บทที่ 274 บุรุษ…ก็ต้องเร็ว! (1)
ในสถานการณ์ปกติ ผู้แข็งแกร่งฝ่ายเซียนของแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ แดนเทวา และแดนผาสุกจะมีกำลังรบเหนือกว่าผีร้ายปกติไปไกล
หากมีอาวุธวิเศษ ยันต์ หรือโอสถช่วย ผู้ฝึกบำเพ็ญจากแดนศักดิ์สิทธิ์และแดนเทวาจะรับมือกับผีร้ายปกติได้อย่างน้อยห้าตัวขึ้นไป
ผู้แข็งแกร่งอัจฉริยะในนั้นถึงขั้นหนึ่งสู้สิบได้ กระทั่งสังหารผีร้ายระดับพลังเดียวกันได้หลายสิบตัว
ทว่าตอนนี้สิ่งที่อยู่ตรงหน้าทุกคนไม่ใช่ผีร้ายระดับแก่นพลังทองปกติ แต่เป็นผีร้ายพิเศษที่ผ่านการหล่อหลอมมา
พวกมันบ้างมีพิษร้ายที่หลอมรวมจากพืชพิษต่างๆ ของอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยง บ้างมีไฟกรรมนรกที่รวมขึ้นจากแท่นไฟกรรม
กล่าวโดยสรุปคือกำลังรบของทุกตัวแกร่งกว่าผีร้ายปกติมาก
และที่สำคัญกว่านั้นคือกองทัพภูตผีนี้มีจำนวนมหาศาล มองทีแรกก็มีมากกว่าหมื่น
ทหารภูตผีนับหมื่นปกคลุมมามืดฟ้ามัวดิน แรงปะทะที่เกิดขึ้นไม่อาจใช้คำพูดมาบรรยายได้ มากพอจะทำให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์หนาวสั่น
หากโดนกองทัพภูตผีนี้ปิดล้อม กับอีแค่กองกำลังฝ่ายเซียนร้อยกว่าคน เกรงว่าคงจะถูกแยกออกและตายตกเป็นอาหารไปในครู่เดียว
ยุงมากพอก็กัดช้างให้ตายได้ แรงปะทะจากผีร้ายระดับพลังเดียวกันหลายหมื่นนี้ ไม่มีผู้ฝึกบำเพ็ญคนใดเอาชนะได้เลย
“วางค่ายกลป้องกันเดี๋ยวนี้ ทุกคนฆ่าทหารภูตผีสุดกำลัง”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกมีแววตาเฉยชา อาวุธอริยะรูปทรงจันทร์เต็มดวงข้างหลังพุ่งขึ้นฟ้า ก่อนจะหายไปในมวลอากาศ
พริบตาต่อมาวงแสงสีเงินยักษ์ปกคลุมทุกคน เปล่งแสงระยิบระยับ ต้านภูตผีทั้งหมดไว้
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกมีอำนาจวาจาสูงมากในแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยก ทันทีที่นางลงมือ ผู้สูงศักดิ์สวรรค์สามคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกก็ออกมือช่วยกันทันที
“ทุกคนอย่าตระหนก แม้ผีร้ายจะมีเยอะ แต่พวกที่โจมตีเราพร้อมกันก็เป็นแค่ส่วนด้านหน้าสุด”
อาวุธอริยะกระจกฐานหยกของผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่หายเข้าไปในอากาศเช่นกัน ผนึกกำลังกับอาวุธอริยะของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยก เสริมการป้องกันเพิ่มขึ้น
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์หลิงอู่กับเสวี่ยอู่อีกสองคนต่างส่งพลังฤทธิ์เข้าไปในอาวุธอริยะเรื่อยๆ เป็นการเสริมความแกร่ง
ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สั่นไหวเบาๆ ก่อนเอ่ยอย่างเย็นชา “ศิษย์เทพสวรรค์ เชิญสายฟ้า!”
