บทที่ 246 เกาะพลังแห่งเคราะห์สวรรค์
เรือเหาะเทพสวรรค์ค่อยๆ จอดลงกลางโลกเล็ก ศิษย์พากันลงเรืออย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ศิษย์ที่รับผิดชอบเฝ้าเรือเหาะเทพสวรรค์ตรวจสอบศิลาวิญญาณที่เหลือในคลังเรือเหาะอย่างละเอียดแล้วก็ใส่กลอนประตูคลังอย่างระมัดระวัง
จากตรงนี้ จะถือว่าการฝึกฝนในสนามรบบรรพกาลได้สิ้นสุดลงอย่างแท้จริง
ศิษย์เทพสวรรค์ร้อยกว่าคนที่ผ่านการฝึกฝนที่ทั้งอันตรายและเร้าใจครั้งนี้มาต่างมีสภาพง่วงงุนกันเล็กน้อย
แต่ไม่มีใครในตอนนี้กลับไปพักผ่อนในห้องพักของตนเลย เพราะนอกโลกเล็กตอนนี้กำลังมีอะไรสนุกๆ ให้ชม
เมฆเคราะห์นับไม่ถ้วนกำลังมารวมกันในระยะร้อยลี้นอกโลกเล็กเทพสวรรค์ ในนั้นมีสายฟ้าที่บริสุทธิ์และทรงพลังอย่างยิ่ง
นั่นคือเคราะห์สวรรค์ เป็นเคราะห์อัสนีที่จะพบเมื่อผู้สูงศักดิ์สวรรค์จุดสูงสุดของระดับหลอมรวมเทพจะฝ่าด่านเคราะห์เลื่อนเป็นผู้อริยะ
นี่หมายความว่าแดนศักดิ์สิทธิ์มีผู้สูงศักดิ์สวรรค์ที่แข็งแกร่งกำลังฝ่าด่านเคราะห์เลื่อนเป็นผู้อริยะ!
เสิ่นเทียนกางปีกเทพทองคำข้างหลัง ทั้งตัวเขากลายเป็นเงาเทพสีทองบินไปนอกโลกเล็กทันที ช่วงที่เขาเข้าใกล้ในระยะสิบลี้จากเมฆเคราะห์ ก็เห็นใบหน้าแท้จริงของผู้สูงศักดิ์สวรรค์ระดับสูงสุดคนนั้น
นั่นเป็นสตรีสวมชุดกระโปรงยาวผ้าบางสีเงิน รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น
นางยืนอยู่กลางฟ้าด้วยความโอหัง ใต้เท้ามีพลังวิญญาณวนเวียนล้อมรอบประหนึ่งหมอกเซียน
ส่วนร่างที่อ้อนแอ้นเหมือนไร้กระดูกของนางในตอนแรกอบอวลไปด้วยหมอกวิญญาณ ทำให้ดูน่าหลงใหลยิ่งกว่าเดิม
กล่าวได้ว่านี่คือหญิงงามที่สุดแห่งยุคคนหนึ่ง ทุกการขมวดคิ้วและรอยยิ้มของนางเต็มไปด้วยเสน่ห์สูงสุดของสตรีเพศ
โดยเฉพาะความชั่วร้ายที่โหมซัดสาดนั้น ทัดเทียมกับมังกรดำบางตนได้
ใช่ คนที่ฝ่าด่านเคราะห์เป็นผู้อริยะในตอนนี้ก็คือมารดาสุดยั่วยวนของฉินอวิ๋นตี๋…ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำ
……
“ท่านแม่ฝ่าด่านเคราะห์เลื่อนเป็นผู้อริยะแล้ว”
ฉินอวิ๋นตี๋พูดด้วยความกังวลใจอย่างยิ่ง “จะให้เกิดเรื่องไม่ได้เด็ดขาด”
ตั้งแต่อดีตมา ระดับความยากของผู้อริยะเป็นที่ยอมรับแล้ว
การจะเป็นผู้อริยะต้องผ่านการทดสอบฝ่าด่านเคราะห์สวรรค์ ได้รับการยอมรับจากฟ้าดิน
และเคราะห์เช่นนี้ก็ยากมาก กล่าวได้ว่าในผู้สูงศักดิ์สวรรค์จุดสูงสุดระดับหลอมรวมเทพสิบคน จะมีสักคนหนึ่งที่เป็นผู้อริยะ
ฉินอวิ๋นตี๋ไม่อยากให้มารดาตนเป็นอะไรเลย
เสิ่นเทียนกลับยิ้มราบเรียบ “ไม่เป็นไร อาจารย์อาบัวทองคำต้องไม่เป็นไร”
ถึงเสิ่นเทียนจะไม่รู้ศักยภาพของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำแน่ชัด แต่ข้างกายเขาตอนนี้ยังมีตาแก่เยี่ยฉิงชางอยู่!
