บทที่ 278 นี่ก็เรียกว่าแก่นพลังทองหรือ
ห่างจากเมืองเล็กเทพสวรรค์ไปร้อยลี้ กลางเมืองที่ตั้งของหอคอยเทพสงคราม
กลุ่มผู้ฝึกบำเพ็ญมืดฟ้ามัวดินต่างเข้ามารุมล้อม พวกเขาบ้างมีสีหน้าดีใจ เศร้าสร้อย หรือเป็นกังวล พากันวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา
“ศิษย์พี่ใหญ่ อาจารย์ถูกหอคอยเทพสงครามพาตัวไปแล้ว”
“ศิษย์พี่รอง อาจารย์ถูกหอคอยเทพสงครามพาตัวไปแล้ว”
“ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่รอง อาจารย์ถูกหอคอยเทพสงครามเอาตัวไป”
“ศิษย์น้องหญิง! เราเล่นกันมาตั้งแต่เล็กๆ เหตุใดเจ้าถึงหายไป!”
“ฮ่าๆๆๆๆ ไอ้ลาหัวล้านแย่งแม่ชีอาตมา ตายไปในหอคอยน่ะดีที่สุดแล้ว!”
……..
เมื่อหลายชั่วยามก่อน เมืองเล็กที่ตั้งหอคอยเทพสงครามยังคงสงบสุข ใครถ่ายรูปคู่ก็ถ่ายไป ใครฝึกฝนก็ฝึกไป ทว่าทันใดนั้นหอคอยเทพสงครามก็ลอยขึ้น ทั้งหอคอยสั่นสะเทือนทำลายมิติและมุดเข้าไปในความว่างเปล่า ไม่มีใครรู้ว่ามันไปที่ใด
ทั้งเมืองเล็กวุ่นวายขึ้นมาทันใด
ทุกคนติดต่อศิษย์และผู้อาวุโสของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ต้องการคำอธิบาย
ถึงอย่างไรญาติพี่น้อง อาจารย์ และคนรักรวมถึงศัตรูความรักของคนส่วนใหญ่ก็อยู่ในหอคอย การเปลี่ยนแปลงของหอคอยกระทบกับใจพวกเขาจริงๆ
ดีที่พวกเขาไม่ได้กังวลนานนัก
เพราะไม่นานมิติก็แยกออกอีกครั้ง ก่อนที่หอคอยเทพสงครามจะปรากฏตรงหน้าทุกคน
อีกทั้งสิ่งที่ปรากฏคู่กับหอคอยเทพสงคราม ยังมีผู้สูงศักดิ์สวรรค์และผู้อริยะที่มีพลังแข็งแกร่งทั้งตัว
ตึง~
หอคอยเทพสงครามตกลงพื้น ทั้งเมืองเล็กสั่นสะเทือนสามรอบ
ร่างคนลอยออกมาจากในหอคอยเทพสงคราม ตกลงบนพื้นของเมืองเล็ก แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
ในนั้นยังมีฟางฉางกับหลี่ชางหลันที่เดิมพันในหอคอยเทพสงครามด้วย ตอนนี้ทั้งสองคนมึนงงอยู่บ้าง
โดยเฉพาะหลี่ชางหลัน ตอนนี้เขาเดินออกมาจากหอคอยเทพสงคราม เมื่อเห็นเสิ่นเทียนแล้วก็ตัวสั่นตามจิตใต้สำนึก ใจกระบี่สั่นไหว
ช่วยไม่ได้ มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเขาเจออะไรมาในหอคอยเทพสงคราม
เมื่อเห็นผู้ฝึกบำเพ็ญทุกคนรอบๆ หอคอยเทพสงคราม ‘ต้องการคำอธิบาย’ เสิ่นเทียนก็ปาดเหงื่อ
ผู้อาวุโสเยี่ยพาหอคอยเทพสงครามมาร่วมสู้ ก็ไม่รู้จักจำว่าให้ปล่อยคนในหอคอยออกมาก่อน พึ่งพาไม่ได้จริงๆ
เรื่องที่หอคอยเทพสงครามพาคนหายตัวไปครั้งนี้จะต้องให้ความสำคัญ ถึงอย่างไรความปลอดภัยก็มาเป็นอันดับหนึ่ง หอคอยเทพสงครามที่มีอันตรายแฝงจะต้องทำให้ลูกค้าหนีหายไปแน่นอน
แต่ว่าเรื่องนี้ไม่ต้องให้เสิ่นเทียนกังวล
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จัดให้ผู้ดูแลอาวุโสของแดนศักดิ์สิทธิ์อธิบายประชาสัมพันธ์ตามที่เขากำชับแล้ว
ก็แค่รับรองว่าจากนี้หอคอยเทพสงครามจะไม่พาคนหายตัวไปอีก จากนั้นจ่ายค่าตกใจที่มากพอดูให้ลูกค้าที่หายตัวไปพวกนั้น
สำหรับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องที่จัดการยากเลย
…..