ทุกคนรู้ว่าสายฟ้าคือการลงทัณฑ์จากฟ้าดิน
วิชาอัสนีส่วนใหญ่มีชื่อเสียงเรื่องอานุภาพทรงพลัง และวิชาอัสนีเทพสวรรค์ก็เป็นสุดยอดของวิชาอัสนีในใต้หล้า
ไม่ใช่แค่มีพลังทำลายล้างสูงสุดในฟ้าดิน แต่ยังเป็นปฏิปักษ์กับภูตผีปีศาจและผีร้ายอย่างยิ่ง
ตอนนี้หมื่นภูตผีไร้พรมแดนถาโถมเข้ามาใส่ฝ่ายเซียน ศิษย์เทพสวรรค์จึงสู้อย่างไม่ลังเล
“อัสนีเทพมังกรเขียวธาตุไม้ลำดับหนึ่ง!”
“อัสนีเทพวิหคชาดธาตุไฟลำดับสาม!”
“อัสนีเทพงูเหินธาตุไฟลำดับสี่!”
“อัสนีเทพพยัคฆ์ขาวธาตุทองลำดับเจ็ด!”
“อัสนีเทพกำเนิดฟ้าปัญจธาตุเล็ก!”
“กุมอัสนีกำเนิดฟ้า!”
…….
สายฟ้าพุ่งออกมาจากค่ายกลของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ซัดผีร้ายปลิวไปทีละตัว
คนที่แข็งแกร่งในนั้นถึงขั้นฉีกผีร้ายแหลกเป็นชิ้นๆ หลายตัว
ตอนนี้เสิ่นเทียนเองก็ทุ่มกำลังโจมตีเช่นกัน เขาใช้กุมอัสนีไปเรื่อยๆ เหมือนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
กุมอัสนีทุกลูกในมือเขาจะฉีกร่างผีร้ายหลายตัว แหลกสลายไปกับฟ้าดิน มีอานุภาพทรงพลังยิ่ง
เวลานี้ดึงดูดความสนใจนับไม่ถ้วน
“สมกับเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ศักยภาพไม่ธรรมดาจริงๆ!”
“ศักยภาพเช่นนี้แกร่งกว่าศิษย์สูงสุดของฝ่ายข้าอีก แดนศักดิ์สิทธิ์ก็คือแดนศักดิ์สิทธิ์”
“แม้แต่บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังไม่ยอมแพ้ เราจะยอมแพ้ได้อย่างไร สำแดงวิชา อัดมัน!”
การต่อต้านของสองแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ก็เพื่อนำเหล่าผู้ฝึกบำเพ็ญเซียนจากแดนเทวาแดนผาสุกอื่น เวลานี้ทุกคนฮึกเหิมขึ้นมาแล้ว
แม้ต้องตายก็จะไม่ยอมให้ลัทธิชั่วร้ายกดขี่ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องกัดเนื้อพวกสาวกลัทธิชั่วร้ายออกมาสักสองสามชิ้น
“ภูตผีกากเดนระดับแก่นพลังทองกลุ่มเดียวยังกล้ามาหยาบคายใส่ข้ารึ”
มีเสียงตะโกนทรงอำนาจดังขึ้นกลางกลุ่มคน จากนั้นนักพรตชราที่มีเปลวไฟเทพสีมรกตลุกท่วมทั้งตัวก็พุ่งออกมาจากค่ายกล
เขาพุ่งเข้าไปกลางกองทัพผีร้ายไร้พรมแดนนั้นอย่างไม่เกรงกลัว ก่อนถูกพลังชั่วร้ายสีดำเข้มข้นจมหายไป
“กระบองตามใจนึก…พลิกเมฆาคว่ำสายฝน!”
เสียงตะโกนดังสนั่นฟ้าดิน ก่อนเห็นว่าตรงกลางพลังชั่วร้ายสีดำที่บดบังฟ้าบังดวงตะวันนั้นเกิดเป็นรูหนึ่ง เงากระบองนับพันนับหมื่นพุ่งออกมาจากพลังชั่วร้ายสีดำนั้น มาพร้อมกับเพลิงสวรรค์ทะเลมรกตสว่างจ้า ทุบผีร้ายนับไม่ถ้วนแหลกสลายไป
มองผ่านรูนั้นยังเห็นเงาสีมรกตร่างหนึ่งกำลังต่อสู้อย่างไร้พ่ายในทหารหลายหมื่น ผ่านไปที่ใดไม่มีผีร้ายขวางเขาไว้ได้เลยแม้แต่ครู่เดียว
“สมกับเป็นศิษย์พี่ฉู่เหอ ไม่อยากเชื่อว่าจะไร้พ่ายในกองทัพภูตผีเช่นนี้!”
