บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน – บทที่ 235 ข้ายกดาบไม่ไหวหรือ

บทที่ 235 ข้ายกดาบไม่ไหวหรือ

ตอนนี้เองเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นบนฟ้าไกลๆ

“โอหัง ปีศาจมารร้ายที่ใดกันกล้าทำร้ายศิษย์หลานเสิ่นเทียนของข้า!”

เพิ่งสิ้นคำพูดก็พบว่ามีแสงสว่างสีเงินสว่างพร่างพราวพุ่งเข้ามา

แสงเทพนี้ผ่านไปที่ใด แม้แต่อากาศยังเป็นน้ำแข็ง เหมือนแฝงไว้ด้วยพลังหนาวเหน็บที่สุดในฟ้าดิน

“กระจกฐานหยกอาวุธอริยะของแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยก?”

ประมุขชุดคลุมโลหิตมีสีหน้าจริงจังเล็กน้อย พลันปรากฏม่านสีโลหิตขึ้นรอบตัวเพื่อต้านแสงเทพสีเงินขาวนั้น

กึก~!

เมื่อม่านแสงสีโลหิตปะทะกับแสงเทพสีเงิน ทั้งม่านแสงสีโลหิตก็ถูกแช่แข็ง ก่อนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

เสิ่นเทียนรู้สึกว่ามวลอากาศรอบตัวเปลี่ยนไป ปรากฏร่างคนสองคนขึ้นตรงหน้าเขา

“เทียนเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว มีอาจารย์อาอยู่ เจ้าสารเลวนี่ทำอะไรเจ้าไม่ได้!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวพูดพร้อมกันอย่างน่าประหลาด ปกป้องเสิ่นเทียนไว้ข้างหลังพร้อมกัน

จากนั้นสองคนมองประมุขชุดคลุมโลหิตด้วยสีหน้าจริงจัง “ประมุขแห่งวิหารโลหิตสังหารลัทธิวิญญาณร้ายหรือ ไม่อยากเชื่อว่าจะกล้าบุกมาในสนามรบบรรพกาล”

ประมุขชุดคลุมโลหิตมองผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวด้วยแววตามืดดำ “ไม่นึกว่าเจ้าพวกจะมาถึงเร็วเช่นนี้ น่าเสียดาย พลังบำเพ็ญพวกเจ้าอ่อนแอเกินไป ไม่ใช่คู่ต่อสู้ข้า!

อีกทั้งก่อนที่ข้าจะลงมือได้ใช้วิชาลับผนึกมิติในระยะพันลี้ไว้หมดแล้ว เว้นแต่พวกเจ้าจะติดต่อผู้อริยะของฝ่ายเจ้าในผนึกมิติของข้าได้ ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีใครรู้เรื่องที่นี่”

ประมุขชุดคลุมโลหิตพูดด้วยใบหน้าลำพองใจ “อีกทั้งต่อให้พวกเจ้าติดต่อผู้อริยะฝ่ายเจ้าก่อนมา ก็คงไม่ทันการแล้ว ด้วยศักยภาพของข้า แค่พลิกฝ่ามือก็เอาชนะพวกเจ้าได้ทุกครั้ง!”

ประมุขชุดคลุมโลหิตหัวเราะเยาะ ก่อนจะประสานมุทรา พริบตานั้นมีกระดูกสีขาวน่าสยดสยองมากมายผุดขึ้นมาจากใต้ดิน กลายเป็นป่ากระดูกในระยะหลายร้อยลี้รอบๆ

กระดูกพวกนั้นแหลมคมเหมือนกับทวนเทพ ขยับประกายแสงมืดหม่น แม้แต่มวลอากาศยังเกิดรอยแตกแยก

“โลกกระดูก ปรากฏ!”

