บทที่ 25 ท่านเซียนเหนื่อยเพื่อข้าไม่หยุด จะไม่รับผลตอบแทนได้อย่างไร
ผู้มีวาสนาคนแรกตระหนักได้ทันทีภายใต้การเตือนของผู้มีวาสนาคนที่สอง
ใช่แล้ว!
ก่อนหน้านี้โดนศิลาวิญญาณบังตาจนหน้ามืด ช่างเห็นแก่ได้ยิ่งนัก
นับประสาอะไรกับศิลาวิญญาณเพียงสามพันก้อน
ขอเพียงได้รับความประทับใจจากท่านเซียน ผูกวาสนาร่วมกับท่านเซียนหลายครั้ง
ในอนาคตต้องการเท่าไหร่ก็ได้เท่านั้นไม่ใช่หรือ
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ผู้มีวาสนาคนแรกรีบเบียดเสียดฝูงชนไปทางเสิ่นเทียน
ตอนนี้หินแร่วิญญาณก้อนที่สองและสามก็ถูกเปิดออกมาแล้ว
ราคาของหินแร่วิญญาณก้อนที่สองอยู่ที่ศิลาวิญญาณหนึ่งร้อยแปดก้อน สามารถเปิดผลึกวิญญาณออกมาจากด้านในหนึ่งก้อน ราคาคาดการณ์อยู่ที่ประมาณศิลาวิญญาณหนึ่งพันสองร้อยก้อน
มูลค่าเพิ่มขึ้นสิบเท่าตัว แม้จะเทียบกับหินแร่วิญญาณก้อนแรกไม่ได้ แต่ก็ถือว่าได้กำไรมากแล้ว
หินแร่วิญญาณก้อนที่สาม ยิ่งได้กำไรมาก
มันแลดูเป็นสีเทาทื่อไม่มีความมันวาว แต่ราคากลับสูงถึงศิลาวิญญาณหกสิบหกก้อน
ที่ผ่านมาไม่เคยมีคนถามถึง
แต่ตอนนี้นักเปิดหินเปิดมัน กลับพบว่าด้านในมีแก่นแท้เหล็กดำชิ้นหนึ่งซ่อนอยู่
ต้องบอกก่อนว่าแก่นแท้เหล็กดำเป็นหนึ่งในวัตถุดิบหลักที่ผู้บำเพ็ญเซียนใช้หลอมกระบี่บินอาวุธอาคมชั้นสูง
แก่นแท้เหล็กดำขนาดเท่าหัวแม่มือในหินแร่ สามารถขายออกไปในราคาที่สูงถึงศิลาวิญญาณสามพันก้อน
คำนวณตามผลตอบแทนจากกำไร หินแร่ก้อนที่สามได้ผลตอบแทนสูงถึงสี่สิบเท่าขึ้นไป
ถึงขั้นมากกว่าหินแร่ก้อนแรก
ได้กำไรเลือดสาด!
……
หลังจากเห็นภาพนี้ ความเชื่อในใจของผู้มีวาสนาคนแรกยิ่งหนักแน่นมากขึ้น
ผู้คนส่วนใหญ่ที่มาสวนหมื่นวิญญาณล้วนรู้ดี อันที่จริงหินแร่วิญญาณของที่นี่ล้วนแต่เป็นของเหลือที่ผ่านการคัดเลือกมาแล้ว
สามารถเปิดของมีมูลค่าออกมาจากหินแร่วิญญาณเกรดต่ำที่เหลือจากการคัดเลือก และยังสามารถหาหินแร่ที่มีของอยู่ด้านในได้อย่างต่อเนื่องกว่าสี่ก้อน
ยิ่งไปกว่านั้น ผลตอบแทนของหินแร่วิญญาณล้วนแต่เกินสิบเท่าขึ้นไป
นี่คือหลักการอะไร ฝีมือด้านการค้นวิญญาณประเมินแร่ของท่านเซียนค่อนข้างน่าตกใจ!
ช่างน่านับถือยิ่งนัก!
