บทที่ 27 สนับสนุนเสี่ยวหลิงเซียนเสมอ!
“เถ้าแก่ซ่งเกรงใจเช่นนี้ ข้าจะรับไว้ได้อย่างไร!”
“ท่านเซียนยอมมาร้านของข้า ถือว่าเป็นการไว้หน้าข้า แหวนโลกาสวรรค์วงเดียว เป็นเพียงน้ำใจเล็กน้อย”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว!”
เสิ่นเทียนรับแหวนโลกาสวรรค์มาสวมใส่บนนิ้วชี้ ขนาดของมันเกือบจะพอดี
ส่วนลวดลายของมันก็ถือว่าสวยทีเดียว
มีเพียงสิ่งเดียวที่เป็นปัญหาก็คือ ทำไมต้องหยดเลือดทำพันธะเจ้าของอีกแล้ว
ของประเภทสมบัติอาคม สมบัติวิญญาณ สมบัติลับเหล่านี้ เวลาทำพันธะเจ้าของล้วนแต่จำเป็นต้องกรีดเนื้อหยดเลือด
เมื่อวานนี้เพื่อที่จะเป็นเจ้าของป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่แผ่นนั้น เสิ่นเทียนต้องหยดเลือดของตนเองไปถึงหนึ่งถ้วยจึงทำสำเร็จ
ก็ไหนพวกการ์ตูนในทีวีแค่หยดเลือดหยดเดียวก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ!
แต่ทำไมโลกบำเพ็ญเซียนแห่งนี้จึงแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง!
ตอนนี้ เถ้าแก่ซ่งก็มามอบแหวนโลกาสวรรค์ให้เสิ่นเทียนอีกหนึ่งวง
ยิ่งไปกว่านั้นจำเป็นต้องหยดเลือดทำพันธะเจ้าของเช่นกัน ถึงจะสามารถควบคุมและใช้งาน
บอกตามตรง เสิ่นเทียนเริ่มไม่กล้ารับแล้ว
อย่างไรก็ดี ถ้าหากปล่อยเลือดออกมาอีกหนึ่งถ้วย
เขาก็คงจะเสียเลือดมากเกินไปแล้ว!
ปวดหัวชะมัด!
……
“เถ้าแก่ซ่ง เจ้าแน่ใจหรือว่าจะมอบแหวนวงนี้ให้ข้า?”
“แม้คำพูดของข้าจะไม่หนักแน่นดั่งกระถางธูป แต่พูดแล้วก็ทำได้เช่นกัน”
“แหวนโลกาสวรรค์วงนี้ ตอนนี้ขึ้นอยู่กับข้าว่าจะจัดการอย่างไรใช่หรือไม่!”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
ถ้าอย่างนั้นก็ดี
เสิ่นเทียนครุ่นคิด ถอดแหวนออกมาส่งให้กุ้ยกงกง
“ลุงกุ้ย แหวนโลกาสวรรค์วงนี้เป็นของท่านแล้ว!”
กุ้ยกงกงสะดุ้งตกใจ “เช่นนี้จะได้อย่างไร นี่เป็นของที่เถ้าแก่ซ่งมอบให้ท่าน บ่าวจะรับไว้ได้อย่างไร!”
แหวนโลกาสวรรค์ที่มีเนื้อที่เก็บของหนึ่งร้อยตารางเมตร มูลค่าสูงถึงศิลาวิญญาณหนึ่งหมื่นก้อนขึ้นไป
สมบัติชั้นสูงเช่นนี้ ถึงเป็นเชื้อพระวงศ์ของอาณาจักรต้าเหยียนก็มีเพียงไม่กี่คนที่มี
แหวนโลกาสวรรค์วงนี้ สำหรับตระกูลซ่งเป็นสมบัติชั้นสูงที่ไม่เหมือนใคร มีมูลค่าสูงมาก
ปัจจุบัน องค์ชายกลับมอบให้บ่าวอย่างง่ายดาย
นี่เป็นความเชื่อใจเพียงใด!