หลังจากทุกอย่างจบลง เสิ่นเทียนกลับไปใช้ชีวิตลอยชายบนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ของตนต่อ
การปิดล้อมครั้งนี้ทำให้เขาได้เห็นการต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งระดับอริยะอย่างแท้จริง และทำให้เขาได้รู้ถึงความอ่อนแอของตนเอง
พรสวรรค์ก็ส่วนพรสวรรค์ กำลังแฝงก็ส่วนกำลังแฝง โลกบำเพ็ญเซียนยังเป็นโลกที่ปลาใหญ่กินปลาเล็กอยู่ดี
เมื่อเจอสาวกชั่วร้ายจริงๆ หรือเจอการลอบสังหารจากขุมอำนาจศัตรู จะไม่มีใครสนใจว่าเจ้ามีระดับพลังอะไร
ต่อให้เจ้าเป็นเพียงไก่อ่อนระดับกายทอง ผู้อริยะก็ยังบี้เจ้าตายได้ในนิ้วเดียว
ดังนั้นจึงต้องแข็งแกร่งให้เร็วที่สุด!
โชคดีที่การปิดล้อมลัทธิวิญญาณร้ายครั้งนี้ทำให้เสิ่นเทียนได้มหาโชคลิขิต
จักรพรรดิบุปผาฟากฝั่งที่แย่งมาจากเจ้าผู้คุ้มกฎอู๋เซิง ก่อนหน้านี้ตอนปิดล้อมลัทธิชั่วร้ายยังไม่สะดวกจัดการ
ตอนนี้กลับถึงยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ เสิ่นเทียนจึงเริ่มหลอมรวมจักรพรรดิบุปผาฟากฝั่งภายใต้การช่วยของเยี่ยฉิงชาง หลอมรวมกับมันเป็นหนึ่งเดียว
ยอดค่ายกลคุ้มกันของยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ปรับไว้อยู่ในระดับความแกร่งสูงสุด ตัดขาดทั้งยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์กับโลกภายนอก
เสิ่นเทียนนั่งขัดสมาธิบนหินตระหนักรู้ของยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ นั่งขัดสมาธิเงยหน้าขึ้นฟ้าพลางท่องเคล็ดวิชา
พลังคัมภีร์คบเพลิงในตัวเขาเดือดพล่านไม่หยุด ส่งความกระหายรุนแรงมาถึงเขา
ใช่ คัมภีร์คบเพลิงกระหายจะกินจักรพรรดิบุปผาฟากฝั่ง ดอกไม้มหัศจรรย์จากดินแดนวัฏจักรนี้มีประโยชน์กับคัมภีร์คบเพลิงอย่างยิ่ง
เสิ่นเทียนย่อมพอใจกับตรงนี้ ถึงอย่างไรระดับพลังเขาก็มีรากฐานมาจากคัมภีร์คบเพลิง วิชาหลอมกายนี้มหัศจรรย์มากจริงๆ
หากไม่มีวิชาหลอมกายนี้ เสิ่นเทียนจะไม่มีทางหลอมรวมสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินมาเสริมความแกร่งให้ตัวเองได้มากขนาดนี้โดยง่ายดายเลย
อีกทั้งจากคำแนะนำของเยี่ยฉิงชาง โอรสสวรรค์ที่ฝึกคัมภีร์คบเพลิงคนอื่นก็ไม่ได้บ้าเท่าเสิ่นเทียนขนาดนี้
มรดกวิชานี้เหมือนจะสร้างขึ้นเพื่อเสิ่นเทียนโดยเฉพาะ
ดังนั้นแม้วิชานี้จะลดดวงชะตาลง เสิ่นเทียนก็ไม่เคยคิดจะทิ้งมัน
พลังจากคัมภีร์คบเพลิงในกายรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เสิ่นเทียนยื่นมือขวาไปถึงดอกไม้ฟากฝั่งช้าๆ แล้วลูบดอกไม้เบาๆ
ฉับพลันนั้นดอกไม้ฟากฝั่งที่เปลี่ยนเป็นสีแดงและขาวไม่หยุดก็กลายเป็นจุดแสงพุ่งเข้าไปในกายเสิ่นเทียน และถูกเขาหลอมรวมเข้าไป
