บทที่ 307 เขตทะเลอัปมงคลต้องสาป
กลางยอดค่ายกล หมอกเบิกฟ้าหนาแน่นหมุนม้วนไม่หยุด
นี่คือพลังน่าสะพรึงอย่างหนึ่ง แม้แต่พลังฤทธิ์ของผู้อริยะปะทะใส่แล้วยังถูกแยกและกลืนกิน
เล่าลือว่าเกาะดาราเบิกฟ้าแห่งนี้ไม่ใช่แดนลับที่กำเนิดขึ้นในห้าดินแดนโลกข้างล่าง แต่เป็นดาวต่างแดนที่ถูกทำลายและตกลงมา
ยังมีอีกคำอธิบายหนึ่ง บอกว่าเกาะดาราในยอดค่ายกลเบิกฟ้านี้เป็นแดนลับที่ตกมาจากโลกเซียน
สรุปไม่ว่าเกาะดาราเบิกฟ้ากับยอดค่ายกลเบิกฟ้ามีที่มาอย่างไร มันก็อยู่ระดับสุดยอดในห้าดินแดน เป็นแดนต้องห้ามของทะเลอุดร
มีเพียงคนที่ได้รับการยอมรับจากเผ่าปีศาจสูงสุดต่างๆ ในทะเลอุดรเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์เข้าไปล่าสมบัติในแดนลับนี้
แน่นอน นี่ก็เพราะมีแดนลับแห่งนี้อยู่ เผ่าพันธุ์อย่างเกาะมังกรดำและคุนสุญตาถึงได้พัฒนาขึ้นและยิ่งใหญ่ขึ้นทุกคืนวัน
ตอนนี้ยอดค่ายกลเบิกฟ้าเริ่มแตกออกเป็นส่วนใหญ่ หมอกเบิกฟ้าที่ปกคลุมส่วนนอกในตอนแรกเกิดรูชัดเจนขึ้น
มองผ่านรูพวกนี้จะเห็นน้ำทะเลสีฟ้าสดในยอดค่ายกลเบิกฟ้า รวมถึงเกาะเซียนต่างๆ ที่ลอยอยู่กลางทะเล ทุกเกาะเอ่อล้นไปด้วยพลังวิญญาณ มีว่านแปลกดอกไม้มหัศจรรย์และผลไม้วิญญาณพืชเซียนเติบโตเต็มไปหมด
ข้างๆ ว่านแปลกดอกไม้มหัศจรรย์และพืชเซียนพวกนั้น ยังมีสิ่งมีชีวิตน่ารักๆ กำลังเล่นกันอยู่มากมาย
บนพื้นหญ้ามีกระต่ายขาวกำลังกินหญ้า บนกิ่งไม้มีนกกางเขนกำลังหวีขน บนชายหาดมีเต่าดำน้อยกำลังอาบแดด ในทะเลมีลูกปลากำลังผสมพันธุ์…
ทิวทัศน์ในดินแดนอุดมคติมีความสุขกลมเกลียวกัน ทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกอบอุ่น
“บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ทั้งสองท่านไม่ใช่โอรสสวรรค์ดั้งเดิมของทะเลอุดร อาจจะไม่ค่อยเข้าใจเกาะดาราเบิกฟ้าเท่าไร”
ผู้อาวุโสเผ่ามังกรแนะนำ “ตอนที่ทุกท่านผจญภัย จะต้องจำสามสิ่งสำคัญดังนี้
ข้อหนึ่ง ถึงยอดค่ายกลเบิกฟ้าจะเปิด มีรอยแตกภายนอก แต่ก็จะคงอยู่เพียงหนึ่งปี เมื่อใกล้จะครบหนึ่งปี ทุกท่านต้องออกมาจากยอดค่ายกลให้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นยอดค่ายกลเบิกฟ้าจะประกบกันอีกครั้ง ถูกขังอยู่ในนั้น ต่อให้เทพเซียนออกหน้าก็ช่วยทุกท่านไม่ได้”
ฉีเซ่าเสวียนอึ้งไปเล็กน้อย
เขามองสิ่งมีชีวิตในเกาะดาราเบิกฟ้านั้นพลางถาม “แต่ในเกาะดาราเบิกฟ้าก็มีสิ่งมีชีวิตอยู่ไม่ใช่หรือ”
ผู้อาวุโสเผ่ามังกรมองฉีเซ่าเสวียนด้วยแววตาแสงอ่อนทีหนึ่ง “สิ่งมีชีวิตพวกนั้น ก็คือโอรสสวรรค์ที่ออกจากเกาะดาราไม่ทัน”
ซี้ด~
น่าขนลุก!