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่เร่งรัดกระจกฐานหยกซ้อนทับกับสมบัติวิเศษประจำตัวของผู้สูงศักดิ์สวรรค์คนอื่น ต่อต้านแรงปะทะทีละระลอกจากกองทัพภูตผีไปพลาง มองร่างของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตไปพลาง
ในดวงตานางมีดาวเล็กๆ ระยิบระยับ
ทว่าผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตไม่ได้ไร้พ่ายนานนัก เพราะไม่นานความแกร่งของเขาก็เป็นที่สนใจของกองทัพภูตผี
พลังชั่วร้ายและหมอกเงามืดไม่มีสิ้นสุดเริ่มโอบล้อมผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต เหมือนกับพายุหมุนสีดำความเร็วสูงปิดล้อมผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตไว้ตรงกลาง
ตรงกลางพายุหมุนสีดำนั้นมีภูตผีร้ายระดับแก่นพลังทองซ่อนอยู่นับไม่ถ้วน กำลังโจมตีใส่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตอย่างรุนแรงไม่หยุดหย่อน
และที่สำคัญกว่านั้นคือพายุหมุนพลังชั่วร้ายสีดำตัดขาดจากพลังวิญญาณ ทำให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตแทบจะไม่ได้รับพลังงานใดๆ มาเติมเต็มจากข้างนอกเลย
ดังนั้นผ่านไปไม่นาน เพลิงสวรรค์ทะเลมรกตที่ลุกท่วมตัวผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตก็เริ่มอ่อนแรงลง
ภายใต้การโจมตีแบบเอาชีวิตเข้าแลกของผีร้ายนับไม่ถ้วน ทำให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตไม่ไร้พ่ายอีก แต่มือเท้าพันกันไปหมด
ถึงอย่างไรในพายุสีดำนั้นก็ไม่ได้มีแค่ผีร้ายระดับเดียวกันสิบตัว แต่มีมากกว่าร้อยตัว กระทั่งพันตัว!
“เฮ้ยๆๆ พวกเจ้าพอแล้ว! ข้าเห็นว่าพวกเจ้าน่าสงสาร จะปล่อยพวกเจ้าไปแล้วกัน
เวร ก็บอกว่าจะปล่อยพวกเจ้าไปไง ไฉนยังโจมตีมาอีก ปล่อยข้าออกไป!
ตอนนี้สถานการณ์ข้าไม่ดี เก่งจริงเจ้าก็รอข้าไปเติมพลังก่อนแล้วค่อยมาฆ่าพวกเจ้า!
บ้าเอ๊ยๆๆ ดีเลวอย่างไรก็เป็นผีร้ายระดับแก่นพลังทอง มีเกียรติหน่อยได้หรือไม่ จะต่อยตีก็ต่อยตี มากัดกันนี่มันผีบ้าอะไร จะดูดพลังปราณข้ารึ อย่างพวกเจ้าจะดูดได้หรือ ดูข้าเขมือบแปดทิศก่อนเถอะ!
ถุยๆ รสชาติอย่างกับขี้!
จะกัดตรงนั้นไม่ได้นะ ระยำ ข้าจะเอาจริงกับผีอันธพาลอย่างพวกเจ้าแล้ว!
ศิษย์น้องช่วยข้าด้วยศิษย์น้อง ข้าไม่ไหวแล้ว!”
……..
เสียงร้องโหยหวนของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตดังมาจากในฝูงชน
มองออกว่าเขาอยากจะถอย แต่โดนผีร้ายพวกนั้นตรึงไว้
ทั้งตัวมีแต่รอยฟันสีดำ
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีแววตาจริงจังเล็กน้อย ก่อนจะประสานมุทรา สายฟ้าสีทองพลันกลายเป็นแสงเทพพุ่งออกไป
บึ้ม!
