บทที่ 233 เทียนเอ๋อร์คือบุตรแห่งโชค จะต้องไม่เป็นไร!
เมืองเล็กฝ่ายเซียน ยอดค่ายกลเคลื่อนย้าย
เกิดแสงสว่างสีขาวขึ้น ร่างเงาคนปรากฏขึ้นมาในยอดค่ายกลเคลื่อนย้ายทีละคน
ฉินอวิ๋นตี๋ ฉินเกา เสิ่นเอ้า เซียวหลิง หลี่เหลียนเอ๋อร์ ซ่งฟู้กุ้ย จ้าวเฮ่า หลิวไท่อี่และกุ้ยกงกงเป็นต้น ยืนเรียงแถวกัน
ทุกคนองอาจห้าวหาญ แผ่กลิ่นอายพลังแข็งแกร่งทั่วร่าง
เทียบกับตอนที่เพิ่งเข้าสนามรบบรรพกาลแล้ว ศักยภาพของคนพวกนี้ไม่ได้พัฒนาขึ้นเพียงหนึ่งเท่าหรือสองเท่า กำลังรบของทุกคนเกิดการเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าดิน
โดยเฉพาะเสิ่นเอ้า เดิมทีเป็นเพียงศิษย์สายตรงธรรมดาๆ ของแดนเทวาดาวประกายพรึกคนหนึ่ง เพิ่งระดับสร้างฐานอย่างเขามีนับไม่ถ้วนในแดนเทวาดาวประกายพรึก ไม่มีจุดที่มีค่าให้เอ่ยถึงเลย
แต่เมื่อติดตามเสิ่นเทียน ผ่านการฝึกฝนบนสนามรบบรรพกาลครั้งนี้ ได้ว่านโลหิตมังกรกับผลใจกระบี่ชะล้าง ทำให้เขาได้ผลัดเปลี่ยนกระดูกทั้งหมด
ทั้งกายและจิตวิญญาณ พลังบำเพ็ญและพรสวรรค์วิถีกระบี่ของเขาผลัดเปลี่ยน จนมากพอจะเทียบเคียงกับโอรสสวรรค์มากมายในดินแดนบูรพา
แม้จะเทียบกับศิษย์สายตรงของแดนศักดิ์สิทธิ์ ในด้านพรสวรรค์ก็อาจจะไม่ได้อ่อนแอกว่าเท่าไร
“พวกเราคือผู้ติดตามของท่านปรมาจารย์สวรรค์บุตรศักดิ์สิทธิ์ จะต้องแสดงพลังอันเปี่ยมล้น จะให้ความน่าเกรงขามของท่านปรมาจารย์สวรรค์เสื่อมถอยมิได้”
ถึงซ่งฟู้กุ้ยจะดูอายุไม่น้อยแล้ว แต่ตอนนี้ใบหน้าแดงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เชิดหน้ายืดอกดูค่อนข้างลำพองใจ
ตลก ใครบอกว่าประจบท่านปรมาจารย์สวรรค์จะแข็งแกร่งขึ้นไม่ได้กัน
กล่าวหากันชัดๆ!
ไม่เห็นหรือว่ากลุ่มเราอาศัยการประจบท่านปรมาจารย์สวรรค์ ได้ผลัดเปลี่ยนกระดูกกันน่ะ
แต่เทียบกับท่านปรมาจารย์สวรรค์แล้ว สิ่งที่เราได้มาแค่นี้แตกต่างกันราวกับฟ้าดินจริงๆ ถึงอย่างไรท่านปรมาจารย์สวรรค์บุตรศักดิ์สิทธิ์ก็ยังเก็บอาวุธเซียนระดับสูงสุดในตำนานนั้นมาได้
สมกับเป็นท่านปรมาจารย์ สมกับเป็นบุตรแห่งโชคที่มีสวรรค์ดูแล!
หือ~!
ท่านปรมาจารย์สวรรค์ล่ะ!
ท่านปรมาจารย์สวรรค์ผู้องอาจห้าวหาญล่ะ!