ขอเพียงประจบประแจงท่านเซียนได้สำเร็จ ในอนาคตยังต้องกลัวเรื่องไส้แห้งในสวนหมื่นวิญญาณอีกหรือ
นึกถึงตรงนี้ ผู้มีวาสนาคนแรกกัดฟัน นำศิลาวิญญาณทั้งสามพันก้อนออกมา
เหลือไว้ให้ตนเองสองถุง ที่เหลืออีกยี่สิบแปดถุงวางลงตรงหน้าของเสิ่นเทียน
“นี่คือน้ำใจเล็กน้อยของข้า ท่านเซียนโปรดรับไว้!”
กล่าวจบ ผู้มีวาสนาคนแรกโค้งคำนับให้เสิ่นเทียน
ราวกับเป็นสาวก จริงใจจนถึงขีดสุด!
……
มองผู้มีวาสนาคนแรกที่โค้งคำนับ เสิ่นเทียนชะงักงัน
ว่าแต่เจ้าโค้งคำนับให้ข้าทำไม
แถมยังมอบของขวัญมอบศิลาวิญญาณ
อีกอย่าง นี่คือน้ำใจเล็กน้อยหรือ
เจ้าคงล้วงออกมาแม้กระทั่งทุนแล้วกระมัง!
มา พวกเรามาลองคำนวณดู เจ้าซื้อหินแร่วิญญาณในราคาศิลาวิญญาณหนึ่งร้อยแปดสิบแปดก้อน
หลังจากเปิด ขายให้ร้านวิญญาณสวรรค์ได้กลับมาสามพันพันก้อน
ตอนนี้นำศิลาวิญญาณสองพันแปดร้อนก้อนมากองตรงหน้าข้า มอบให้ข้าหรือ
ปัดเศษทุกอย่างทิ้ง การซื้อขายครั้งนี้เจ้าได้กำไรศิลาวิญญาณสิบสองก้อน?
ทำไม แค่ต้องการความสนุกหรือ
น้องชาย สมองของเจ้ามีปัญหาแล้วกระมัง!
……
มองดูศิลาวิญญาณเป็นถุงที่อยู่บนพื้นเหล่านั้น สารภาพตามตรง เสิ่นเทียนหวั่นไหวแล้ว
นั่นเป็นถึงศิลาวิญญาณสองพันแปดร้อยก้อนเชียวนะ คิดเป็นตำลึงเงินก็คือสองล้านแปดแสนตำลึง!
เจ้าไม่เอ่ยถึง ข้าก็คิดเสียว่ามันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับข้า
ในใจก็ไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวแต่อย่างใด
แต่ปรากฏว่าเจ้าไม่เล่นตามบท ต้องการมอบศิลาวิญญาณมากเช่นนี้ให้ข้า
เจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร
ให้ปฏิเสธ?
ข้าก็อยากปฏิเสธ แต่ที่เจ้าให้มาก็มากเสียจริง
จะให้ข้าปฏิเสธได้ลงอย่างไร!
แต่ไม่ปฏิเสธก็ไม่ได้
อย่างไรก็ดีเสิ่นเทียนรู้ว่าชื่อเสียงของตนเองในสวนหมื่นวิญญาณยังไม่มั่นคง
ถ้าหากเรื่องแพร่ออกไป ตนเองช่วยคนค้นวิญญาณประเมินแร่ได้กำไรมาทั้งหมดศิลาวิญญาณสองพันแปดร้อยสิบสองก้อน
ผลปรากฏว่าเจ้าของได้แค่สิบสองก้อน ที่เหลืออีกสองพันแปดร้อยก้อนโดนเขาเอาไว้ทั้งหมด
ต่อไปใครจะกล้าหาเสิ่นเทียนค้นวิญญาณประเมินแร่
ถ้าหากไม่มีคนหาเสิ่นเทียนค้นวิญญาณประเมินแร่ แผนการเพิ่มพูนดวงชะตาก็จะต้องล่าช้าลง
ผลลัพธ์เช่นนั้น เกรงว่าคงจะค่อนข้างน่าหดหู่
……
เหตุนี้ถึงจะอาลัยอาวรณ์มากเพียงใด เสิ่นเทียนก็ทำได้แต่กล่าวอย่างมีคุณธรรม
“ข้าเคยพูดแล้ว ผู้มีวาสนาไม่เอาแม้แต่แดงเดียว เจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร”
ผู้มีวาสนาคนแรกยิ้มแล้วกล่าว “ท่านเซียนช่วยข้าค้นวิญญาณประเมินแร่ เผาผลาญพลังปราณ ข้าก็แค่อยากทำตามธรรมเนียมเท่านั้น”
“ข้าเคยพูดไปแล้ว นี่เจ้ากำลังทำให้ข้าลำบากใจ!”