สายฟ้าส่งเสียงดังสนั่น แสงเทพสายฟ้านั้นทะลวงมวลอากาศเข้าไปทำลายพายุสีดำที่รวมจากพลังหยิน พลังชั่วร้ายและพิษร้ายนั้น
อัสนีเทพกำเนิดฟ้าลุกลามผ่านพายุเข้าไปกวาดล้างผีร้ายรอบตัวผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต
“ศิษย์น้องดี ศิษย์น้องเก่งกาจ ศิษย์น้องๆ ยอดเยี่ยม!”
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตยังกลัวไม่หาย จึงกลายเป็นแสงเทพสีมรกตหนีออกจากพายุสีดำ
ตอนนี้ชุดเซียนยันต์แปดทิศที่สะอาดของเขายังโดนผีร้ายกัดเละไปหมด ทั้งตัวมีแค่รอยเขี้ยว
และเพราะอานุภาพของอัสนีเทพกำเนิดฟ้ากระจัดกระจายจึงทำให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตเส้นผมตั้งชี้ และยังมีควันลอยโชย
ดูแล้วอนาถมาก
แต่ตอนนี้เองผีร้ายที่ถาโถมเข้ามามืดฟ้ามัวดินนั้น ในที่สุดก็พุ่งเข้ามาหน้ากองกำลังฝ่ายเซียนตรงๆ
บึ้ม~
เหมือนกับพายุคลื่นทะเลชนกับเขื่อน แรงลมโหมกระหน่ำเข้ามา
แม้แต่มิติยังสั่นไหวและปริแตกกระจายในการปะทะ ผีร้ายแต่ละตัวโดนเขตแดนแว้งกัดกลายเป็นผุยผง
ในค่ายกลพิทักษ์เทพสวรรค์ สายฟ้ากลายเป็นสัตว์เทพสิบชนิดเช่นมังกรเขียว พยัคฆ์ขาว วิหคชาด เต่าดำ กิเลน งูเหินและลิ่วเหอแหงนหน้าคำรามขึ้นฟ้า เข้าปะทะกับผีร้ายนับไม่ถ้วน
ในค่ายกลพิทักษ์ธารหยก ประกายเซียนมากมายกลายเป็นพิณโบราณ ผีผา กระจกหยก ปิ่นหงส์ แผ่ท่วงทำนองเทพไร้ที่สิ้นสุด เหมือนกับหุบเหวสวรรค์ตัดการโจมตีทั้งหมด
ผู้แข็งแกร่งจากแดนเทวาและแดนผาสุกคนอื่นยังวางค่ายกลกันสุดกำลัง เพียงเพื่อขวางผีร้ายพวกนี้ไว้ได้ครู่หนึ่ง
แต่ผีร้ายมีจำนวนน่าสะพรึงกลัวเกินไป แม้พวกที่โจมตีค่ายกลจะมีเพียงผีร้ายส่วนเล็กในนั้น แต่ก็ต้านการควบคุมจากในเงามืดไม่ได้!
หลังจากผีร้ายระลอกแรกจู่โจมค่ายกล ค่ายกลยังไม่ทันพักหายใจ ผีร้ายระลอกที่สองก็ตามเข้ามาติดๆ
การโจมตีที่แทบจะไม่มีเวลาให้พักทำให้ค่ายกลแตกสลายไปเรื่อยๆ
แม้กองกำลังฝ่ายเซียนจะวางค่ายกลเร็วมาก แต่ผลข้างเคียงจากการที่ค่ายกลพังลงก็ทำให้หลายคนบาดเจ็บสาหัส แม้แต่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวที่ใช้วิชาแพทย์ ตอนนี้ก็ยังยุ่งจนหัวหมุน
……
มีร่างคนข้างกายล้มลงทีละคน ทำให้เสิ่นเทียนหน้ามืดลงช้าๆ
เขาไม่ได้พักเลย ยังคงยิงเถากลืนกินเซียนเคลือบด้วยอัคคีอรุณใต้ออกไปกวาดล้างผีร้ายพวกนั้นไม่หยุด
เถากลืนกินเซียนผ่านไปที่ใด ผีร้ายทั้งหมดจะถูกเถากลืนกินเซียนผ่าเป็นสองซีก ก่อนจะถูกอัคคีอรุณใต้แผดเผาสลายไปทั้งหมด
ทว่าสำหรับกองทัพผีร้ายหลายหมื่นแล้ว ผีร้ายแค่นี้ก็ยังเหมือนน้ำน้อยแพ้ไฟอยู่ดี
ทันใดนั้นก็มีผีร้ายจำนวนมากกว่าพุ่งเข้ามากลบพื้นที่ว่างที่เกิดขึ้นจนเต็ม
ฆ่า ฆ่า ฆ่า!