ซ่งฟู้กุ้ยกับหลิวไท่อี่เคลื่อนย้ายมาแล้ว ขณะจะเตรียมโอ้อวดเสิ่นเทียนต่อหน้าฝ่ายเซียนต่างๆ นั้น แต่เมื่อพวกเขาหมุนตัวกลับมาก็ไม่พบร่างของเสิ่นเทียน
เวลานี้พวกเขางุนงง พวกหลี่เหลียนเอ๋อร์ก็งุนงงเช่นกัน
ทุกคนที่เคลื่อนย้ายมากับเสิ่นเทียนงุนงงกันหมด ใช้ยันต์หยกเคลื่อนย้ายออกจากสนามรบบรรพกาลเหมือนกัน เหตุใดทุกคนถึงกลับเมืองเล็กอย่างปลอดภัย แต่ท่านปรมาจารย์สวรรค์บุตรศักดิ์สิทธิ์กลับหายตัวไปล่ะ
“ศิษย์พี่น่าจะเคลื่อนย้ายคลาดเคลื่อน” ฉินอวิ๋นตี๋เอ่ยเรียบนิ่ง “เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเป็นบางครั้ง ปกติจะไม่ไปคลาดเคลื่อนไกลมาก”
ฉินอวิ๋นตี๋พูดพลางควักป้ายคำสั่งศิษย์สายตรงของตนออกมาเริ่มติดต่อเสิ่นเทียน
แต่ไม่นาน ดวงตาหรี่เล็กของฉินอวิ๋นตี๋ก็เบิกกว้างช้าๆ มีสีหน้าจริงจัง “แย่แล้ว ป้ายคำสั่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ของศิษย์พี่ติดต่อไม่ได้! นี่มีเพียงความเป็นไปได้เดียว ที่ที่เขาอยู่ตอนนี้ปิดกั้นพลังจิตสื่อสาร”
เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉินอวิ๋นตี๋ก็รีบมุ่งหน้าไปยังบ้านพักของเหล่าผู้อาวุโสเช่นผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาว
“อะไรนะ เทียนเอ๋อร์หายตัวไป อาจจะมีอันตราย ข้าจะไปหาเขา!”
เมื่อได้ฟังข่าวจากฉินอวิ๋นตี๋ ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่ก็ลุกขึ้นพร้อมกัน
สองคนพูดเหมือนกันอย่างน่าประหลาด ไม่ผิดเพี้ยนไปเลยสักคำ
สองคนมองกันอย่างรู้กัน ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่รู้ว่าในใจอีกฝ่ายคิดอะไร
ก่อนจะเห็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่หยิบถาดหยกสีขาวออกมาชิ้นหนึ่ง ก่อนจะพูดอย่างเฉยชา “ศิษย์น้องจื่อหยางคุมสถานการณ์ในเมืองเล็กเซียนไว้ ผู้สูงศักดิ์ระดับดวงจิตดรุณขึ้นไปคนอื่นๆ ค้นหาในระยะห้าร้อยลี้โดยรอบอย่างละเอียด จะต้องหาเสิ่นเทียนให้พบ”
“ขอรับ!”
ผู้สูงศักดิ์ระดับดวงจิตดรุณทุกคนไม่มีใครเถียงกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่
เหตุผลก็ง่ายมาก อันดับแรกผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่เป็นสุดยอดธิดาสวรรค์ที่แท้จริง พลังบำเพ็ญถึงจุดสูงสุดระดับหลอมรวมเทพ
ในโลกบำเพ็ญเซียนที่ผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่นั้น ฐานะของผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้สูงศักดิ์ธรรมดาระดับดวงจิตดรุณพวกนั้นจะเทียบได้
สอง เบื้องหลังผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่คือแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยก นั่นคือหนึ่งในหลายแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ที่อยู่สูงสุดของดินแดนบูรพา มีอำนาจอิทธิพลไม่ธรรมดาเลย
และที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ในแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกมียอดหญิงเซียนราวกับเมฆ
ไม่รู้ว่ามีโอรสสวรรค์ในโลกบำเพ็ญเซียนเท่าไรที่มองว่าการได้ตบแต่งกับศิษย์หญิงแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกคือเกียรติยศ
เป็นพันเป็นหมื่นปีมานี้ สายเลือดที่สะสมมาจากศิษย์ที่ตบแต่งนอกแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกคือสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดของดินแดนบูรพา
กล่าวได้ว่าแม้เจ้าจะล่วงเกินแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนี ก็ไม่น่ากลัวกว่าล่วงเกินแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยก!
เพราะแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกไม่ต้องรับมือกับเจ้า แค่พวกผู้ติดตามที่อยากจะถวายไมตรีให้แดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกก็อาจจะเคาะหัวเขาจนสงสัยในชีวิตได้
ดังนั้นหลังจากผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กำชับ ผู้สูงศักดิ์แทบทุกคนต่างเคลื่อนไหวทันที
ผู้สูงศักดิ์พวกนี้กระตุ้นพลังจิตกวาดพื้นที่ในระยะหลายร้อยลี้รอบๆ เมืองเล็กเซียน ส่วนผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวหยิบป้ายคำสั่งผู้อาวุโสออกมา ใช้วิชาติดต่อกับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์
ตู้ด~
ตู้ด~
ตู้ด~
……..
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เหมือนกำลังฝึกบำเพ็ญ ไม่ได้รับการติดต่อทางจิตทันที
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวมีสีหน้าเป็นสมาธิเล็กน้อย ก่อนประสานมุทราพูดพึมพำอยู่คนเดียว “ศิษย์พี่ๆ ศิษย์หลานเสิ่นเทียนหายตัวไป ได้ข่าวแล้วรีบติดต่อกลับด้วย”
ฟิ้ว~!
ป้ายคำสั่งผู้อาวุโสเปล่งแสงเทพ นั่นหมายความว่าพลังจิตสื่อสารของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวส่งออกไปแล้ว
ขณะที่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวจะเก็บป้ายคำสั่งและจะออกตามหาเสิ่นเทียนด้วยตัวเองนั้น ตอนนี้เองป้ายคำสั่งนั้นเปล่งแสงสว่างขึ้นมา
ปรากฏร่างเงาปกคลุมด้วยสายฟ้าประกายเซียนขึ้นตรงหน้าผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาว “ศิษย์น้องหญิง เทียนเอ๋อร์หายตัวไปได้อย่างไร”
ใช่ ร่างนี้คือเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์!
เมื่อเห็นร่างลึกลับกลางสายฟ้าประกายเซียนของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวก็โค้งตัวช้าๆ “เรียนศิษย์พี่ จากรายงานของอวิ๋นตี๋กับศิษย์คนอื่น ศิษย์หลานเสิ่นเทียนใช้ป้ายคำสั่งเคลื่อนย้ายกลับเมืองเซียน แต่เกิดเคลื่อนย้ายผิดพลาด
อวิ๋นตี๋ส่งพลังจิตสื่อสารไปหาศิษย์หลานเสิ่นแล้ว แต่ติดต่อไม่ได้ น่าจะอยู่ในพื้นที่ผนึกบางอย่าง”
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวพูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “ข้าดูแลศิษย์หลานเสิ่นเทียนไม่ดีเอง ขอให้ศิษย์พี่ลงโทษด้วย”
เทียนเอ๋อร์หายตัวไปอีกแล้วหรือ
สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กระเพื่อมเบาๆ แต่น้ำเสียงยังคงเฉยชา
เขาพูดนิ่งๆ ว่า “ศิษย์น้องหญิงไม่ต้องโทษตัวเอง เทียนเอ๋อร์เป็นบุตรแห่งโชค ในเมื่อเป็นแค่การเคลื่อนย้ายผิดพลาด ก็ไม่น่าจะมีอันตราย กระทั่งอาจจะเปลี่ยนร้ายกลายเป็นดีได้มหาโชคลิขิตมาก็ได้”
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวครุ่นคิด “เช่นนั้นศิษย์พี่หมายความว่าเราไม่ต้องตั้งใจหาเขารึ”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ส่ายหน้า “ไม่ได้อยู่แล้ว! หากเทียนเอ๋อร์หายไปแล้วเราไม่ตามหา เช่นนั้นเทียนเอ๋อร์จะรู้สึกหนาวเหน็บในใจเพียงใด ไม่ใช่แค่ตามหา แต่ยิ่งแสดงความเป็นห่วงและร้อนใจมากเท่าไรยิ่งดี ให้เทียนเอ๋อร์รู้สึกถึงความห่วงใยมาก
ข้าจะให้อวิ๋นเฟิงไปตามหาร่องรอยของเทียนเอ๋อร์ในหลายอาณาจักรใกล้ๆ กับสนามรบบรรพกาล จะต้องให้เทียนเอ๋อร์รู้สึกว่าเราคือครอบครัวใหญ่ที่อบอุ่นมาก!”
