ยทีเดียวก็ไขความลับได้ ทำให้ทุกคนมีสีหน้าแปลกไป
โดยเฉพาะฉินอวิ๋นตี๋ ตอนนี้มองเสิ่นเทียนด้วยแววตาเป็นดาวระยิบระยับ
สมกับเป็นศิษย์พี่เสิ่นเทียน ไม่ใช่แค่สุดยอดทั้งศาสตร์หลอมปราณและหลอมกาย แม้แต่วิชาหุ่นเชิดยังเข้าใจเช่นนี้ รอบรู้รอบความสามารถจริงๆ สมกับเป็นคนที่เหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องเลื่อมใส
สมกับเป็นแสงตะเกียงชี้นำทางของข้า!
“อวิ๋นตี๋ เจ้ามีพลังจิตแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดามาโดยกำเนิด สามารถควบคุมปืนหยินหยางพิฆาตอสูรหลายสิบกระบอกได้อย่างง่ายดาย คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์พันโชคนี้เน้นการฝึกแบ่งจิตควบคุมเป็นหลัก เหมาะสมกับเจ้ามาก ภายภาคหน้าก็จงหมั่นศึกษาให้มาก”
เสิ่นเทียนแนะนำฉินอวิ๋นตี๋ด้วยรอยยิ้ม
ความจริง เดิมทีแม้ฉินอวิ๋นตี๋จะผ่านการทดสอบของผู้เตรียมอริยะเชียนจี แต่ก็ใช้เวลาทดสอบนานเกินไปจึงได้ผลสำเร็จไม่ค่อยสูงนัก
ดังนั้นฉินอวิ๋นตี๋จึงได้คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์พันโชคสองม้วนแรกในสี่ม้วน ไม่ได้รับมรดกทั้งหมด
แต่เสิ่นเทียนเห็นบทมาหมดแล้ว ทั้งยังมีศักยภาพเหนือกว่าฉินอวิ๋นตี๋ทุกอย่าง สามารถผ่านด่านทั้งหมดได้ในเวลาที่สั้นที่สุด ดังนั้นเขาจึงได้มรดกทั้งหมดมาอย่างง่ายดาย กระทั่งกลายเป็นผู้สืบทอดที่ผู้เตรียมอริยะเชียนจียอมรับ
ตอนนี้เสิ่นเทียนกำป้ายคำสั่งในมือ นี่คือป้ายคำสั่งเจ้านายของ ‘พระราชวังพันโชค’
ขอแค่ควบคุมป้ายคำสั่งนี้ก็จะใช้เล่ห์กลทั้งหมดในพระราชวังพันโชคได้
มูลค่าของมันแทบจะเทียบได้กับอาวุธอริยะเลยทีเดียว
เสิ่นเทียนพอใจกับผลกำไรในครั้งนี้มาก และที่ทำให้เขาพอใจยิ่งกว่าก็คือโชคลิขิตครั้งนี้ทำให้ดวงชะตาเขาเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อย
เสิ่นเทียนประสานมุทรา เก็บพระราชวังพันโชคมหึมาเข้าไปในป้ายคำสั่ง
จากนั้นยกเลิกการเป็นนายของหมาป่าเงินสิบแปดตัวหน้าพระราชวัง “ศิษย์น้องอวิ๋นตี๋ หุ่นเชิดหมาป่าเงินสิบแปดตัวนี้มีระดับแก่นพลังทองทุกตัว หากเจ้าควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์ ก็พอจะสูสีไม่ตกเป็นรองให้โอรสสวรรค์ในรายนามแก่นพลังทองดินแดนบูรพาแล้ว!
ในพวกเราทุกคน มีเพียงเจ้าที่มีพลังจิตแข็งแกร่งเหมาะสมจะควบคุมหมาป่าเงินพวกนี้ที่สุด วันนี้ข้าจะมอบหมาป่าเงินสิบแปดตัวนี้ให้เจ้า หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ชื่อเสียงของผู้อาวุโสต้องตกต่ำ”
เมื่อเห็นเสิ่นเทียนยิ้มจริงใจแล้ว ในดวงตาหรี่เล็กของฉินอวิ๋นตี๋เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ
ต้องรู้ว่าหุ่นเชิดหมาป่าเงินสิบแปดตัวนี้แม้จะมีระดับแค่แก่นพลังทอง แต่วัสดุที่ใช้สร้างไม่ใช่ถูกๆ เลย
โดยเฉพาะหากควบคุมหุ่นเชิดหมาป่าเงินสิบแปดตัวนี้ได้ดี จะสามารถวาง ‘ยอดค่ายกลหมาป่าเงินล่าเทพ’ ได้ ถึงตอนนั้นกำลังรบจะพุ่งขึ้นสูง
แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับดวงจิตดรุณธรรมดาก็อาจจะถูกหมาป่าเงินสิบแปดตัวรุมฉีกทึ้งเป็นชิ้นๆ
หากควบคุมหมาป่าเงินสิบแปดตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ กำลังรบของฉินอวิ๋นตี๋จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
“ขอบคุณศิษย์พี่ ข้าจะพยายามแน่นอน!”