ประมุขชุดคลุมโลหิตแค่นเสียงขึ้นจมูก วินาทีนั้นกระดูกมากมายก็พุ่งเข้าใส่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวและเสิ่นเทียนราวกับทวนเทพ

เห็นได้ชัดว่านี่คือสุดยอดวิชา

กระดูกขาวพวกนี้สามารถทะลวงปราการคุ้มกันของผู้แข็งแกร่งจุดสูงสุดระดับหลอมรวมเทพได้

หากโดนทวนเทพพวกนี้ทะลวงเข้ามา ต่อให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่จะมีพลังบำเพ็ญสูงส่ง ก็ยังบาดเจ็บสาหัสได้

“แสงแห่งจันทร์หยก!”

“บัวขาวเบ่งบาน!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนรีบเรียกสมบัติสุดยอดคุ้มกันของตนออกมา

กระจกที่ทุกส่วนขาวบริสุทธิ์ดั่งหยกกับช่อบัวขาวสะอาดเจ็ดดอกลอยขึ้นมาเหนือศีรษะสองคน

พวกมันสาดแสงอ่อนๆ ลงมาเป็นปราการคุ้มกันสองชั้น ขวางไว้หน้ากระดูกขาวพวกนั้น ทำให้มันยากจะทำอันตรายเสิ่นเทียนได้

กระดูกขาวจู่โจมใส่ปราการแสงคุ้มกันอย่างรุนแรง ลดทอนพลังป้องกันของปราการแสงไปเรื่อยๆ ทว่าผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวก็ส่งพลังฤทธิ์เข้าไปเสริมพลังตลอด

ในเพียงชั่วครู่ยังทำอะไรสามคนนี้ไม่ได้จริงๆ

“แดนศักดิ์สิทธิ์ก็คือแดนศักดิ์สิทธิ์ ร่ำรวยจริงๆ แม้แต่ผู้ฝึกบำเพ็ญระดับหลอมรวมเทพยังมีอาวุธอริยะคนละชิ้น น่าอิจฉาจริงๆ”

ประมุขชุดคลุมโลหิตทำหน้าสนใจ “น่าเสียดายก็แต่นับจากนี้ไป อาวุธอริยะสองชิ้นนี้จะเป็นของข้าแล้ว!”

เพิ่งพูดจบก็เห็นว่ามีแสงสีแดงขยับไหวในมือประมุขชุดคลุมโลหิต

ไข่มุกสีแดงเข้มดั่งโลหิตปรากฏขึ้นในมือประมุขชุดคลุมโลหิต เปล่งแสงสว่างมืดหม่น

เมื่อไข่มุกนี้ปรากฏ ป่ากระดูกขาวสะอาดน่าสยดสยองในตอนแรกพลันอาบไปด้วยแสงสีโลหิตอ่อนๆ

ฟิ้ว~!

ทวนยาวกระดูกสีแดงโลหิตเล่มหนึ่งพุ่งเข้าใส่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาว ก่อนจะทะลวงปราการสองชั้นไปได้อย่างยากลำบาก

แม้จะทะลวงปราการสองชั้นมาแล้ว พลังของทวนนี้ก็ลดลงไปพอประมาณ จึงถูกสกัดเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย

แต่นี่แค่เริ่มต้น เพราะยังมีกระดูกสีโลหิตมากกว่านี้กำลังสั่งสมพลังอย่างรวดเร็ว

กระดูกสีโลหิตหลายร้อยพุ่งเข้าใส่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาว มวลอากาศตรงปลายหอกยังแตกเป็นเสี่ยงๆ

“นี่มันไข่มุกเจ็ดสังหาร อาวุธชั่วร้ายประจำวิหารโลหิตสังหาร เจ้านี่มีอาวุธสังหารนี้ในมือ พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ เจ้ารีบพาเทียนเอ๋อร์หนีไป!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวแผ่ท่วงทำนองแห่งเซียนออกมาทั่วร่าง จะเห็นพลังวิญญาณกลายเป็นผีเสื้อเซียนพากันโบยบิน

นางประสานมุทราเตรียมจะต้านประมุขชุดคลุมโลหิตไว้สุดชีวิต

“ได้ยินมาว่าผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวได้รับขนานนามว่าเป็นสุดยอดในวิถีโอสถแห่งดินแดนบูรพา ไฉนต้องเป็นศัตรูกับข้าด้วย”

ประมุขชุดคลุมโลหิตแค่นยิ้ม “ข้าเคยบอกแล้วว่าหากไม่มีผู้อริยะมา ต่อให้พวกเจ้าดิ้นรนกว่านี้ก็เป็นแค่เอาไม้ซีกไปงัดกับไม้ซุง ช่างเถอะ จะไม่เล่นกับพวกเจ้าแล้ว!”