เสิ่นเทียนรู้สึกถึงพลังแปลกประหลาดอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนกำลังหลั่งไหลไปในตับของตน หลอมรวมกับเถากลืนกินเซียน
เขาหลับตาลง ทั้งตัวเข้าสู่สภาวะพิลึกยิ่งบางอย่าง ลืมทุกอย่างรอบตัวไป
เถาวัลย์สีเขียวมรกตงอกมาจากในตัวเขา ไม่นานก็หุ้มเสิ่นเทียนไว้ตรงกลางหลายชั้น
สิ่งที่แปลกคือ ตรงข้อเถาวัลย์พวกนี้ปรากฏดอกไม้ฟากฝั่งขึ้นทีละดอกช้าๆ บ้างเป็นสีแดงสด บ้างเป็นสีขาวบริสุทธิ์ดั่งหิมะ
สิ่งมหัศจรรย์ในฟ้าดินสองชนิดประสานรวมกันในกายเสิ่นเทียนเงียบๆ ออกมาเป็นไม้วิญญาณมหัศจรรย์ใหม่ที่แข็งแกร่ง
เถากลืนกินเซียนที่กำเนิดดอกไม้ฟากฝั่งสีแดงกลายเป็นร้อนแรงดั่งไฟ แผ่อำนาจรุกรานรุนแรง ส่วนเถากลืนกินเซียนที่มีดอกไม้ฟากฝั่งสีขาวงอกออกมาก็หนาวเยือกปานน้ำแข็ง ขณะเดียวกันยังเหมือนความจริงเหมือนมายา ราวกับอยู่อีกมิติหนึ่ง
กุมความเป็นความตาย พลิกกลับหยินหยาง หนีกลายเป็นความจริงกับภาพมายา นี่คือความพิเศษของจักรพรรดิบุปผาฟากฝั่ง ทำให้ควบคุมพืชใหม่นี้ได้อย่างสมบูรณ์
เมื่อเถากลืนกินเซียนกับจักรพรรดิบุปผาฟากฝั่งหลอมรวมกันแล้ว แรงดึงดูดที่แผ่มาจากตัวเสิ่นเทียนไม่ใช่แค่ไม่ลดลง แต่กลับแข็งแกร่งขึ้น
พลังวิญญาณทั้งยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์หลั่งไหลเข้าไปในกายเสิ่นเทียนอย่างบ้าคลั่ง แต่กลับเหมือนน้ำน้อยแพ้ไฟ ราวกับว่าต่อให้ดูดพลังวิญญาณทั้งยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่พออิ่ม
“คุณสมบัติกายนี้ไม่สมเหตุสมผลเลย”
เยี่ยฉิงชางปรากฏตรงหน้าเสิ่นเทียนช้าๆ พิจารณามองเสิ่นเทียนทั้งตัวก่อนจะทำเสียงจิ๊ๆ ด้วยความแปลกใจ “ถ้าเขาเกิดในโลกเซียน เดาว่าขุมอำนาจระดับราชันเซียนคงต้องแย่งตัวเขาแน่”
เยี่ยฉิงชางยื่นมือขวาออกมาช้าๆ ตรงกลางฝ่ามือมีพระธาตุขยับแสงสีทองวาววับอันหนึ่ง
เมื่อพระธาตุนี้ปรากฏในยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ก็เกิดเสียงสวดมนตร์ของพระพุทธเจ้าดังขึ้นชัดเจน กระทั่งเห็นร่างเงาพระพุทธเจ้ารางๆ เพียงแต่เพราะผิวพระธาตุมีรอยร้าว ดังนั้นร่างเงาพระพุทธเจ้าจึงแตกร้าวเช่นกัน
พระธาตุนี้เป็นสิ่งที่เจ้าผู้คุ้มกฎอู๋เซิงใช้หลอมสร้างร่างแยกอดีต เป็นสิ่งที่ได้มาจากพระพุทธเก่าแก่ในอดีตของแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนี มีพลังงานมหาศาลอยู่
น่าเสียดายที่ในสงครามอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยง ร่างแยกอดีตของเจ้าผู้คุ้มกฎอู๋เซิงถูกทำลายไปแล้ว พระธาตุนี้จึงเสียหายอย่างหนักจนเกิดรอยร้าว
“ช่างเถอะ ถึงอย่างไรก็หลอมรวมพระธาตุนี้กับหอคอยเทพสงครามไม่ได้ ให้เจ้าแล้วกัน!”
เมื่อพูดจบ เยี่ยฉิงชางก็โยนพระธาตุไปทางเสิ่นเทียน
ปัง~
พระธาตุสีทองระเบิดออกกลางอากาศ พลังงานสีทองมหาศาลหลั่งทะลักดั่งคลื่นลูกใหญ่
แม้รอยร้าวจะทำให้เสียพลังงานไปมหาศาล แต่นี่ก็เป็นพระธาตุจากนักบวชโบราณ แฝงไว้ด้วยพลังวิญญาณที่เปี่ยมล้นอย่างยิ่ง
ทันทีที่พระธาตุสีทองระเบิดเหนือศีรษะเสิ่นเทียน พลังงานสีทองไม่มีที่สิ้นสุดนั้นก็หลั่งไหลไปในกายเสิ่นเทียนอย่างบ้าคลั่ง ถูกดูดซับหลอมรวมเข้าไป
เมื่อพลังงานพระธาตุถูกกินไปเรื่อยๆ ระดับพลังศาสตร์หลอมกายเทพมารและศาสตร์หลอมปราณแก่นพลังทองของเสิ่นเทียนก็พุ่งพรวดขึ้น
ผิวกายเขาเปล่งแสงสีทองไม่หยุด จากนั้นค่อยๆ อ่อนแสงลง แตกร้าว ก่อนจะผลัดเปลี่ยนไปสู่ร่างใหม่
กายทองสี่รอบ
กายทองห้ารอบ
…….
ขณะเดียวกัน ฐานรากมรรคตรงจุดตันเถียนของเสิ่นเทียนก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นกัน
ฐานรากมรรคที่เดิมทีมีตราห้าอัสนี แกะสลักเพียงเงามายาสัตว์เทพมังกรเขียว พยัคฆ์ขาว วิหคชาด เต่าดำ และกิเลน แต่ตอนนี้ดอกไม้ฟากฝั่งแบ่งบาน หยินหยางพลิกกลับ ระหว่างปัญจธาตุหยินและปัญจธาตุหยางเหมือนจะไม่แบ่งแยกชัดเจนอีก แต่ถูกเชื่อมด้วยเส้นทางใหญ่สายหนึ่ง
ไม้ลำดับหนึ่งกับไม้ลำดับสองกำลังผลัดเปลี่ยน ทองลำดับเจ็ดกับทองลำดับแปดกำลังหลอมรวม ไฟลำดับสามกับไฟลำดับสี่เกื้อหนุนกัน…
เงามายาสัตว์เทพใหม่ลอยขึ้นบนฐานรากมรรคเสิ่นเทียนทีละตัว ทำให้ฐานรากมรรคของเขาทนทานขึ้น แกร่งขึ้น สมบูรณ์แบบขึ้น
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร พลังงานสีทองในอากาศก็เหือดแห้งลง
กายทองเทพมารของเสิ่นเทียนทะลวงรอบที่เจ็ดสำเร็จ ตอนที่กำมือขวาช้าๆ แม้แต่ห้วงอากาศก็ยังสั่นไหว
ทางด้านฐานรากมรรคของเขาก็สมบูรณ์แบบเช่นกัน อย่างน้อยในมุมมองของเสิ่นเทียนก็ไม่มีจุดให้ปรับแก้อีก เริ่มทะลวงพลังได้แล้ว
“แก่นพลังทองที่รวมขึ้นจากฐานรากมรรคปัญจธาตุหยินหยาง ไม่รู้ว่าจะมีกี่ลายสวรรค์ประทาน”
เสิ่นเทียนพูดงึมงำกับตัวเอง แก่นพลังทองเก้ารอบกับกายทองเก้ารอบต่างกัน