ในสงครามโลหิต เสิ่นเทียนอยู่ในสภาวะที่ทั้งแปลกและพิเศษ
มีเสียงกลองสงครามดังขึ้นในความคิดเขา รู้สึกว่าเลือดกำลังเดือดพล่าน
ตัวเขาเปล่งแสงสีทองอ่อนๆ อีกทั้งยังสว่างขึ้นเรื่อยๆ!
เขารู้สึกเหมือนตนคลำเจอเยื่อบางชั้นหนึ่ง เป็นปราการลึกลับชั้นหนึ่ง
นั่นคือปราการกายทองรอบสาม ก่อนหน้านี้เข้าใกล้แล้ว ตอนนี้เหลือเพียงก้าวเดียวเท่านั้น!
เมื่อเผชิญหน้ากับพลังชั่วร้ายสีดำที่ถาโถมเข้ามานอกค่ายกล เสิ่นเทียนก้าวออกไปช้าๆ เกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรที่เดิมทีอยู่ในสภาพเกราะชั้นในก็คืนกลับสภาพเดิม
เกราะศักดิ์สิทธิ์สีทองเปล่งประกายแสง บนผิวกายมีสายฟ้าไหลเวียนราวกับเทพลงมาเยือน ข้างหลังมีเงามายาห้าสัตว์เทพแหงนหน้าส่งเสียงคำราม
ตอนนี้เสิ่นเทียนแผ่กระจายพลังสะท้านฟ้า กลายเป็นจุดรวมของสายตาทุกคน ทุกคนต่างจับตามอง!
เสิ่นเทียนเดินอีกก้าวก็มาถึงขอบค่ายกล ห่างจากผีร้ายเพียงจั้งกว่า
ยามเงยหน้ามอง ถึงขั้นสัมผัสได้ถึงพลังชั่วร้ายและสายลมเย็นยะเยือกที่โถมเข้ามา
สองปีกที่เหมือนหลอมขึ้นจากทองคำข้างหลังเขาสยายปีกออก แสงศักดิ์สิทธิ์สาดลงมาไม่มีสิ้นสุด เสริมให้ทั้งตัวเขาองอาจไม่ธรรมดายิ่งกว่าเดิม
“เปลี่ยนเทพสงคราม…เปลี่ยนน้ำมวลหนัก!”
เส้นผมหย่อมหนึ่งกลายเป็นสีขาว พลังรอบตัวเสิ่นเทียนพลันเพิ่มขึ้น ตอนที่กำหมัดขวา แม้แต่มวลอากาศยังสั่นไหว
“กระบี่ฟ้าสังหาร จงออกมา!”
เสียงกระบี่ดังกึกก้องสวรรค์เก้าชั้นปฐพีสิบชั้น ทำให้กระบี่ยาวในมือผู้ฝึกบำเพ็ญเซียนทั้งหมดโดยรอบสั่นไหว
เหมือนกำลังหวาดกลัว!
กระบี่ยาวเล่มหนึ่งโผล่มาในมือเสิ่นเทียนตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ บนตัวกระบี่ยังมีแสงสีแดงกระเพื่อมเหมือนกับสายน้ำ มันส่งเสียงกระบี่กังวาน เหมือนกับเสียงร้องของมังกรและหงส์
ด้านคมกระบี่ของมัน แม้แต่อากาศว่างเปล่ายังถูกฉีกจนเกิดเป็นรอยแยก
มือถือกระบี่ฟ้าสังหาร ปีกเทพทองคำข้างหลังเสิ่นเทียนพลันกางออก
ทั้งตัวเขากลายเป็นแสงเทพสีแดงอมทองพุ่งเข้าไปกลางกองทัพผีร้ายมหาศาลเหล่านั้น
………………………………………