เสิ่นเทียนกล่าว “ลุงกุ้ยกับข้าเป็นเหมือนญาติ แหวนโลกาสวรรค์วงเดียวทำไมถึงรับไว้ไม่ได้?”
เห็นรอยยิ้มที่เชื่อใจบนใบหน้าของเสิ่นเทียน กุ้ยกงกงอึ้งไปชั่วขณะ
ความอบอุ่นสายหนึ่งถาโถมเข้ามาในจิตใจ
ที่แท้ในใจขององค์ชาย บ่าวเป็นเหมือนกับญาติคนหนึ่ง
องค์ชายพูดเช่นนี้ ถึงบ่าวตายก็คุ้มค่าแล้ว!
……
กุ้ยกงกงไม่บ่ายเบี่ยงอีก
เขารับแหวนโลกาสวรรค์มาสวมใส่บนนิ้วชี้ โคจรพลังวิญญาณเค้นเลือดออกมาหนึ่งหยด
หยดเลือดลงบนแหวนโลกาสวรรค์ โดนแหวนดูดซับเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ในพริบตาเดียว ระหว่างกุ้ยกงกงและแหวนโลกาสวรรค์เกิดความเชื่อมโยงพิเศษแบบหนึ่ง
ขอเพียงคิดในใจ ก็จะสามารถเรียกของออกมาจากแหวนโลกาสวรรค์ เป็นของที่สะดวกมาก
“องค์ชาย ทำพันธะเจ้าของเรียบร้อยแล้ว”
เห็นกุ้ยกงกงทำพันธะเจ้าของเสร็จสิ้นได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ บอกตามตรง เสิ่นเทียนรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม
ที่แท้แหวนโลกาสวรรค์ ใช้เลือดเพียงแค่หยดเดียวก็สามารถทำพันธะเจ้าของ?
แต่ว่า เพราะอะไรป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ถึงต้องใช้เลือดเป็นถ้วยล่ะ!
ต้องเป็นเพราะหลี่ฉางเกอเจ้าคนหวงน้องสาวแอบคิดร้ายต่อข้าแน่ บัดซบ!
“ในเมื่อทำพันธะเจ้าของเรียบร้อยแล้ว ศิลาวิญญาณทั้งสี่พันก้อนนี้ ลุงกุ้ยก็ช่วยข้าเก็บไว้ด้วยเถอะ!”
กล่าวจบ เสิ่นเทียนเดินออกจากร้านวิญญาณสวรรค์อย่างสงบ
……
อย่างไรลุงกุ้ยก็ซื่อสัตย์ต่อตนเอง เก็บไว้ที่เขากับเก็บไว้ที่เสิ่นเทียนก็ไม่แตกต่างกัน
ส่วนเพราะอะไรเสิ่นเทียนถึงไม่เก็บเอง
เหอะๆ พูดราวกับว่าเสิ่นเทียนมีแหวนเก็บของวงที่สอง
นี่คือความคิดที่แท้จริงของเสิ่นเทียน แต่ในสายตาของฝูงชน ไม่ใช่เช่นนี้อย่างแน่นอน
“โอ้โห ท่านเซียนใจกว้างยิ่งนัก!”
“แม้แต่คนใช้ที่ติดตามท่านเซียน ก็ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้!”
“แหวนโลกาสวรรค์หนึ่งวง ศิลาวิญญาณสี่พันก้อน มอบให้คนใช้ของตนเองอย่างง่ายดาย ตกลงท่านเซียนมีทรัพย์สินมากแค่ไหนกันแน่!”
“เป็นห่วงว่าคนรับใช้จะเหนื่อยตายเพราะแบกศิลาวิญญาณ ถึงขั้นมอบแหวนโลกาสวรรค์ที่มีมูลค่าสูงถึงศิลาวิญญาณหนึ่งหมื่นก้อน”
“พี่เซียนอบอุ่นยิ่งนัก นี่แหละคือชายในฝันของข้า!”
