บทที่ 232 พี่ชายน้อย
รอบนอกสนามรบบรรพกาล ในหุบเขาลึกลับแห่งหนึ่ง
เงาคนสวมชุดคลุมยาวสีดำยืนอย่างเฉยชา รวมเป็นหนึ่งเดียวกับเงามืด
และตรงหน้าคนพวกนี้ก็มีเงาในชุดคลุมยาวสีแดงเข้มคนหนึ่ง ดูชั่วร้ายอย่างยิ่ง
“ประมุข ยืนยันได้แล้วว่านายน้อยถูกขังอยู่ในเมืองฝ่ายเซียน นายน้อยมีธงเวทที่ไว้วางค่ายกลเพื่อช่วยท่านวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือ จะให้เสียไปไม่ได้!”
“อะไรคือนายน้อยมีธงเวทจะให้เสียไปไม่ได้ หรือถ้านายน้อยไม่มีธงเวทก็จะปล่อยให้เขาตายอย่างนั้นรึ”
“ข้าไม่ได้ความแบบนั้น ข้าหมายความว่านายน้อยถูกจับไปสิบกว่าวันแล้ว จะต้องรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด”
“ใช่ วันแห่งมารสวรรค์พุ่งชนดาวชิกสัวะคือพรุ่งนี้เย็น มีเวลาให้พวกเราไม่พอแล้ว”
……..
คนชุดคลุมดำทุกคนพูดคุยกัน
ตอนนี้เอง ชายชุดคลุมโลหิตเอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “เงียบหน่อย”
ชายคนนี้เหมือนจะมีอำนาจบารมีสูงมาก เมื่อเสียงเขาดังขึ้น สาวกวิญญาณร้ายทุกคนต่างเงียบลง
เขาพูดอย่างเฉยชา “เฮยหยวนทำงานไม่เรียบร้อยถูกแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จับไป เป็นเพราะสาวกลัทธิเราไร้ความสามารถ รอช่วยเขากลับมาได้เมื่อไรจะลงโทษสถานหนัก
แต่ตอนนี้เฮยหยวนเป็นตายอย่างไรไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือธงเวทดาวชิกสัวะมารสวรรค์ในมือเฮยหยวน ข้าวางแผนมานานหลายพันปีเพื่อช่วยท่านวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ออกมา
หากช่วยท่านวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้แล้วก็จะได้การยอมรับจากเขา ฐานะในลัทธิของข้าจะสูงขึ้นมาก ถึงตอนนั้นทุกคนที่นี่จะได้รางวัลจากท่านวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เส้นทางเซียนไร้อุปสรรคไม่ต้องกังวล!”
เมื่อเขาเอ่ยจบ ในดวงตาผู้ดูแลชุดคลุมดำทั้งหมดเปล่งประกายเฝ้ารอคอย
“ทำตามทุกอย่างที่ท่านประมุขสั่ง! ข้ายินดีถวายชีวิตเพื่อความรุ่งเรืองของลัทธิศักดิ์สิทธิ์!
ถวายความภักดีต่อลัทธิศักดิ์สิทธิ์ ถวายความภักดีต่อท่านประมุข วันนี้นอนพื้นบ้าน พรุ่งนี้เป็นเซียน!
สู้ๆๆๆๆ พยายามเข้าๆๆๆ โค่นล้มแดนเทวาแดนศักดิ์สิทธิ์ ลัทธิศักดิ์สิทธิ์เชิดหน้าชูตา!”
………
“วางใจเถอะ อาจารย์ลุงไป๋กู่เตรียม ‘ยอดค่ายกลพรางฟ้า’ แล้ว ขอแค่วางค่ายกลเสร็จสิ้น…”
เมื่อเห็นบรรยากาศเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาชายชุดคลุมโลหิตฉายแววปลื้มใจ
ทันใดนั้นเขาพลันจ้องไปตรงทางเข้าหุบเขา
เขาเป็นประมุขแห่งวิหารหนึ่งของลัทธิวิญญาณร้าย เหยียบเข้าเขตแดนของผู้อริยะแล้ว จึงมีความรู้สึกฉับไวต่อมวลอากาศสูงมาก เขารู้สึกได้ชัดเจนว่ามวลอากาศตรงนั้นเกิดคลื่นสั่นไหว
นี่อธิบายได้ว่ามีคนทะลวงมิติมา!