เมื่อได้ฟังการวิเคราะห์ครอบคลุมทุกด้านของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวก็มีสีหน้าเลื่อมใสขึ้นมา “สมกับเป็นศิษย์พี่ คิดได้รอบคอบจริงๆ”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้าเล็กน้อย “อืม ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็เอาตามนี้!”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พูดขึ้นพร้อมกับเสียงค่อยๆ หายไป
ก่อนที่สัญญาณจะตัดขาดทั้งหมดนั้น ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวเหมือนได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ เหมือนมีและเหมือนไม่มี
ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่
‘อืม เอาตามศิษย์พี่แล้วกัน!’
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวไม่กังวลใจอีก แต่กลับมีสีหน้าร้อนใจ “ศิษย์เทพสวรรค์ทุกคนออกตามหาเทียนเอ๋อร์!”
เวลานี้ทั้งเมืองเล็กฝ่ายเซียนวุ่นวายขึ้นมาเพราะเสิ่นเทียนหายตัวไป
…………….
ในขณะเดียวกัน เสิ่นเทียนกำลังค่อนข้างปวดไข่ ตอนนี้เขาถูกขังอยู่ในหมอกลับแลสีชมพู หมอกนั้นมาพร้อมกับสีสันมายารุนแรง
เสิ่นเทียนรู้สึกร้อนอบอ้าวไปทั้งตัว
ความปรารถนารุนแรงหลั่งทะลักมาจากในกาย อัคคีอรุณใต้ในหัวใจลุกแผดเผา!
แต่เขาไม่ได้เสียสติไปเพราะหมอกนี้ เพราะถาดวัฏจักรหกมรรคขับไล่ภาพหลอนทั้งหมดไป
ตอนนี้ที่แววตาเสิ่นเทียนมีความเลือนรางก็มีเหตุผลง่ายมาก นั่นเป็นเพราะจะทำให้ยอดฝีมือลัทธิวิญญาณร้ายพวกนี้ประมาท
ถึงอย่างไรพลังบำเพ็ญภายนอกเขาก็อยู่เพียงสร้างฐานกับกายทองเท่านั้น ยอดฝีมือลัทธิวิญญาณร้ายพวกนี้ทุกคนมีพลังบำเพ็ญเหนือกว่าเขา
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ลัทธิวิญญาณร้ายทุกคนจะจับเขา จากนั้นก็ส่งใครมาจัดการก็ได้
ถึงตอนนั้น เสิ่นเทียนย่อมหาทางหนีออกไปอย่างเหนือความคาดหมายได้
นี่คือแผนการในใจเสิ่นเทียน น่าเสียดายก็แต่โลกนี้มีอะไรหลายอย่างที่จะให้เป็นไปตามแผนไม่ได้
เมื่อเขาจมไปอยู่กลางหมอกสีชมพูทั้งตัว หญิงร่างอรชรชุดคลุมยาวสีดำคนนั้นก็เข้ามาหน้าเสิ่นเทียนช้าๆ
เสียงปานจะกลืนกินดังขึ้นอีกครั้ง “ฮิๆๆ เป็นหนุ่มรูปงามมาก มีเพียงหนุ่มรูปงามเช่นนี้ที่เป็นเตาหลอมที่สมบูรณ์แบบที่สุด สาวน้อยทำใจสูบกินเขาหมดในครั้งเดียวไม่ได้ สาวน้อยจะใช้สมุนไพรที่ดีที่สุดบำรุงเขา จากนั้นเลี้ยงเขาไว้ใช้เสพความเพลิดเพลิน!”