“พี่เซียนยังต้องการคนรับใช้หรือไม่? แบบที่สามารถแต่งเป็นจิ้งจอกเซียน ปีศาจแมวอะไรเช่นนั้น”
……
อีกด้านหนึ่ง เถ้าแก่ซ่งเห็นเสิ่นเทียนมอบแหวนโลกาสวรรค์ให้ลุงกุ้ย ในใจไม่ได้รู้สึกไม่สบอารมณ์
กลับกัน เขากลับมีความรู้สึกเหมือนโชคดีที่รอดพ้นหายนะ
ทำเป็นเล่น คนที่สามารถมอบแหวนโลกาสวรรค์ให้กับคนใช้อย่างง่ายดาย ใช่คนที่เขาสามารถล่วงเกินได้หรือไม่?
ยิ่งไปกว่านั้น ฟังจากน้ำเสียงคำพูดของลุงกุ้ยท่านนั้น เหมือนเป็นขันทีในวังหลวง
สิ่งนี้ยิ่งช่วยยืนยันความคิดในใจของเถ้าแก่ซ่ง
ผู้ที่อยู่ตรงหน้าท่านนี้ไม่ต้องสงสัยเลย เขาต้องเป็นเสิ่นเอ้า องค์ชายหกแห่งอาณาจักรต้าเหยียนแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ภูมิหลังขององค์ชายหกท่านนี้น่ากลัวเกินกว่าที่เขาจินตนาการ
ตอนนี้เถ้าแก่ซ่งเริ่มสังเกตลุงกุ้ย จึงพบรายละเอียดอย่างหนึ่ง
นั่นก็คือกระบี่เล่มสะพายอยู่บนแผ่นหลังของลุงกุ้ยในตอนนี้ มันคือกระบี่วารีครามของหลี่เหลียงเอ๋อร์ องค์หญิงน้อยแห่งตระกูลหลี่
ต้องบอกก่อน มูลค่าของกระบี่วารีครามทิ้งห่างแหวนโลกาสวรรค์ถึงสิบถนน
เสิ่นเทียนถึงขั้นยอมให้ลุงกุ้ยสะพายแม้กระทั่งกระบี่วารี แล้วนับประสาอะไรกับการมอบแหวนโลกาสวรรค์ให้เขาเก็บไว้?
ยิ่งไปกว่านั้น หลี่เหลียงเอ๋อร์ถึงขั้นมอบกระบี่วารีครามที่พกติดตัว จะเห็นได้ชัดว่าข่าวลือของคนทั้งสองใช่ว่าจะไม่มีมูลเหตุ
ต้องบอกก่อน ตระกูลหลี่เป็นถึงตระกูลอันดับหนึ่งในแดนเทวาดาวประกายพรึก มียอดฝีมือมากมาย
ได้รับความโปรดปรานจากเทพธิดาเหลียงเอ๋อร์ สามารถประหยัดเวลาความพยายามสองร้อยปีได้อย่างง่ายดาย
ตระกูลซ่งของเขา ไม่กล้าล่วงเกินบุคคลที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้!
……
นึกถึงตรงนี้ เถ้าแก่ซ่งยิ่งเกรงใจเสิ่นเทียนมากขึ้น
ยืนอยู่ด้านข้างด้วยความเคารพ รอจนกระทั่งกุ้ยกงกงเก็บศิลาวิญญาณสี่พันก้อนเข้าไปในแหวนโลกาสวรรค์
ถึงกล้าส่งเสิ่นเทียนและคนอื่นออกจากประตูราวกับสามารถเกิดอันตรายขึ้นได้ทุกเมื่อ
หลังจากที่เสิ่นเทียนและคนอื่นไปจากร้านวิญญาณสวรรค์ ด้านหลังเสื้อของเถ้าแก่ซ่งเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
น่าตกใจมาก!
หันกลับมา เถ้าแก่ซ่งใช้มือตบใส่ศีรษะของคุณชายซ่งทันที
“เจ้าฟังให้ดี ครั้งนี้ท่านเซียนน่าจะหายคับข้องใจแล้ว ต่อไปเจ้าให้ความเคารพต่อท่านเซียนด้วย ไม่เช่นนั้นข้าเองจะเฆี่ยนเจ้าตายคนแรกแน่!”