“มีศัตรูบุก! คนที่รับผิดชอบอำพรางค่ายกลคือใคร เหตุใดเราถึงถูกพบ”
ชายชุดคลุมโลหิตมีสีหน้าจริงจัง ดูเหมือนสุขุม แต่ความจริงในใจไม่ได้สงบนิ่งขนาดนั้น
ถึงอย่างไรตอนนี้พวกเขาก็ห่างจากฐานของสองแดนศักดิ์สิทธิ์ หกแดนเทวา และสิบสองแดนผาสุกแค่ร้อยลี้
ระยะห่างเช่นนี้สำหรับคนธรรมดาอาจจะไม่ได้ไกลมากด้วยซ้ำ แต่กับผู้ฝึกบำเพ็ญระดับดวงจิตดรุณ เพียงชั่วครู่เดียวก็มาถึงแล้ว
หรือว่าแผนการจะรั่วไหล ร่องรอยของเราถูกคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์พบ?
หากเป็นแค่ร่องรอยถูกพบยังเป็นเรื่องเล็ก ที่ต้องกลัวคือฝ่ายเซียนรู้แผนการของพวกเขาแล้ว ตอนนี้เริ่มเก็บแหปิดล้อม
ถ้าเช่นนั้นเป็นปัญหาจริงๆ แน่
อย่าคิดว่าแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นสุดยอด ถึงชายชุดคลุมโลหิตจะก้าวสู่เขตแดนผู้อริยะ แต่ก็เป็นผู้อริยะหนึ่งเคราะห์ที่อ่อนแอที่สุด
ถ้าถูกฝ่ายเซียนพบและปิดล้อมจริงๆ ก็อันตรายมากเช่นกัน
ประมุขชุดคลุมโลหิตกับผู้ดูแลชุดคลุมดำพวกนั้นจ้องตรงที่มวลอากาศสั่นไหวเขม็ง เตรียมพร้อมต่อสู้ตลอดเวลา
ในที่สุดมวลอากาศก็ฉีกออกช้าๆ ตามด้วยเด็กหนุ่มชุดผ้าแพรสีขาวโผล่มาในสายตาทุกคน
เส้นผมดำของเขาดั่งน้ำหมึก คิ้วกระบี่ดวงตาดารา ใบหน้าหล่อเหลา และยังมีเอกลักษณ์เหนือธรรมดาอย่างหนึ่ง ประหนึ่งเซียนบนฟ้าลงมาจากโลกมนุษย์
ชายคนนี้เหนือธรรมดามากจริงๆ แม้แต่สาวกลัทธิชั่วร้ายพวกนี้ยังอดถอนหายใจมิได้
ไม่อยากเชื่อว่าโลกนี้จะมีบุรุษรูปงามเหนือธรรมดาเช่นนี้!
อีกด้าน บุรุษรูปงามคนนั้นเดินออกมาจากมวลอากาศ
ใบหน้าเขามีรอยยิ้มเหมือนยกภูเขาออกจากอก ดูอารมณ์ดีใช้ได้ ทว่าเมื่อเขารู้สึกถึงสายตาที่ระแวง หวาดกลัว มีจิตสังหาร ตกใจ ใจสั่นไหวและน้ำลายไหลสามฉื่อแล้ว บุรุษรูปงามคนนี้ก็รอยยิ้มค้างไป
ใช่ บุรุษรูปงามคนนี้คือเสิ่นเทียน
เมื่อเห็นชุดคลุมดำแบบเดียวกับเฮยหยวนและผู้ดูแลจินมู่สุ่ยหั่วและถู่ทั้งห้าคนแล้ว เสิ่นเทียนจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเจ้าพวกนี้ไม่ใช่คนดี
หนึ่งคน สองคน สามคน…
เสิ่นเทียนนับคร่าวๆ ผู้แข็งแกร่งสาวกวิญญาณร้ายพวกนี้มีมากกว่าสิบคน อีกทั้งพลังจากในตัวพวกเขายังเหนือกว่าระดับดวงจิตดรุณ ไม่มีใครอ่อนแอกว่าใครเลย
หากเพียงเท่านั้น เสิ่นเทียนคงไม่ได้กังวลอะไรเป็นพิเศษ ถึงอย่างไรตอนเขาอยู่ระดับสร้างฐานก็สู้กับมารโลหิตระดับดวงจิตดรุณได้
แม้ผู้ฝึกบำเพ็ญระดับดวงจิตดรุณเผ่ามนุษย์จะใช้สติปัญญาและกำลังรบผสมกันทำให้แกร่งกว่ามารโลหิตระดับดวงจิตดรุณแน่นอน แต่อย่าลืมว่าตอนนี้เสิ่นเทียนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับกายทองแล้ว
ตอนนี้กำลังรบของเสิ่นเทียนสูงกว่าเมื่อครึ่งเดือนก่อนมากกว่าสิบเท่า!