การคาดการณ์คร่าวๆ ว่าผู้สูงศักดิ์สวรรค์ระดับหลอมรวมเทพจะฝ่าด่านเคราะห์เป็นผู้อริยะสำเร็จหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเยี่ยฉิงชาง
ด้วยเหตุนี้ เยี่ยฉิงชางจึงไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับตรงนี้เลย แสดงว่าการฝ่าด่านเคราะห์ครั้งนี้ไม่มีปัญหา
สิ่งที่ทำให้เสิ่นเทียนแปลกใจกว่าคือข้างๆ เมฆเคราะห์ของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำยังมีศิษย์เทพสวรรค์นั่งขัดสมาธิอยู่สามคน
หนึ่งในสามคนนี้สวมชุดคลุมสีเขียว ข้างหลังแบกพิณล้ำค่า ดูเป็นคนอัธยาศัยดีมาก
อีกคนสวมเกราะนักรบสีแดงอมทอง ตรงหัวเข่าสองข้างวางทวนมังกรเพลิงชาดอันหนึ่ง ข้างหลังมีร่างเงาสัตว์เทพหลายชนิดลอยอยู่
ใช่ สองคนนี้คือศิษย์พี่ใหญ่ฟางฉางกับศิษย์พี่รองจางอวิ๋นถิงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ และสตรีคนที่สามก็คือสตรีศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ พยัคฆ์ขาวธาตุทองจางอวิ๋นซี
สาเหตุที่พวกเขามาอยู่ใกล้เมฆเคราะห์ในตอนนี้ก็ง่ายมาก
นั่นเพราะจะอาศัยเคราะห์อัสนีฝึกฝนวิชาลับเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์!
นี่คือบทต้องห้ามสุดท้ายในคัมภีร์จักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ และยังเป็นวิชาลับสูงสุดของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์
ผู้อาวุโสมากมายในแดนศักดิ์สิทธิ์ผ่านการหารือกันมาหลายครั้ง สุดท้ายก็ยังตัดสินใจทำลายกฎสักครั้ง ให้พวกฟางฉางสองคนฝึกฝนวิชาลับ
ตอนนี้ ไม่ใช่แค่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำ พวกฟางฉางสามคนก็เตรียมตัวอย่างจริงจังเช่นกัน
ถึงอย่างไรการฝ่าด่านเคราะห์ของผู้สูงศักดิ์สวรรค์ก็ไม่ใช่จะพบเจอกันได้ง่ายๆ ทั้งในดินแดนบูรพา
ควรรู้ไว้ว่าต่อให้เป็นทั้งดินแดนบูรพา จำนวนของผู้อริยะก็นับกันได้ง่ายๆ การจะเป็นผู้อริยะนั้นยากมาก!
………..
“ศิษย์น้อง ในที่สุดพวกเจ้าก็กลับมาแล้ว!”
เดิมทีจางอวิ๋นซีกำลังนั่งขัดสมาธิ แผ่นกลิ่นอายพลังแข็งแกร่งอย่างยิ่งออกมาทั้งตัว กระทั่งแกร่งกว่าจางอวิ๋นถิง
แต่เมื่อพบเสิ่นเทียน พลังมหาศาลในตัวนางพลันหุบกลับไปมากกว่าครึ่ง องอาจแต่ไม่สิ้นความสง่างาม
เสิ่นเทียนยิ้มพลางกระพือปีกเทพทองคำลงมาตรงหน้าพวกจางอวิ๋นซีและฟางฉางทั้งสามคน
ตอนนี้ฟางฉางฟื้นอาการบาดเจ็บกลับมาหายดีนานแล้ว อีกทั้งยังมีของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานช่วย ทำให้ศักยภาพของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก
มีแก่นพลังทองเก้ารอบ มองไปทั้งดินแดนบูรพา เขาถือว่าเป็นหนึ่งในโอรสสวรรค์หนุ่มที่แกร่งที่สุดแล้ว พานพบคู่ต่อสู้ได้ยาก
“ศิษย์น้อง เจ้ากลับมาแล้ว”
ฟางฉางยิ้มตรงไปตรงมา ทั้งยังกะพริบตาปริบๆ “หนึ่งเดือนมานี้ศิษย์น้องหญิงอวิ๋นซีคิดถึงเจ้าจะตายอยู่แล้ว”
เขาเพิ่งพูดจบก็เห็นสายฟ้าสีทองสายหนึ่งพุ่งมาจากด้านข้าง ผ่าเขาจนขากระตุก เส้นผมตั้งชี้
“ไม่ใช่รึ ศิษย์น้องหญิง! ศิษย์พี่กำลังพูดแทนเจ้า! ก็ยังเอาฟ้าผ่าข้าอีกรึ”
ฟางฉางอ้าปากพ่นควันดำออกมา ทั้งตัวมีกระแสสายฟ้าไหลเวียน
เขาไม่นึกเลยว่าเมื่อก่อนตนตามเกี้ยวจางอวิ๋นซีตั้งนานขนาดนั้น แต่ยังทำให้ศิษย์น้องหญิงชายตามองสักครั้งไม่ได้ ปรากฏว่าวันนี้กลับถูกศิษย์น้องหญิงเอาสายฟ้าผ่า อีกทั้ง…ยังรุนแรงมากด้วย
อานุภาพของอัสนีเทพกำเนิดฟ้าปัญจธาตุใหญ่นี่แข็งแกร่ง!