ประมุขชุดคลุมโลหิตเอามือขวาคว้าอากาศ พลันรวมเป็นทวนกระดูกสีโลหิตเล่มหนึ่ง

เขากวัดแกว่งทวนกระดูกอย่างแรง ทวนกระดูกขยายใหญ่ขึ้นพันเท่าทันที กลายเป็นทวนยักษ์พันจั้งฟาดลงมาอย่างฉับพลัน

มวลอากาศพังทลายไปตามที่ทวนลากไป พลังของทวนกระดูกโลหิตควบคุมทั้งสามคนไว้อย่างแน่นหนา ทำให้หลบไม่ได้เลย

“ตาเยี่ย เตรียมลงมือเถอะ!”

เสิ่นเทียนถอนหายใจอย่างจนปัญญา ก่อนจะพูดในใจ

เทียบกับชีวิตแล้ว ไม่ว่าจะทรัพยากรอะไรก็ต้องวางไว้ข้างหลัง เสิ่นเทียนไม่ใช่คนที่เห็นคนอื่นลำบากแล้วไม่ช่วย

โดยเฉพาะคนพวกนี้มาเพราะช่วยตน!

ทว่ากลับมีเสียงหัวเราะของเยี่ยฉิงชางดังขึ้นในความคิดเขา “ไม่ต้องรีบ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาข้าออกมือ!”

…….

กระดูกสีโลหิตยังฟาดลงมาต่อไป มวลอากาศพังทลายแทบจะลุกลามมาถึงตรงหน้าเสิ่นเทียน

นัยน์ตาผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวฉายประกายเด็ดขาด เหมือนตัดสินใจจะปกป้องเสิ่นเทียนสุดชีวิต

ถึงอย่างไร เทียนเอ๋อร์ก็เป็นศิษย์ของเขา!

ทว่าตอนนี้เองทวนกระดูกสีโลหิตพันจั้งหยุดค้าง

มวลอากาศพังทลายหยุดลุกลาม กระดูกสีขาวบดบังฟ้าแหลกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นผุยผง

เสียงเย็นชาดังขึ้นในความว่างเปล่า “เป็นข้าที่ยกดาบไม่ไหว หรือเป็นเพราะช่วงนี้หนูอย่างพวกเจ้าว่างงานกัน หลายร้อยปีมานี้ไม่เคยไปสร้างปัญหาให้หนูอย่างพวกเจ้า แต่ตอนนี้กลับกล้าลงมือกับคนของข้ารึ”

บนทวนกระดูกสีโลหิตยาวพันจั้งค่อยๆ เกิดรอยร้าวขึ้น ทั้งยังลุกลามไปอย่างรวดเร็ว

ตรงจุดเริ่มของรอยร้าวจะเห็นนักพรตชรายืนอยู่คนหนึ่ง

เขาสวมชุดเซียนยันต์แปดทิศ ดูเป็นคนแก่สุขภาพดี ทว่าตอนนี้แขนสองข้างกลับแน่นไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ แผ่ความหยิ่งยโสเอ่อล้นออกมาทั้งตัว

หมัดขวาของนักพรตชราทะลวงเข้าไปกลางทวนกระดูก พละกำลังน่าสะพรึงสั่นสะเทือนทวนกระดูกพันจั้งจนแตกหักเป็นตอกระดูกชิ้นๆ

“ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต?”

เมื่อเห็นนักพรตชราหนวดเคราและเส้นผมเป็นสีขาวหมดคนนั้นแล้ว ประมุขชุดคลุมโลหิตมีสีหน้าจริงจังเล็กน้อย

รุ่นเยาว์อาจจะไม่รู้ถึงความน่ากลัวของนักพรตชราคนนี้ แต่ประมุขชุดคลุมโลหิตเป็นคนจากสมัยนั้น

เขาเข้าใจดีกว่าทุกคนว่าเจ้านี่บ้าและแข็งแกร่งเพียงใด

ตอนนั้นอาจารย์ของเขาก็ถูกเจ้านี่ข้ามระดับพลังมาตบตาย!