หากใช้กำลังรบทั้งหมด เขาจะติดสิบอันดับแรกในรายนามแก่นพลังทองสบายๆ กระทั่งคุกคามถึงอันดับห้าและสามคนแรก
ผู้แข็งแกร่งระดับดวงจิตดรุณธรรมดาอยู่ตรงหน้าเขาไม่มีอำนาจคุกคามใดๆ เลย จัดการได้เหมือนกับผ่าแตงหั่นผัก
แต่ปัญหาคือในผู้ดูแลชุดคลุมดำพวกนี้ไม่ได้มีผู้ฝึกบำเพ็ญระดับดวงจิตดรุณธรรมดา ในพวกเขามีผู้แข็งแกร่งจุดสูงสุดดวงจิตดรุณ กระทั่งยังมีระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์หลอมรวมเทพอีกสองคน
นั่นคือผู้สูงศักดิ์สวรรค์ระดับหลอมรวมเทพ กายทองหนึ่งรอบของเสิ่นเทียนจะสู้ได้หรือ
อย่างน้อยก็ต้องฝึกอีกหลายรอบถึงจะตรึกตรองได้!
มิหนำซ้ำยังมีเจ้าคนสวมชุดคลุมสีแดงตัวใหญ่แบบเยวี่ยฉี่ลั่ว[1]อีก
พลังของเจ้านี่ลึกล้ำไม่อาจคาดเดา เสิ่นเทียนหยั่งไม่ถึงก้นบึ้งของเขาเลย ไม่อาจสัมผัสได้เลยว่าเขาแข็งแกร่งเพียงใด
คนแบบนี้ไม่ต้องคิดแล้ว ไม่ใช่คนที่เสิ่นเทียนจะล่วงเกินได้ในตอนนี้เลย
ดวงชะตาลดลงต้องเจอกับเรื่องซวยจริงๆ
ผิดแผนๆ ครั้งนี้ผิดแผนจริงๆ แล้ว!
สถานการณ์แย่แล้ว ต้องถอย~!
เมื่อเห็นสาวกวิญญาณร้ายทุกคนมีแววตาหวาดระแวง เสิ่นเทียนก็ยิ้ม “แค่ผ่านทางมาเฉยๆ ไม่ได้ยินอะไร ขอตัว”
เมื่อพูดจบ เสิ่นเทียนก็สะบัดแขนเสื้อพร้อมกับหมุนตัวกลับ ก่อนจะมุ่งหน้าออกไปนอกหุบเขาอย่างว่องไว ท่วงท่าเหนือธรรมดา
ประมุขชุดคลุมโลหิตกลับเผยจิตสังหารวูบหนึ่งในดวงตา “ในเมื่อมาแล้ว ฆ่า!”
ระยำ เป็นสาวกลัทธิชั่วร้ายจริงๆ
ไม่พูดไม่จาอะไรก็จะฆ่าแกงกันเลยรึ กลัวแล้วๆ!
เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะรีบเร่งความเร็วสูงสุดหนีไปนอกหุบเขา
ขณะเดียวกัน ป้ายคำสั่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ในอกเสื้อเสิ่นเทียนก็รีบส่งข่าวไปหาผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาว ขอกำลังเสริมช่วยเหลือ
ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานไม่ได้ให้ไปเฉยๆ ยามเจออันตราย อาจารย์อาก็ต้องช่วยข้าด้วย!
เมื่อเห็นเสิ่นเทียนหมุนตัววิ่งหนี สาวกวิญญาณร้ายทุกคนต่างถอนหายใจโล่งอก
นี่ยืนยันได้ว่าการปรากฏตัวของเสิ่นเทียนไม่ใช่การปิดล้อม
“ในเมื่อมาแล้วก็อย่าไปเลย ในละแวกหุบเขานี้วางค่ายกลไว้แล้ว ส่งขอความช่วยเหลือไม่ได้หรอก”
มีร่างเงาหนึ่งพุ่งออกมาจากกลุ่มผู้ดูแลชุดคลุมดำนั้น พุ่งเข้ามาหาเสิ่นเทียน
“เหอะๆ พ่อหนุ่มหน้าตาดี อยู่ฝึกฝนกับสาวน้อยเถอะ!”
เสียงเย้ายวนอย่างยิ่งดังมาจากใต้ชุดคลุมดำ ราวกับจะกินวิญญาณย่อยกระดูก “พี่ชายน้อย สาวน้อยมียอดคัมภีร์สำราญสุขอยู่ เรามาฝึกคู่ประสานกันเถอะ!
สาวน้อยรับรองว่าจะทำให้เจ้ามีความสุขจนตายเลย”
………………….
[1] เยวี่ยฉี่ลั่ว ตัวละครหญิงในเรื่องอู๋ซิน จอมขมังเวท