คุณชายซ่ง “…”
……
อีกด้านหนึ่ง เสิ่นเทียนไม่ได้เก็บเรื่องที่เกิดขึ้นในร้านวิญญาณสวรรค์ไว้ในใจ
จนกระทั่งออกจากร้านวิญญาณสวรรค์ เขาก็ยังไม่เคยสัมผัสถึงการหาทางรอดของเถ้าแก่ซ่ง
เขาคิดว่าสองพ่อลูกตระกูลซ่งจำตนเองไม่ได้ด้วยซ้ำ!
ผู้มีวาสนายี่สิบคนชุดแรก สี่คนที่ร้านวิญญาณสวรรค์ได้รับโชคลิขิตหมดแล้ว
ใช้หลักของเยอะก่อนน้อยหลัง เป้าหมายต่อไปของเสิ่นเทียนคือหอวิญญาณหงส์ที่อยู่ทางตะวันออกของสวนหมื่นวิญญาณ
ตามภาพที่ปรากฏของโชคลิขิต ในบรรดาผู้มีวาสนายี่สิบคน มีคนได้รับโชคลิขิตในหอวิญญาณหงส์สามคน
เสิ่นเทียนพาผู้มีวาสนาทั้งสามคนเดินเข้าไปในหอวิญญาณหงส์ ภายใต้สายตาที่คาดหวังของผู้คน
มีการชี้แนะจากภาพ เสิ่นเทียนช่วยผู้มีวาสนาทั้งสามเลือกหินแร่วิญญาณในเวลาไม่กี่นาที
หินแร่วิญญาณทั้งสามก้อนถูกผ่าออกทีละก้อนภายใต้การจับจ้องของฝูงชน
ออกมาแล้ว!
ออกมาแล้ว!
ออกมาแล้ว!
ระเบิด!
ระเบิด!
ระเบิด!
ศิลาวิญญาณที่เปิดออกมาจากหินแร่วิญญาณทุกก้อนล้วนแต่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากกว่าสิบเท่า
ผลตอบแทนสูงที่สุดคือก้อนที่ซื้อมาในราคาแปดก้อน ขายออกไปในราคาสูงถึงหนึ่งพันหนึ่งร้อยก้อน มูลค่าเพิ่มขึ้นมากกว่าหนึ่งร้อยเท่า
ได้กำไรเลือดสาด!
ส่วนผู้มีวาสนาทั้งสามคนก็กลายเป็นผู้ศรัทธาที่ซื่อสัตย์ ภายใต้การอบรมสั่งสอนของเหล่าผู้อาวุโส
ล้วนแต่ต้องการมอบผลประโยชน์ครึ่งหนึ่งให้เสิ่นเทียน ไม่รับก็ไม่ได้!
เพราะเหตุนี้ เสิ่นเทียนจึงไม่มีทางเลือกอื่น!
อันที่จริงข้าไม่อยากรับจริงๆ
เหอะเหอะเหอะเหอะ…
……
ในตอนที่เสิ่นเทียนเตรียมตัวพาผู้มีวาสนาอีกสิบสามคนไปเปิดหินต่อ
ทันใดนั้น มีเสียงที่วุ่นวายดังมาจากนอกหอวิญญาณหงส์
เสิ่นเทียนมองไปตามทิศทางของเสียง กลับพบว่าตอนนี้มีคนสองกลุ่มกำลังล้อมอยู่นอกหอวิญญาณหงส์
กลุ่มแรกส่วนใหญ่เป็นผู้ชายทั้งหมด ส่วนอีกกลุ่มส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง
ตอนนี้ คนทั้งสองกลุ่มกำลังโต้เถียงกันไม่ยอมเลิกรา
สิ่งที่คู่ควรแก่การกล่าวถึงคือบนมือของผู้ชายเหล่านั้นกำลังถือป้าย
มีตัวอักษรเขียนไว้ด้านบนหนึ่งแถว ‘สนับสนุนเสี่ยวหลิงเซียนเสมอ!’
…………………………………………..