ผู้อาวุโสเผ่ามังกรพูดจบก็เหมือนเกิดไอเย็นขึ้นบนพื้นราบ
ทุกคนมองไปยังเกาะดาราเบิกฟ้าไร้พรมแดนนั้นอีกครั้ง นัยน์ตามีความหวาดกลัวขึ้นมาพร้อมกัน
หากออกจากเกาะดาราเบิกฟ้าไม่ทันก็จะกลายเป็นสัตว์น้อยพวกนี้ในนั้น เสียสติปัญญาไปทั้งหมดรึ
คำสาปเช่นนี้ แปลกและอัปมงคลไปหน่อยหรือไม่!
ผู้อาวุโสเผ่ามังกรพูดเสริม “ในเกาะดาราเบิกฟ้า สิ่งที่เป็นข้อห้ามที่สุดคือจิตใจถูกครอบงำด้วยความโลภ การผจญภัยทุกครั้งจะมีโอรสสวรรค์ไม่ยินยอม พวกเขาส่วนมากได้ทรัพยากรมาเยอะแล้ว แต่ยังไม่พอใจ เดือนสิบสองแล้วก็ยังทำใจกลับออกมาไม่ได้
รอจนยอดค่ายกลเบิกฟ้าเริ่มฟื้นฟู คนพวกนั้นอาจจะถูกขังอยู่ในนั้น ตอนนั้นข้าก็มีสหายไม่น้อยที่โดนสาปเพราะเช่นนี้ไปตลอดกาล”
คุณชายไป๋แห่งเผ่าเทพหมึกยักษ์พยักหน้าด้วยความกลัว “ในเผ่าข้าก็มีผู้อาวุโสหลายคนถูกขังในยอดค่ายกลเบิกฟ้า ไม่ได้ออกมาอีกเลย”
ผู้อาวุโสเผ่ามังกรพยักหน้า “ดังนั้นข้าจึงขอเสนอให้ทุกท่าน ก่อนเดือนเก้าจะผจญภัยเข้าไปในส่วนลึกของเกาะดาราได้เต็มที่ แต่หลังจากเดือนเก้าให้เริ่มเตรียมตัวกลับ หาโชคลิขิตเล็กๆ น้อยๆ รอบนอกเกาะดาราก็พอ! เทียบกับโชคลิขิตพวกนั้นแล้ว ชีวิตของทุกท่านสำคัญกว่ามาก!”
เสิ่นเทียนพยักหน้า “ขอบคุณผู้อาวุโสที่เตือน”
ผู้อาวุโสมองเสิ่นเทียนด้วยความปลื้มใจ ก่อนจะพูดต่อ “ข้อสองนี้ ก็คือในยอดค่ายกลเบิกฟ้าจะมีหมอกเบิกฟ้าเบาบางวนเวียนอยู่เช่นกัน
อีกทั้งยิ่งเข้าไปส่วนลึกของค่ายกล หมอกเบิกฟ้าพวกนี้ก็จะปรากฏถี่มากขึ้น กระทั่งล้อมรอบทั้งเกาะทะเล ทุกคนพยายามเลี่ยงหมอกเบิกฟ้าพวกนั้นให้มากที่สุด ไม่เช่นนั้นหากมันแทรกซึมเข้าไปในร่างกาย จะกัดกินแก่นพลังสำคัญอย่างรุนแรง
อย่างเบา พลังปราณเดิมบาดเจ็บหนักต้องตัดมือตัดเท้ารักษาชีวิต อย่างหนักถึงขั้นอาจจะถูกแยกชิ้นส่วน นอกจากนี้ สิ่งมีชีวิตพวกนั้นในยอดค่ายกล ทุกคนอย่าคิดนำออกมา เพราะพวกเขาต้องคำสาปแล้ว หากออกจากเขตทะเลเบิกฟ้าแห่งนี้ ร่างจะกลายเป็นอากาศธาตุทันที”
ในยอดค่ายกลเบิกฟ้ามีหมอกเบิกฟ้าปรากฏด้วยหรือ
นี่ไม่ใช่ข่าวดีเลย เพราะหมายความว่าในระหว่างการผจญภัยจะต้องระวังการคุกคามจากหมอกเบิกฟ้าตลอดเวลา
ถึงอย่างไร นี่ก็เป็นพลังงานน่าสะพรึงที่คุกคามถึงผู้อริยะได้
…….