ผู้มีวาสนาคนแรกรีบกล่าว “ข้าไม่ได้มีความหมายอื่น ท่านเซียนอย่าเข้าใจผิด…”
“ในเมื่อไม่ได้มีความหมายอื่น ถ้าอย่างนั้นก็นำศิลาวิญญาณกลับไปเถอะ!”
เสิ่นเทียนขัดคำพูดของผู้มีวาสนาคนแรก ละสายตาที่เฉยเมยออกจากศิลาวิญญาณทั้งยี่สิบแปดถุง
แลดูเหมือนไม่สนใจศิลาวิญญาณสองพันแปดร้อยก้อนเลยสักนิด
แต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ เขากลัวว่าถ้าจ้องต่อไปเช่นนี้จะทนไม่ไหว
อย่างไรก็ดี นั่นเป็นถึงศิลาวิญญาณสองพันแปดร้อยก้อนเลยนะ
องค์ชายอาภัพอย่างเขา ตั้งแต่เล็กจนโตยังไม่เคยเห็นเงินมากเช่นนี้!
ถ้าหากรับไว้ หลุดพ้นจากความจนกลายเป็นเศรษฐีเลยนะ!
ฮือๆๆ…
……
เห็นท่าทางที่หนักแน่นเช่นนี้ของเสิ่นเทียน ผู้มีวาสนาคนแรกก็ทำอะไรไม่ได้
ทว่าในตอนนั้นเอง มีเสียงสองเสียงดังขึ้นจากด้านข้าง
พวกข้าเห็นด้วย!
“พี่ชาย ข้าก็คิดว่าท่านเซียนช่วยพวกเราคนวิญญาณประเมินแร่จนต้องเผาผลาญพลังปราณ แต่กลับไม่รับแม้แต่แดงเดียวเช่นนี้มันไม่สมเหตุสมผล”
“ใช่แล้ว ถ้าหากท่านเซียนไม่รับน้ำใจจากพวกข้า อย่างนั้นโชคลิขิตก็ไม่ต้องเอาแล้ว!”
สีหน้าของผู้มีวาสนาคนแรกเผยให้เห็นความดีใจ หันไปมองตามทิศทางของเสียง
กลับพบว่าคนพูดคือเจ้าของหินแร่วิญญาณก้อนที่สองและสาม
แม้ในแววตาของคนทั้งสองจะมีความเจ็บปวดเล็กน้อยแฝงอยู่ แต่ตอนที่พูดคำพูดประโยคนี้ออกมากลับหนักแน่นมาก
ไม่มีท่าทีของความลังเลเลยสักนิด
ทันใดนั้น ผู้มีวาสนาคนแรกแอบรู้สึกผิด
ต้องบอกก่อน ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดจะให้ผลประโยชน์แก่เสิ่นเทียนเลย
หากแต่เป็นเพราะต้องการสานวาสนากับเสิ่นเทียนในอนาคต จึงยอมเฉือนเนื้อของตนเอง
เมื่อเทียบกันแล้ว ความคิดความเข้าใจของผู้มีวาสนาอีกสองคนสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด
แน่นอน ผู้มีวาสนาที่ได้รับความสำคัญจากท่านเซียน ล้วนแต่เป็นบุคคลที่มีศีลธรรมอันดีงาม
ในฐานะที่เป็นผู้มีวาสนาของท่านเซียน ข้าช่างล้มเหลวยิ่งนัก
ควรเรียนรู้จากสหายทั้งสองให้มาก!