หญิงร่างอรชรเข้ามาใกล้เสิ่นเทียน เหมือนอยากจะจูบเขา
แต่ตอนนี้เอง ดวงตาเลอะเลือนของเสิ่นเทียนในตอนแรกพลันรวมเป็นจุดเดียวกันได้ มือขวาเขารวมขึ้นเป็นของเหลวสีเงินขาวชั้นหนึ่งก่อนจะชกใส่หญิงร่างอรชรอย่างแรง
เปรี้ยง~!
แรงหมัดน่าสะพรึงกระแทกจนมวลอากาศยังบิดเบี้ยว
“อะไรกัน เจ้าไม่ได้โดนพิษหมอกสำราญ!”
หญิงอรชรหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง รีบเรียกอาวุธวิเศษกระบองสั้นออกมาต้านไว้
น่าเสียดายก็แต่ ด้วยหมัดหนักทรงพลังของเสิ่นเทียน กระบองสั้นอาวุธวิญญาณที่พอจะถึงระดับล่างต้านไม่ไหวเลย
กึก~!
รอยร้าวลุกลามไปบนกระบองสั้นด้วยความเร็วสายตามองทัน ไม่นานก็ทำให้กระบองสั้นแตกเป็นเสี่ยงๆ
“เจ้าคนสมควรตาย เจ้าทำลายสมบัติของข้า!”
เสียงหญิงอรชรพลันกลายเป็นแหลมเล็กและชั่วร้าย “สาวน้อยจะสูบกินเจ้าร้อยครั้ง ร้อยครั้ง!”
ทว่าเสียงกระหืดกระหอบของเสิ่นเทียนก็ไม่ได้แสดงความอ่อนแอแม้แต่น้อยเช่นกัน “สาวน้อยหรือ ยายแก่! เอาหน้าแตงกวาหนวดเครารุงรังของเจ้าออกไป เจ้าทำให้ข้าสะอิดสะเอียน!”
สารภาพตามตรง ตอนนี้โดนปิดล้อม เสิ่นเทียนก็ไม่ถือสาจะแสดงด้านอ่อนแอเพื่อสังเกตการณ์ก่อน หากดวงดีขึ้นมา บางทีอาจจะหลอกเอาความลับอะไรออกมาได้
แต่การแสดงด้านอ่อนแอไม่ได้หมายความว่าจะทนให้หน้าแตงกวาหนวดเครารุงรังขยับเข้ามาใกล้หน้าตนแล้วเรียกตัวเองว่าสาวน้อยได้ ทั้งยังจะจูบเจ้าอีก
เสิ่นเทียนรู้สึกว่าถ้าตนให้เจ้านี่จูบจริงๆ อย่างน้อยตนคงกินข้าวไม่ลงไปสามเดือน
จะว่าไป หน้าตาเช่นนี้ คิดว่าจะหาคนเต็มใจมาฝึกคู่ประสานกับนางได้จริงๆ หรือ
…….
เผยศักยภาพก็เผยไปเถอะ
ข้าไม่เสแสร้งแล้ว ข้าจะแบไพ่ในมือให้ดู!
ไม่ได้หมายถึงเจ้าอย่างเดียวนะ แต่ทุกคนที่นี่เป็นขยะ!
“หมัดหนักปฐมกาล!
นอนลงไป!”
……………………….