แม้จากนั้นผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตจะสิ้นพลังบำเพ็ญ ได้แต่เริ่มฝึกใหม่ แต่หลายปีมานี้ พลังบำเพ็ญของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตก็กลับมาผู้สูงศักดิ์สวรรค์อีกครั้ง มิหนำซ้ำยังเป็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์ศาสตร์หลอมกายเทพมาร

สารภาพตามตรง แม้จะเป็นผู้อริยะ ประมุขชุดคลุมโลหิตก็ยังไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะได้

……

ขอไม่เอ่ยว่าประมุขชุดคลุมโลหิตจริงจังและหวาดกลัวเพียงใด ตอนนี้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวถอนหายใจโล่งอกแล้ว

โดยเฉพาะผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่ ตอนนี้ใบหน้าแดงเรื่อนิดๆ เมื่อครู่นี้ศิษย์พี่ฉู่เหอบอกว่าข้าเป็นคนของเขารึ

ซี้ด อายุขนาดนี้แล้ว ยังจะมาพูดเรื่องน่าอายเช่นนี้อีก

ทั้งยังพูดต่อหน้าเด็ก หน้าไม่อาย!

“ศิษย์พี่ใหญ่มาทันพอดี อย่าปล่อยเจ้ามารลัทธิชั่วร้ายนี่ไปนะ!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวมีความเมตตามาแต่กำเนิด ฝึกศาสตร์หลอมโอสถเป็นหลัก ลงเขาไปช่วยสรรพสัตว์บ่อยครั้ง

เมื่อครู่ตอนที่เผชิญหน้ากับวิชาลับของประมุขชุดคลุมโลหิต ‘โลกกระดูกขาว’ นางรู้สึกได้ชัดเจนถึงความแค้นสูงสุดที่แฝงอยู่ในโลกกระดูกขาวนั้น

เห็นได้ชัดมากว่าสมบัติวิเศษชิ้นนี้ไม่ใช่สมบัติที่ถูกต้องชอบธรรมอะไร แต่สังเวยจากโลหิตสิ่งมีชีวิตมากมาย

แม้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวจะมีนิสัยอ่อนโยน แต่ตอนนี้ก็ยังมีจิตสังหารกับประมุขชุดคลุมโลหิต

แน่นอน ไม่ใช่เพราะศิษย์พี่ใหญ่มาแน่นอน แต่เป็นเพราะศิษย์พี่รองไม่มาจึงลงความแค้นกับประมุขชุดคลุมโลหิต

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตฉู่หรงเหอพยักหน้า “วางใจเถอะ เจ้าหนูเสวี่ยซานี่กล้าลงมือกับศิษย์หลานของข้า ข้าจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตพูดพลางตบบ่าเสิ่นเทียน ก่อนจะพูดด้วยใบหน้ารักและมีเมตตา “เทียนเอ๋อร์ เจ้าไปอยู่ข้างอาจารย์อาทั้งสองก่อน ดูว่าข้าจะระบายโทสะให้เจ้าอย่างไร!”

ถึงจะรู้สึกว่าบัวมรกตในตอนนี้ต่างไปจากบัวมรกตที่เจอกันครั้งแรกเล็กน้อย แต่เสิ่นเทียนก็ยังไปยืนข้างๆ อย่างว่าง่าย เพราะอย่างไรถ้าให้ผู้อาวุโสออกมือจัดการได้ เขาจะเผาเงินเติมบัตรทองสู้เพื่ออะไรกัน

‘เจ้าหนูนี่มาสนามรบบรรพกาลครั้งเดียวกลับได้มหาโชคลิขิต ตอนนี้ขนาดทองคำเซียนปีกปักษาอันดับแปดในรายนามทองคำเซียนยังได้มาติดหลัง!