……
ในขณะที่ผู้มีวาสนาคนแรกกำลังรู้สึกผิด มีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลังของเขา
ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือผู้มีวาสนาคนที่สองที่แนะนำให้เขาแบ่งผลประโยชน์ให้เสิ่นเทียน
เขากล่าวอย่างภาคภูมิใจผ่านเสียงพลังจิต “ข้านำคำพูดเหล่านั้นไปบอกกับพวกเขา เจ้าดู ทุกคนคิดเหมือนกับเจ้าหมดเลย!”
ผู้มีวาสนาคนแรก “…”
ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง คนทั้งสองที่ต้องการมอบผลประโยชน์ให้ท่านเซียนก็โดนเจ้าปั่นหัว?
ผู้มีวาสนาคนที่สองไม่รู้สิ่งที่ผู้มีวาสนาคนแรกกำลังคิด
เขามองไปทางเสิ่นเทียนด้วยสีหน้าที่นับถือ
“ท่านเซียนทำนายแม่นยำ ล่วงรู้ความลับสวรรค์ ต้องสามารถทำนายสิ่งที่ข้าทำเพื่อเขาแน่นอน”
“ถึงเวลา ข้าจะต้องกลายเป็นผู้มีวาสนาที่ใกล้ชิดกับท่านเซียนมากที่สุด”
“ส่วนพี่ชายท่านเป็นคนตอบแทนท่านเซียนคนแรก คิดว่าท่านเซียนก็ชื่นชมเจ้าเช่นกัน”
“ต่อไปกอดขาของท่านเซียนไว้ให้แน่น ถึงเวลาพวกเราสองพี่น้องก็จะมั่งคั่งแล้ว!”
ผู้มีวาสนาตกตะลึงอยู่สักพัก รู้สึกดีใจด้วยเช่นกัน “ใช่แล้ว ต่อไปพวกเราจะมั่งคั่งแล้ว!”
คิดถึงตรงนี้ ผู้มีวาสนาคนแรกกัดฟันแน่นคุกเข่าลงทันใด
เขาตะโกนเสียงดัง “ท่านเซียนเหนื่อยเพื่อข้าไม่หยุด ไม่รับผลตอบแทนได้อย่างไร!”
“โปรดยกโทษที่ข้าเสียมารยาท จะปล่อยให้ท่านลำบากตนเองเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด!”
“วันนี้ หากท่านเซียนไม่ยอมรับน้ำใจของผู้ศรัทธา ข้าจะคุกเข่าอยู่ตรงนี้ไม่ยอมลุก!”
ในขณะที่กำลังกล่าว สีหน้าของเขาดูหนักแน่นมาก
หลังจากที่เขาเพิ่งกล่าวจบ ผู้โชคดีอีกสองคนตกตะลึง
ข้ายอมใจเจ้าแล้ว น้องชายเจ้าแน่มาก!
เพื่อพึ่งพาโชคลิขิตของท่านเซียน ถึงขั้นยอมขายหน้าเช่นนี้
ไม่ได้ เดิมทีก็โดนคนอื่นชิงลงมือก่อนแล้ว
หากความจริงใจสู้น้องชายท่านนี้ไม่ได้
ต่อไปจะอยู่ในวงการนี้อย่างไร
จะปล่อยให้คนผู้นี้ฝันหวานก่อนได้อย่างไร!
นึกถึงตรงนี้ ผู้มีวาสนาอีกสองคนที่เปิดออกมาเป็นศิลาวิญญาณ ก็ทิ้งตัวลงคุกเข่าเช่นกัน
“หากท่านเซียนไม่ยอมรับน้ำใจ ข้าก็จะไม่ยอมเช่นกัน จะคุกเข่าอยู่ตรงนี้ไม่ลุกขึ้น!”
“ข้าด้วย!”
…………………………………….