จางอวิ๋นซีมองเสิ่นเทียนด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์น้องไปฝึกฝนสนามรบมาครั้งนี้ได้อะไรมาไม่ใช่น้อยๆ เลย หากอวิ๋นซีมองไม่ผิด ปีกเทพทองคำคู่นั้นข้างหลังเจ้าน่าจะเป็นทองคำเซียนปีกปักษาอันดับแปดในรายนามทองคำเซียนกระมัง!”
เสิ่นเทียนพยักหน้า “ใช่ ก็ได้อะไรในสนามรบมาบ้าง ไม่มีค่าให้เอ่ยถึงๆ~”
จางอวิ๋นถิงแทบจะทนฟังไม่ได้แล้ว
ศิษย์น้องบุตรศักดิ์สิทธิ์คนนี้พูดจากระเทือนจิตใจคนมากจริงๆ
ถ้าทองคำเซียนปีกปักษาอันดับแปดในรายนามทองคำเซียนยังไม่มีค่าให้เอ่ยถึง เช่นนั้นยังมีอะไรที่คู่ควรให้เรียกได้อีกล่ะ
พึงรู้ไว้ว่าแม้แต่ระดับไร้พ่ายอย่างผู้อริยะก็ยังมองว่าสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินที่ติดรายนามสิบอันดับแรกเป็นสุดยอดสมบัติล้ำค่า!
จางอวิ๋นถิงพูดด้วยความจำใจ “ศิษย์น้อง วันนี้อาจารย์อาบัวทองคำฝ่าด่านเคราะห์เป็นผู้อริยะ นี่เป็นโอกาสดีที่สุดที่ให้เราฝึกเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์
ในตัวเจ้ายังมีแก่นรากอัสนีเทพกำเนิดฟ้า รีบไปหาที่ดีๆ เริ่มเตรียมหลอมรวมพลังแห่งเคราะห์สวรรค์เถอะ!”
ในหนึ่งมังกรหนึ่งหงส์และหนึ่งกิเลนของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ จางอวิ๋นถิงถูกเรียกว่า ‘มังกร’ อยู่อันดับแรกไม่ใช่แค่เพราะเขามีกายวิญญาณอัสนีเทพธาตุไม้ลำดับหนึ่งที่สอดคล้องกับมังกรเขียว
แต่จางอวิ๋นถิงยังมีจิตใจที่มั่นคงที่สุด ทำอะไรจะน่าเชื่อถือมั่นคงมีความสามารถด้านการบริหารเหมือนกับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ นี่คือหัวใจสำคัญ
นี่คือสิ่งที่ผู้อาวุโสส่วนใหญ่ของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยอมรับ
กล่าวได้ว่าหากไม่ใช่เพราะมี ‘บุตรแห่งชะตาสวรรค์’ อย่างเสิ่นเทียนปรากฏตัวขึ้น ตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ในอนาคตของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ยังไม่ใช่ฟางฉางจริงๆ แต่เป็นจางอวิ๋นถิง
ถึงอย่างไรถ้าให้ฟางฉางเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็คงจะหนีความวุ่นวายไม่พ้น
……
“ขอบคุณที่ศิษย์พี่อวิ๋นถิงเตือน”
เสิ่นเทียนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหาที่นั่งขัดสมาธิรอบนอกเมฆเคราะห์ภัย เกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรโผล่ขึ้นมาบนผิวกาย
ในดวงตาจางอวิ๋นซีเป็นประกายระยิบระยับ แอบขยับที่เงียบๆ เข้าไปใกล้เสิ่นเทียนทีละนิด
ตำแหน่งที่ดีที่สุดในการฝึกเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์คือเขตรอบนอกเมฆเคราะห์
พลังของเคราะห์อัสนีตรงนี้จะไม่แกร่งมากเกินไป เป็นเพียงอานุภาพกระจัดกระจายเท่านั้น เคราะห์สวรรค์จะไม่ถือว่าเจ้าส่งผลกระทบกับผู้ฝ่าด่านเคราะห์
หากเข้าไปตรงเขตใจกลางเมฆเคราะห์ หนึ่งคือจะได้รับผลจากอัสนีเทพที่แกร่งที่สุดได้ง่ายมาก จะต้องโดนอัสนีเทพระดับผู้อริยะชะล้างโดยตรง
อีกด้านคือหากถูกเคราะห์สวรรค์จับตามอง ถึงตอนนั้นคิดหนีก็ยากแล้ว
หลังจากเสิ่นเทียน จางอวิ๋นถิง ฟางฉางและจางอวิ๋นซีนั่งลงได้ไม่นาน เมฆเคราะห์เหนือศีรษะของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำก็หนาทึบมากขึ้นเรื่อยๆ
ภายใต้เมฆเคราะห์ที่หมุนม้วน การฝ่าด่านเคราะห์…ได้เริ่มขึ้นแล้ว!
……………………