กายทองเก้ารอบจะต้องมีพื้นฐานที่มั่นคง เริ่มจากรอบที่หนึ่ง ทุกรอบจะผลัดเปลี่ยนรากฐานหนึ่งครั้ง
แต่แก่นพลังทองเก้ารอบไม่ได้เริ่มจากรอบที่หนึ่ง หากรากฐานแน่นมากก็ทะลวงรอบไปได้เรื่อยๆ
อย่างเช่นจางอวิ๋นซีตอนที่ทะลวงจากระดับสร้างฐานไปแก่นพลังทอง ก็ทะลวงสำเร็จในรอบที่สามเลย
ในมุมมองเสิ่นเทียน ระดับสร้างฐานตนก็ใช้วิชาอัสนีสิบชนิดจากเคล็ดห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรมหลอมรวม ควบแน่นบนฐานรากมรรค
หากใช้ฐานรากมรรคเช่นนี้รวมแก่นพลังทอง อย่างไรก็ต้องมีห้ารอบสวรรค์ประทาน!
…..
เสิ่นเทียนกอดความคาดหวังรอคอยลึกๆ ไว้พลางประสานมุทรา “แก่นพลังทอง รวม!”
หินตระหนักรู้เปล่งแสงสว่างร้อยจั้ง แก่นพลังสว่างพร่างพราวก้อนหนึ่งปรากฏขึ้นเหนือศีรษะเสิ่นเทียน
ทันทีที่ปรากฏแก่นพลังนี้ เสิ่นเทียนรู้สึกว่าทั้งโลกในสายตาเขาเปลี่ยนไป
เขารู้สึกว่าพลังจิตของตนแข็งแกร่งขึ้นมาก มดสองตัวที่ห่างไปเป็นร้อยเป็นพันเมตรกำลังทำเรื่องน่าอายกันยังเห็นชัดเจน จิ๊ๆ เล็กจริงๆ…
ขณะเดียวกัน เคล็ดลับวิชาอัสนีที่ตอนแรกเข้าใจยาก ตอนนี้กลับเหมือนกับสิ่งปลูกสร้างสูงเปิดโล่ง
เขายื่นมือขวาออกมาดีดนิ้วเบาๆ รวมอัสนีเทพกำเนิดฟ้าที่สว่างจ้าอย่างยิ่งขึ้นมาสายหนึ่ง
เสิ่นเทียนไม่ได้ใช้ต้นกำเนิดอัสนีเทพกำเนิดฟ้าตรงระหว่างคิ้วรวมขึ้น แต่รวมจากพลังวิญญาณบริสุทธิ์
หรือก็คือเขาไม่ต้องกังวลว่าจะใช้พลังอัสนีเทพกำเนิดฟ้าตรงระหว่างคิ้วไปในการต่อสู้มากเกินไปอีกแล้ว
เพราะขอแค่พลังวิญญาณในกายยังไม่เหือดแห้ง เขาก็จะรวมอัสนีเทพกำเนิดฟ้าปัญจธาตุได้เรื่อยๆ
นี่คือระดับแก่นพลังทองหรือ
แก่นพลังทองอันหนึ่งเข้าไปในท้อง ข้าก็เป็นคนกำหนดชะตาเองมิใช่สวรรค์กำหนดแล้ว?
เสิ่นเทียนเผยรอยยิ้ม มองแก่นพลังทองเหนือศีรษะด้วยสีหน้าเฝ้ารอคอย
เขาอยากรู้มากว่าแก่นพลังทองของตนมีกี่ลายเทพ สาม ห้า หรือว่าเจ็ด
ทว่าตอนที่มองแก่นพลังทองชัดๆ เสิ่นเทียนก็หน้าดำทะมึน
นะ…นี่ก็เรียกว่าแก่นพลังทองด้วยรึ
…………………………………………