อีกทั้งยังรู้สึกว่าตอนนี้พลังปัญจธาตุในตัวเขายังหมุนเวียนไร้ที่สิ้นสุด รากฐานแน่นมาก

หึ จะต้องได้ผลประโยชน์ยิ่งใหญ่ในสนามรบบรรพกาลแน่นอน ข้าจะต้องคิดหาทางแบ่งน้ำแกงมาสักถ้วย! อาศัยจังหวะนี้กระชับความสัมพันธ์กับเจ้าหนูนี่ให้เป็นว่าที่อาจารย์!’

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนค่อยๆ ปลดกระบองยาวข้างหลังออกมา

พลังที่แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้ปะทุขึ้นบนผิวกายผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต กล้ามเนื้อเขาเริ่มขยายตัวถึงขีดสุด

ชุดเซียนยันต์แปดทิศแทบจะถูกตรึงไว้สุดขีด มองผ่านชุดเซียนไปจะเห็นกล้ามเนื้อเป็นสัดส่วนชัดเจน ทำให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่หน้าแดงหูแดง

“เสวี่ยซา เจ้าคงรู้แล้วสิ!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตใช้มือขวาชูกระบองยาวพร้อมกับพุ่งเข้าหาประมุขชุดคลุมโลหิต

เมื่อฟาดกระบองลงไป ไม่มีหรอกกระบองพันจั้งปกคลุมฟ้าดิน มีเพียงพลังที่หดตัวถึงขีดสุดเท่านั้น

กระบองยาวผ่านไปที่ใด มวลอากาศจะแหลกเป็นผุยผง มิติสีดำแตกออกพร้อมกับนักพรตชราพุ่งเข้าใส่ประมุขชุดคลุมโลหิต

“บัดซบ ข้าเป็นผู้อริยะผู้ยิ่งใหญ่ จะไปแพ้หมดปลวกที่ยังไม่ก้าวสู่ผู้อริยะอย่างเจ้าได้อย่างไร”

นัยน์ตาประมุขชุดคลุมโลหิตฉายแววตื่นตระหนกเสี้ยวหนึ่ง แต่ไม่ได้เผยออกมา

ถึงอย่างไรในหุบเขาข้างล่างนี้ก็ยังมีน้องเล็กอยู่!

เขาส่งโลหิตบริสุทธิ์เข้าไปในไข่มุกเจ็ดสังหารในมืออย่างเงียบเชียบ พริบตาเดียวนั้นไข่มุกเจ็ดโลหิตเปล่งแสงสว่างจ้า รวมเป็นทวนกระดูกสีแดงคล้ำยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ ภายนอกทวนปกคลุมด้วยลวดลายสีแดงเข้มประหลาด มีเงามารร้ายวนเวียนอยู่รางๆ

“ฆ่าฟ้าฆ่าดินฆ่าเทพฆ่าพุทธ ฆ่าผีฆ่ามารฆ่าทุกสรรพสัตว์ เจ็ดสังหารสิ้น!”

ประมุขชุดคลุมโลหิตเส้นผมปลิวไสว ทั่วร่างอยู่กลางแม่น้ำยาวสีโลหิต กลิ่นอายมารปกคลุมลงมามืดฟ้ามัวดิน

เขาแทงทวนยาวในมือออกไป กลายเป็นเงาทวนเป็นพันเป็นหมื่นเล่มในทันใด ปิดตายทางหนีทุกทางของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตฉู่หรงเหอ

แม้จะเจอกับศัตรูที่ระดับต่ำกว่าหนึ่งระดับพลังใหญ่ แต่ก็ไม่กล้าดูถูกแม้แต่นิด

หนึ่งทวนแทงออกไป นี่คือการทุ่มสุดกำลังแล้ว!

………………………

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน
Status: Ongoing
อ่านนิยายบุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนเพราะความสามารถพิเศษหลังข้ามมิติมา ทำให้เสิ่นเทียนกลายเป็นบุคคลนำโชคผู้เป็นที่ต้อนรับที่สุดในโลกบำเพ็ญเซียน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset