บทที่ 24 วิธีสานวาสนากับท่านเซียน
ของออกมาแล้ว!
นักเปิดหินเฉือนผิวของหินแร่วิญญาณออกมาทีละชั้น กลายเป็นศิลาวิญญาณที่สมบูรณ์ก้อนหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ศิลาวิญญาณก้อนนี้เป็นสีครามเขียว ขนาดประมาณลูกทุ่ม
ขนาดใหญ่กว่าศิลาวิญญาณที่เสี่ยวหลิงเซียนเปิดออกมาก่อนหน้านี้หนึ่งเท่า
สิ่งสำคัญที่สุดคือตรงแกนกลางของศิลาวิญญาณก้อนนี้มีผลึกปรากฏขึ้นมากกว่าหนึ่งก้อน
“หนึ่งก้อน สองก้อน สามก้อน!”
“สามารถควบรวมเป็นผลึกวิญญาณสามก้อน นั่นก็หมายความว่ามันมีค่าเท่ากับศิลาวิญญาณอย่างน้อยสามพันก้อน!”
“ซื้อมาในราคาศิลาวิญญาณหนึ่งร้อยแปดสิบแปดก้อน ขายออกไปในราคาศิลาวิญญาณสามพันก้อน เพิ่มขึ้นสิบหกเท่า!”
“ได้กำไร ได้กำไรมหาศาล!”
……
ทันใดนั้น สายตาที่อิจฉาริษยารุมล้อมผู้มีวาสนาคนแรกทันที
ศิลาวิญญาณสามพันก้อน ถ้าหากแลกเป็นตำลึงเงินก็เท่ากับสามล้านตำลึงเต็มๆ
ความมั่งคั่งเช่นนี้ ถึงเป็นผู้แท้จริงในช่วงแก่นพลังทองก็ไม่สามารถมองข้าม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้มีวาสนาคนแรกเพิ่งอยู่ในระดับหลอมปราณขั้นหก
หากใช้ศิลาวิญญาณพวกนี้อย่างประหยัด ก็เพียงพอที่จะสามารถทำให้เขาฝึกไปถึงระดับสร้างฐานช่วงกลางแล้ว!
เถ้าแก่ซ่งก้าวออกไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า ชั่งน้ำหนักหินหยาบศิลาวิญญาณก้อนนี้ สูดหายใจลึกๆ แล้วกล่าว “หินหยาบศิลาวิญญาณก้อนนี้มีผลึกวิญญาณสามก้อนอยู่ด้านใน สามารถแลกเป็นศิลาวิญญาณสามพันก้อน บวกกับสามารถลดราคาได้ประมาณศิลาวิญญาณสองร้อยก้อน”
“ราคาโดยรวมของหินหยาบศิลาวิญญาณก้อนนี้อยู่ที่ประมาณสามพันสองร้อยก้อน”
“ทางร้านจะหักค่าธรรมเนียมร้อยละสิบเป็นค่าเปิดหิน”
“คิดราคาตามหน่วยของมัน ถ้าหากคุณชายยินดีขายมันให้ทางร้าน ทางร้านยินดีเสนอราคาศิลาวิญญาณสามพันก้อน”
“ไม่ทราบว่าคุณชายคิดเห็นอย่างไร”
บอกตามตรง ตอนนี้เถ้าแก่ซ่งเริ่มรู้สึกปวดใจเล็กน้อย
อย่างไรก็ดี ศิลาวิญญาณทุกก้อนที่วางอยู่ในร้านวิญญาณสวรรค์ อันที่จริงล้วนแต่เคยผ่านการคัดกรองมาแล้ว
หินแร่วิญญาณที่มีอัตราเปิดออกมาเป็นของมีมูลค่าสูงถูกเปิดไปตั้งนานแล้ว
ของที่เหลือล้วนแต่เป็นของที่พวกสำนักเซียนและนักชีพจรวิญญาณคิดว่ามีโอกาสไม่มาก ดังนั้นจึงถูกส่งไปตามร้านแร่วิญญาณในสวน
เถ้าแก่ซ่งคิดไม่ถึง หินแร่วิญญาณที่ถูกตั้งราคาไว้ที่หนึ่งร้อยแปดสิบแปดก้อนจะมีผลึกวิญญาณอยู่ด้านในถึงสามก้อน
นั่นเป็นของที่มีมูลค่าสูงถึงศิลาวิญญาณสามพันก้อนเลยนะ!
ถ้าหากเขาสามารถมองความไม่ธรรมดาของหินแร่วิญญาณก้อนนี้ออกล่วงหน้า แล้วเปิดมันเอง
เช่นนี้ไม่เท่ากับได้กำไรมหาศาลหรอกหรือ
……
แน่นอน เถ้าแก่ซ่งก็แค่คิดในใจเท่านั้น ให้เขาเสี่ยงเปิดแร่เองก็ไม่กล้า
อย่างไรก็ดีการใช้ต้นทุนเพียงน้อยนิดทำกำไรมหาศาล เป็นโอกาสที่เกิดขึ้นน้อยมากในวงการเดิมพันหิน
หากเขากล้าเปิดแร่ทั้งหมดในร้านของตนเองจริง ต้องขาดทุนจนไม่เหลือแม้กระทั่งกางเกงชั้นในแน่นอน
ถ้าหากตอนนี้สามารถรับซื้อมันในราคาศิลาวิญญาณสามพันก้อน
นำไปขายต่อ ขั้นต่ำก็สามารถขายออกไปในราคาศิลาวิญญาณสามพันห้าร้อยก้อนขึ้นไป ก็ถือว่าได้กำไรเยอะแล้ว
“สามพันก้อน? ได้ ข้าขาย!”
ผู้มีวาสนาคนแรกได้ยินเถ้าแก่ซ่งเสนอราคา รู้สึกดีใจจนออกหน้าออกตา
แต่นอกเหนือจากความดีใจ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจเช่นกัน “ถ้าหากเปิดเองก็คงดี”
นั่นมันเป็นถึงศิลาวิญญาณสามร้อยก้อนนะ พอที่จะจ้างนัดเปิดหินท่านหนึ่งแล้ว
เสิ่้นเทียนยิ้มเล็กน้อย “อำนาจมิควรใช้จนหมด ความสูงมิควรเพลิดเพลินเกินตัว ไม่ว่าสิ่งใดที่เกินไป โชควาสนาจะสิ้นสุดโดยเร็ว”
หากเจ้าเปิดศิลาวิญญาณออกมาจริง หลังจากนั้นนำมันไปโดยไม่ให้เถ้าแก่ร้านทำกำไรเลยสักนิด
ครั้งต่อไปที่มาร้านวิญญาณสวรรค์ ไม่แน่ เถ้าแก่ร้านอาจจะปั่นหัวและหลอกเจ้าก็เป็นได้!
ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากนำศิลาวิญญาณไปขายให้ผู้อื่น จะต้องถูกนำไปเจียระไนจนพื้นผิวหลุดไปอีกชั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สุดท้ายศิลาวิญญาณที่ผู้มีวาสนาคนแรกได้มา อาจจะไม่ถึงสามพันก้อนด้วยซ้ำ
……
อีกอย่าง ก่อนหน้านี้เสิ่นเทียนเคยลองตรวจดูภาพโชคลิขิตเหนือศีรษะของคนบางส่วน
หากเสิ่นเทียนไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งหรือชี้แนะพวกเขา ปล่อยให้พวกเขาไปพบโชคลิขิตและเปิดศิลาวิญญาณเอง
เช่นนั้นแล้ว วงรัศมีเหนือศีรษะของคนเหล่านี้ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
และอย่างผู้มีวาสนาคนแรก ภายใต้การชี้แนะของเสิ่นเทียนสามารถเปิดออกมาเป็นศิลาวิญญาณ
เช่นนั้นแล้วโชคของเขาก็จะเพิ่มพูนขึ้นพร้อมกับโชคของเสิ่นเทียน
เสิ่นเทียนก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด อาจเพราะนี่เป็นส่วนหนึ่งของความสามารถพิเศษของเขากระมัง!
เอาเป็นว่าตอนนี้วงรัศมีเหนือศีรษะของผู้มีวาสนาคนแรกกำลังเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว
แสงสีขาวธรรมดาในตอนแรก เริ่มค่อยๆ กลายเป็นแสงสีเขียว ซึ่งดูสวยงามมาก
วงรัศมีแห่งโชคเปลี่ยนจากสีขาวเป็นเขียว มองในระยะยาวต้องมีผลดีอย่างแน่นอน
เอาเป็นว่าผลลัพธ์ของวันนี้น่าจะเป็นผลลัพธ์ที่สมเหตุสมผลที่สุดแล้ว
เสิ่นเทียน ผู้มีวาสนา เถ้าแก่ร้านแร่วิญญาณล้วนแต่ดีใจ พึงพอใจทั้งสามฝ่าย
ไม่เช่นนั้น เสิ่นเทียนกลัวว่าวันใดวันหนึ่งที่ตนเองเปิดแร่มากและแม่นเกินไป
ถึงเวลานั้น ร้านศิลาวิญญาณทั่วทั้งสวนหมื่นวิญญาณอาจจะติดป้ายหน้าประตู ‘เสิ่นเอ้าเทียนและสุนัขห้ามเข้า’
มันต้องเป็นสถานการณ์ที่กระอักกระอ่วนเพียงใด!
……
ไม่พูดถึงหมื่นพันความคิดที่อยู่ในใจของเสิ่นเทียนแล้ว
ตอนนี้เถ้าแก่ซ่งได้รวบรวมศิลาวิญญาณสามพันก้อนบรรจุส่งมาแล้ว
ศิลาวิญญาณสามพันก้อน ทุกถุงมีหนึ่งร้อยก้อน บรรจุทั้งหมดสามสิบถุง
นำมารวมกัน มีน้ำหนักหลายสิบชั่ง
“รวยแล้ว รวยแล้ว!”
ผู้มีวาสนาคนแรกนำศิลาวิญญาณเก็บใส่ถุงเก็บของทีละถุง ดีใจจนยิ้มหุบไม่ลง
ในตอนนั้นเอง ผู้มีวาสนาอีกท่านหนึ่งเดินเข้ามาใกล้
เขากล่าวเสียงเบา “นี่ สหาย!”
ผู้มีวาสนาคนแรกยิ้มแล้วกล่าว “มีอะไรหรือสหาย”
“สหาย เจ้าเตรียมตัวเก็บศิลาวิญญาณแล้วหอบกลับบ้านทั้งเช่นนี้เลยหรือ”
“ไม่เช่นนั้นเล่า!”
ผู้มีวาสนาคนที่สองรู้สึกปวดใจอย่างยิ่ง “สหายเจ้าเลอะเลือนแล้ว! เจ้าลืมส่วนของท่านเซียน!”
ผู้มีวาสนาคนแรกอึ้ง “ส่วนของท่านเซียน? ก็ท่านเซียนบอกว่าผู้มีวาสนาไม่เก็บแม้แต่แดงเดียวไม่ใช่หรือ”
“ท่านเซียนสามารถไม่เอา แต่พวกเราไม่ให้ไม่ได้!”
“มันแตกต่างกันตรงไหนหรือ”
“ท่านเซียนไม่เอานั่นเป็นเพราะไม่ต้องการผลตอบแทนและมีคุณธรรมสูงส่ง พวกเราไม่ให้ก็เท่ากับไม่รู้จักแยกแยะอะไรผิดถูก ไม่รู้จักตอบแทนบุญคุณ!”
ผู้มีวาสนาคนที่สองกล่าวเสียงเบา “ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าไม่ได้ยินหรือ เมื่อกี้ท่านเซียนบอกว่าความสุขมิควรเพลิดเพลินเกินตัว โชควาสนาจะสิ้นสุดโดยเร็ว”
“เจ้าคิดว่าท่านเซียนกำลังบอกให้ใครฟัง เขากำลังเตือนเจ้า!”
“เจ้าลองคิดดู แม้กระทั่งเถ้าแก่ซ่งก็ได้แบ่งผลประโยชน์จากเจ้าสามห้าร้อยก้อนศิลาวิญญาณ ท่านเซียนต้องออกแรงมากเช่นนี้ เจ้าจะไม่มอบศิลาวิญญาณให้เขาแม้แต่ก้อนเดียวหรือ”
“หากท่านเซียนรู้สึกหมดกำลังใจ ต่อไปไม่ช่วยคนมีวาสนาประเมินแร่จะทำอย่างไร”
“พวกเจ้าสี่คนเลือกหินแร่วิญญาณเสร็จแล้ว แต่ข้างหลังยังมีอีกสิบหกคนรออยู่!”
ผู้มีวาสนาคนแรกยิ้มทันที “ที่แท้สหายกำลังคิดเช่นนี้? ถ้าอย่างนั้นข้าก็คงช่วยอะไรไม่ได้ เพราะตอนนี้ศิลาวิญญาณอยู่ในมือของข้าแล้ว!”
“เลอะเลือน สหายเจ้ามันเลอะเลือน วิสัยทัศน์สั้นยิ่งนัก!”
ผู้มีวาสนาคนที่สองยิ้มอย่างเย็นชาแล้วกล่าว “สหายเจ้ายังจำได้หรือไม่ ท่านเซียนเคยกล่าวว่าเรื่องของวาสนาเป็นเรื่องลึกลับซับซ้อน
บางทีวันนี้เจ้ากับท่านเซียนไม่มีวาสนาต่อกัน แต่พรุ่งนี้วาสนาก็จะมาเอง
เช่นเดียวกัน วันนี้เจ้ากับท่านเซียนมีวาสนาต่อกัน บางทีพรุ่งนี้วาสนาของเจ้าอาจจะหายไปก็ได้
ในความเห็นของข้า ถ้าหากสหายเป็นคนฉลาด วาสนาของเจ้ากับท่านเซียนในอนาคตยังอีกยาวไกล
ถ้าหากจะหายคิดเพียงผลประโยชน์เล็กน้อยตรงหน้า เหอะๆ วันนี้ก็คือวันที่วาสนาของสหายกับท่านเซียนขาดจากกัน!”
“แล้วสหายหวังต้องการไร้วาสนากับท่านเซียน หรืออยากสานวาสนาต่อ”
“หวังว่าจะได้รับความเมตตาจากท่านเซียนในอนาคต หรือบุญคุณตัดขาดจากกันเพียงเท่านี้?”
“หวังมั่งคั่งไปชั่วชีวิต หรือมั่งคั่งเพียงชั่วขณะ”
คำพูดของผู้มีวาสนาคนที่สองค่อนข้างมีอิทธิพล! ทำให้ผู้มีวาสนาคนแรกกระจ่างขึ้นทันใด รู้สึกเสียวสันหลังอย่างยิ่ง “เกือบไปแล้ว เกือบไปแล้ว!”
“หากไม่ได้เป็นเพราะสหายเตือน ข้าคงพลาดโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเพียงเพราะผลประโยชน์เล็กน้อย!”
“ข้าจะไปหาท่านเซียนเดี๋ยวนี้ แบ่งกำไรครั้งนี้ให้เขาสามส่วน ถือเป็นค่าตอบแทน”
“ไม่ สามส่วนไม่พอ ข้าจะให้ห้าส่วน”
“แปดส่วน!!!”
…………………………………………