ผู้อาวุโสเผ่ามังกรพูดต่อ “ข้อสาม สิ่งมีชีวิตพวกนั้นในยอดค่ายกลเบิกฟ้าไม่ได้อ่อนโยนอย่างที่พวกเจ้าเห็น ทุกท่านเข้าไปผจญภัยในยอดค่ายกลเบิกฟ้า เก็บเกี่ยวว่านวิญญาณผลไม้วิญญาณจะต้องระวังตัวไว้ด้วย ห้ามทำเรื่องบุ่มบ่ามเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะยั่วให้สิ่งมีชีวิตในเกาะโจมตีสุดชีวิต กระทั่งอาจจะเกิดคลื่นสัตว์น่าสะพรึงได้”
คุณชายเต่าดำอู่อู๋ตี๋ยิ้ม “เจ้าพวกนั้นตัวเล็กนิดเดียว จะทำอะไรข้าได้”
เขามีเกราะเต่าดำสองด้าน กระดองเต่าสองชั้น การป้องกันสองชั้น จึงมั่นใจในการปกป้องชีวิตของตนมาก
ผู้อาวุโสเผ่ามังกรมองอู่อู๋ตี๋ด้วยดวงตามืดหม่นพลางพูดอย่างเฉยชา “สิ่งมีชีวิตพวกนั้นแปลงร่างมาจากโอรสสวรรค์รุ่นก่อน ถึงพวกเขาจะถูกลบสติปัญญาไปแล้ว แต่ระดับพลังกับกำลังรบแทบจะเก็บเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
หากเจ้าทำอะไรที่มันเกินไป ไม่แน่ว่าอาจจะมีกระต่ายหลายสิบตัวใช้วิชา ‘กรงเล็บมังกรฟ้า’ ถีบเจ้า หรืออาจจะมีนกกระจอกหลายร้อยสำแดง ‘โลหิตมรกตส่องดอกตันเกย’ จิกเจ้าจนตายก็ได้ สรุป อย่าวางใจเพราะภายนอกของสิ่งมีชีวิตพวกนี้เด็ดขาด พวกมันอันตรายกว่าที่เห็นมาก!”
ตอนที่เอ่ยถึงตรงนี้ ในแววตาผู้อาวุโสมังกรท่านนี้ฉายแววหวาดกลัวเสี้ยวหนึ่ง
เหมือนนึกถึงอดีตที่ไม่อยากหันไปมองบางอย่าง
เสิ่นเทียนพยักหน้า “ผู้อาวุโสวางใจเถอะ แซ่เสิ่นจะดูแลสหายฉีกับพวกเอ๋าอูอย่างดีเอง”
ดูแล?
แซ่ฉีต้องให้เจ้ามาดูแลรึ
หมายความว่าอย่างไร คิดว่าแซ่ฉีเป็นเด็กสามขวบหรือ
ฉีเซ่าเสวียนทำเสียงขึ้นจมูก “แซ่ฉีทุบแก่นเป็นดรุณแล้ว ดูแลตัวเองได้! อีกทั้งแซ่ฉียังมีมหาดวงชะตาอยู่ข้างกายมาตลอดในแดนลับทุกแห่ง ไม่เจออันตรายหรอก! สหายเสิ่นดูแลพวกองค์หญิงเผียนเซียนก็พอ!”
อ้อ ฟังจากความหมาย เหมือนว่าเจ้านี่จะไม่ยอมแพ้อยู่นิดๆ นะ
เสิ่นเทียนมองฉีเซ่าเสวียนพลางครุ่นคิด ส่วนฉีเซ่าเสวียนหันศีรษะชำเลืองตามองไปอีกทางอย่างโอหัง
แม้ตอนนี้จะมีกำลังรบระดับเดียวกัน แต่ฉีเซ่าเสวียนก็รู้สึกว่าตนด้อยกว่าเสิ่นเทียนแค่นิดเดียว
แต่กำลังรบก็ส่วนของกำลังรบ ดวงชะตาก็ส่วนของดวงชะตา!
ฉีเซ่าเสวียนมีกำลังรบสู้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์พวกนั้นไม่ได้เลย แต่ก็มีมหาดวงชะตามาแต่กำเนิด
มองแค่เกราะนักรบ ง้าวมังกรบนตัวเขาก็เป็นของล้ำค่าในอาวุธอริยะแล้ว ทั้งยังฝึกควบมรดกคัมภีร์จักรพรรดิหลายอย่าง
ดวงชะตาของแซ่ฉีอยู่ระดับของบุตรแห่งโชคแน่นอน
อะไรคือ ‘แซ่เสิ่นจะดูแลสหายฉีอย่างดี’ กัน
คิดว่าข้าฉีเซ่าเสวียนไร้เกียรติรึ
……..
หลังจากการเตรียมตัวช่วงแรกแล้ว โอกาสก็สุกงอมเช่นกัน
เสิ่นเทียน ฉีเซ่าเสวียน เอ๋าอู สี่คุณชายใหญ่และอวี้เผียนเซียนอาศัยจังหวะที่ยอดค่ายกลเบิกฟ้าเกิดระลอกคลื่นอีกครั้ง มุ่งหน้าไปกลางรอยแยกเบิกฟ้านั้นพร้อมกัน
หมอกรอบยอดค่ายกลเบิกฟ้าหนามาก ลำพังแค่หมอกเบิกฟ้าที่หมุนม้วนนั้นก็หนาหลายพันจั้งแล้ว
พวกมันหมุนตลบเหมือนกับชั้นเมฆเป็นกลุ่มก้อน
เพียงแต่ไม่ใช่สีขาว แต่เป็นสีสันที่ใช้คำพูดมาบรรยายไม่ได้
อยู่ระหว่างสีขาวกับสีเทา ให้ความรู้สึกที่น่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง
เหมือนว่าขอแค่เข้าใกล้มันก็จะเสียความเป็นตัวเอง กลับไปเป็นหมอกเบิกฟ้าใหม่อีกครั้ง
แม้ยอดค่ายกลเบิกฟ้าจะแตกแล้ว แต่ตอนที่ทุกคนกระโดดข้ามรอยแยกก็ยังคงตกใจจนเนื้อเต้น
นี่ไม่ใช่ว่าขี้ขลาด แต่เป็นความยำเกรงและหวาดกลัวดั้งเดิมที่สุดของสิ่งมีชีวิตที่ถือกำเนิดมาหลังฟ้าต่อกลิ่นอายเบิกฟ้า
การข้ามรอยแยกค่ายกลไม่ง่าย ต้องรับแรงกดดันรุนแรง
ระยะทางเพียงแค่หลายพันจั้ง ทุกคนต้องใช้เวลาครึ่งกว่าชั่วยามกว่าจะฝ่าเข้าไปได้สำเร็จ
เหมือนกับทะลวงเยื่อบางที่มองไม่เห็นชั้นหนึ่ง พลันรู้สึกเปิดโล่งขึ้นมา เหมือนเข้าไปในโลกใหม่
นี่คือเขตทะเลกว้างใหญ่ไพศาล ท้องนภากับมหาสมุทรเป็นสีฟ้าสดจนเหมือนกับอัญมณี บนฟ้ามีดวงตะวันดวงหนึ่ง สียังเป็นสีเบิกฟ้า แผ่กระจายคลื่นพลังงานแก่กล้าออกมา
วิชาในกายเสิ่นเทียนโคจรขึ้นมาเอง พบว่าระดับความเข้มของพลังวิญญาณรอบตัวสูงกว่ายอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์หลายสิบเท่า
นี่หมายความอย่างไร
หรือก็คือหากผู้ฝึกบำเพ็ญระดับหลอมปราณหรือสร้างฐานฝึกบำเพ็ญที่นี่ หนึ่งวันก็แทบจะเท่ากับหลายสิบวันบนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์
หากเปลี่ยนเป็นแดนเทวา แดนผาสุกพวกนั้นไปจนถึงโลกธรรมดา หนึ่งวันเท่ากับหลายปีก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
กระทั่งยังไม่ต้องใช้ศิลาวิญญาณในการฝึกบำเพ็ญ เพราะมันไม่ช้าไปกว่าการใช้ศิลาวิญญาณเลย
แดนลับแห่งนี้ เหนือธรรมดามากจริงๆ!
“โชควาสนาจากฟ้าดิน ไม่อยากเชื่อว่าจะมีที่มหัศจรรย์เช่นนี้”
ฉีเซ่าเสวียนสวมเกราะลี้ลับมังกรดำ สูดพลังวิญญาณลึกๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะพูดปลงจากใจจริง
ถึงเขาจะมีดวงชะตาน่าตกใจ เห็นแดนล้ำค่าจนชินตา ก็ต้องยอมรับว่าเกาะดาราเบิกฟ้าแห่งนี้เหนือธรรมดามาก
เพียงแค่รอบนอกสุดยังเกินจริงเช่นนี้ หากไปถึงเขตใจกลางเกาะดาราเบิกฟ้า นั่นจะไม่สุดยอดเลยหรือ
……
ตอนนี้เองพลันมีเสียงกรีดร้องดังมาจากข้างหลัง
พบว่าจู่ๆ หมอกเบิกฟ้าข้างหลังหลั่งทะลักเข้ามา ห่อหุ้มโอรสสวรรค์เผ่าทะเลหลายคนไว้
พวกเขากำลังดิ้นรน กำลังต่อต้าน ใช้วิชาสะท้านโลกต่างๆ พากันเกิดปรากฏการณ์แสงดาบประกายกระบี่ในฟ้าดินขึ้น
ทว่าทุกอย่างไม่เป็นผล ทันทีที่ทุกการโจมตีปะทะกับหมอกเบิกฟ้าก็ถูกแยกชิ้นส่วนและละลายหายไป
อีกทั้งหมอกเบิกฟ้านั้นยังเหมือนถูกยั่วโทสะ ห่อหุ้มโอรสสวรรค์พวกนั้นอย่างมืดฟ้ามัวดิน
ไม่นาน โอรสสวรรค์พวกนั้นก็ถูกห่อหุ้มไว้กลางหมอกเบิกฟ้า
กายเนื้อพวกเขาถูกแยกชิ้นส่วนด้วยความเร็วระดับสายตามองทัน อาวุธวิญญาณ ยันต์ช่วยชีพอะไรนั่น กลายเป็นอากาศธาตุในพริบตา คนที่เห็นถึงกับขนพองสยองเกล้า
“ไม่! เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้”
“เหตุใดหมอกเบิกฟ้าพวกนี้ถึงเจาะจงข้า นี่ไม่ยุติธรรม!”
“ช่วยด้วย! ข้าคือเจ้าชายเผ่าเทพดอกไม้ทะเล ใครช่วยข้าได้บ้าง ข้าจะมอบสมบัติทั้งหมดของข้าให้เขา!”
“รีบเข้าไปเร็ว เข้าไปยังช่วยได้!”
“ข้าจะตายไม่ได้ จะตายง่ายๆ เช่นนี้ไม่ได้!”
โอรสสวรรค์หนึ่งนั้นมีสีหน้าคลุ้มคลั่ง ก่อนจะฉีกยันต์ต้องห้ามบางอย่าง
ทันใดนั้นเขากลายเป็นเศษเงาทะลวงผ่านหมอกเบิกฟ้าอย่างรวดเร็ว
ทว่าตอนที่เขาเผยรอยยิ้มที่รอดมาจากหายนะได้ หมอกเบิกฟ้าที่บดบังฟ้าบดบังดวงตะวันข้างหลังเขาก็โหมซัดสาดขึ้น มหาคลื่นน่าพรั่นพรึงกลายเป็นฝ่ามือยักษ์บี้เขาตายอยู่ในนั้น
…..
ในช่วงพริบตาสั้นๆ โอรสสวรรค์ผู้แข็งแกร่งคนนั้นกลายเป็นปลาหลีฮื้อหางแดงตัวหนึ่งตกลงมาจากฟ้า
ผิวทะเลไร้ที่สิ้นสุดเกิดฟองคลื่นขึ้นลูกหนึ่ง ก่อนจะสงบลงในเพียงไม่กี่ลมหายใจ
ราวกับว่าไม่มีผลอะไรกับทั้งมหาสมุทรและทั้งเขตทะเลเบิกฟ้าเลย
……………………………………………………