เสิ่นเทียนเห็นฉินอวิ๋นตี๋ขอบคุณ เขาก็พยักหน้าน้อยๆ “นอกจากนี้นะอวิ๋นตี๋ ข้าไม่อยากให้เจ้ายึดติดกับของเดิมๆ อีก เจ้าสนใจการศึกษายันต์ระเบิดอัสนีกับปืนหยินหยางพิฆาตอสูร และยังสนใจศึกษาหุ่นเชิดพวกนี้ แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่แตกต่างไปอย่างชัดเจน”
ฉินอวิ๋นตี๋ครุ่นคิด แต่กลับรู้สึกเหมือนถูกปราการมองไม่เห็นขวางเอาไว้ชั้นหนึ่ง
ดวงตาหรี่เล็กค่อยๆ เปิดกว้าง มองเสิ่นเทียนด้วยความเคารพราวกับมองเทพเจ้า “ศิษย์พี่ โปรดชี้แนะด้วย”
เสิ่นเทียนตอบนิ่งๆ “ง่ายมาก หากสนใจ เจ้าก็ลองเสริมอาวุธอย่างปืนหยินหยางพิฆาตอสูรไว้กับหุ่นเชิดพวกนั้นดู ลองเสริมอานุภาพของพวกมันดู ถึงตอนนั้นผสานรวมกัน บางทีอาจจะเกิดผลเหนือความคาดหมายก็ได้”
ฉินอวิ๋นตี๋ใคร่ครวญ ‘ศิษย์พี่หมายความว่าให้ศิลปะระเบิดเบ่งบานเป็นดอกไม้ใหม่บนตัวหุ่นเชิดหรือ’
แววตาเขาสว่างไสวขึ้นเรื่อยๆ
…….
แต่ตอนนี้เสิ่นเทียนกลับโล่งอก
ฟู่ว~
ใช้เวลาห้าวันเต็ม ในที่สุดก็เก็บภาพโชคลิขิตของเจ้าพวกนี้หมด
ทางด้านวงรัศมีของเสิ่นเทียนก็เปลี่ยนจากแดงครึ่งเขียวครึ่งในตอนแรกเป็นสีแดงส่วนใหญ่กับเขียวส่วนเล็ก
แต่สิ่งที่ทำให้เขาฉงนใจคือ ดวงชะตาเขาลดลงครั้งนี้เหมือนจะไม่เจอเรื่องซวยอะไรเลย
พึงรู้ไว้ว่าครั้งก่อนตอนเสิ่นเทียนทะลวงระดับเหนือสามัญบนที่ราบหมอกลับแล ดวงชะตาเขาลดลงถึงได้โดนเถาจองจำเซียนจับไปในหุบเขาหมอกลับแล
ถ้าไม่ใช่เพราะจ้าวเฮ่าเซ่นไหว้อาจารย์กับสวรรค์ ให้เสิ่นเทียนเกาะดวงชะตาได้ทันการ เขาก็อาจจะตัวเย็นไปแล้ว
เหตุใดครั้งนี้ทะลวงพลังบนสนามรบบรรพกาล ดวงชะตาลดลง กลับไม่เจออันตรายอะไรเลยล่ะ หรือว่าเป็นเพราะข้าระมัดระวังตัวกัน
แต่ไม่ว่าอย่างไรไม่เจออันตรายก็ดีแล้ว
ตอนนี้เอง ยันต์หยกเคลื่อนย้ายในอกเสื้อเสิ่นเทียนร้อนขึ้นมานิดๆ ก่อนจะลอยออกมา
ทุกคนมีสีหน้าจริงจังเล็กน้อย เพราะนี่หมายความว่าช่วงเวลาพิเศษของสนามรบบรรพกาลกำลังจะผ่านไปแล้ว
เจ้าปกครองพวกนั้นกำลังจะกลับมาจากส่วนลึกของสนามรบ สนามรบที่ตอนแรกมีเพียงวิญญาณมรณะระดับต่ำกว่าดวงจิตดรุณไม่ปลอดภัยอีก
ทุกคนต้องกระตุ้นยันต์หยกเคลื่อนย้ายกลับไป
“เราต้องกลับแล้ว” เสิ่นเทียนส่งพลังฤทธิ์เข้าไปในยันต์หยกเคลื่อนย้ายอย่างสงบนิ่งพลางมองข่งเมิ่งกับพวกจินอวี่
“ทุกท่าน หากภายภาคหน้ามีโอกาส ก็ยินดีต้อนรับมาเป็นแขกที่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์”
ข่งเมิ่งมองเสิ่นเทียนด้วยความอาลัยอาวรณ์พร้อมกับพยักหน้า “เมิ่งก็ยินดีต้อนรับสหายมาเป็นแขกที่เผ่าข้าทุกเมื่อเช่นกัน ข้าจะเก็บห้องรอ”
จินอวี่ใจฝ่อไปนิดๆ ถ้าเกิดต้องประลองกันละก็…
อย่าเจอกันอีกเลยดีกว่า!
…..
เมื่อพลังฤทธิ์เข้าไปในยันต์หยกเคลื่อนย้ายเรื่อยๆ เสิ่นเทียนก็รู้สึกได้ว่าพลังมหัศจรรย์อย่างหนึ่งกำลังฉุดดึงตน
ตรงหน้าเกิดเป็นแสงหลากสีสัน นั่นเกิดจากมิติเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดก็จบลงแล้ว
เสิ่นเทียนพ่นลมหายใจ รู้สึกสบายไปทั้งตัว
ต้องบอกว่าแม้สนามรบบรรพกาลครั้งนี้จะน่ากลัว แต่เขาก็ได้ผลประกอบการมาเยอะมาก
ขอแค่ครั้งนี้เคลื่อนย้ายกลับไปได้อย่างปลอดภัย เขาก็จะเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการฝึกฝนสนามรบบรรพกาลครั้งนี้!
หนึ่งวินาที~
สองวินาที~
สามวินาที~
เมื่อเคลื่อนย้ายเสร็จสิ้น รอยยิ้มบนใบหน้าเสิ่นเทียนค่อยๆ แข็งค้างขึ้นมา
ที่นี่เหมือนจะไม่ใช่เมืองเล็กฝ่ายเซียน!
…………………….