บทที่ 323 เกาะมังกรอันน่าสะพรึง
กระบี่วารีครามเข้าฝักไปแล้ว เสิ่นเทียนยืนถือกระบี่ประหนึ่งเซียนมาเยือน
ฉีเซ่าเสวียนกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย นัยน์ตามีความตกใจและจริงจัง
เพราะเขาพบว่าต้นกำเนิดชีวิตของตนถูกตัดไปส่วนหนึ่ง หรืออาจพูดได้ว่าอายุขัยถูกตัดไปส่วนหนึ่ง
แม้จะถูกตัดต้นกำเนิดชีวิตไปไม่มาก โดนตัดอายุขัยไปราวสามถึงห้าสิบปี อีกทั้งยังเติมเต็มกลับมาได้
แต่มองปัญหาจะมองแค่นี้ไม่ได้
กระบี่เมื่อครู่ของเสิ่นเทียนโยงไปถึงเขตแดนกฎเกณฑ์อันลึกล้ำอย่างยิ่ง การป้องกันของฉีเซ่าเสวียนแทบจะไม่มีผลเลย แปลกมาก
หรือก็คือเสิ่นเทียนฟันกระบี่เช่นนั้นออกมาได้เป็นสิบกระบี่ ร้อยกระบี่ เช่นนั้นฉีเซ่าเสวียนจะไม่ถูกตัดอายุขัยไปจนหมดหรือ
มิหนำซ้ำฉีเซ่าเสวียนยังไม่คิดว่ากระบี่เมื่อครู่คือขีดจำกัดของเสิ่นเทียนด้วย
แม้จะรู้จักกับเสิ่นเทียนมาไม่นาน แต่ฉีเซ่าเสวียนรู้ดีว่า เสิ่นเทียนคือผู้ดีแท้จริงที่ชอบเก็บตัวและถ่อมตัวอย่างยิ่ง
เสิ่นเทียนไม่เคยพูดวาจาทำร้ายใคร กระบี่เมื่อครู่นี้จะต้องมีความเห็นใจแน่นอน ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้ลดไปเพียงสามถึงห้าสิบปีแน่
หนึ่งกระบี่ตัดอายุขัยหลายร้อยปี เส้นผมดำกลายเป็นขาวหิมะ ทำให้ใบหน้าแดงโรยรา เดาว่าคงไม่น่าจะใช่เรื่องยากเลยสักนิด
เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉีเซ่าเสวียนก็ถอนหายใจจากใจจริง “สมกับเป็นเจ้า! สหายเสิ่น เคล็ดกระบี่เมื่อครู่นี้สมบูรณ์แบบ ไร้ร่องรอยเหมือนกับแกะห้อยเขาอยู่บนต้นไม้ ทั้งยังสุดยอดเหนือธรรมดาประหนึ่งเซียนกระบี่
นอกจากนี้ยังแฝงไว้ด้วยความหมายลึกล้ำของกฎเกณฑ์ชีวิต ตัดต้นกำเนิดชีวิตของศัตรูได้ ทำให้อายุขัยลดลงอย่างมาก น่าพิศวงจริงๆ”
ฉีเซ่าเสวียนพูดพลางมองศิลาหินเต่าดำด้านข้างเงียบๆ รู้สึกว่าตนน่าจะตระหนักได้มากกว่านี้
แม้วิชาลับนี่จะมีท่าทางดูไม่ค่อยได้ แต่ก็มีประโยชน์มาก คุ้มค่าแก่การเรียน
อย่างน้อย จากนี้ก็ยังรับสหายเสิ่นได้หลายกระบวนท่า
ตอนนี้เอง หวังเสินซวีร้องเสียงหลงมาจากอีกด้าน
“บ้าจริง เหตุใดอายุขัยข้าลดลงอีกแล้ว”
มองไปตามเสียง พบว่าตอนนี้หวังเสินซวีเส้นผมขาวราวกับหิมะ ขอบตาดำลึกและไร้ประกายวาว
และที่สำคัญกว่านั้นคือตอนนี้ทั้งตัวหวังเสินซวีเริ่มส่งกลิ่นเหม็น ทำให้เอ๋าอูที่ตอนแรกยืนอยู่ข้างกายถึงกับอุดจมูก
…..
“ปรากฏการณ์ธรรมชาติห้าโรยรา!”
ฉีเซ่าเสวียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย “อายุขัยที่เจ้านี่เหลืออยู่ใกล้จะหมดแล้ว”
ปรากฏการณ์ธรรมชาติห้าโรยราหมายถึงตอนที่ผู้ฝึกบำเพ็ญจะสิ้นอายุขัย รอบตัวจะแผ่ ‘กลิ่นอายมรณะ’ ที่เป็นปฏิปักษ์กับ ‘กลิ่นอายชีวิต’ ออกมา
ขณะเดียวกันร่างกายจะส่งกลิ่นเหม็นเน่า อีกทั้งยิ่งอายุขัยน้อยมากเท่าไรกลิ่นเหม็นก็จะยิ่งรุนแรงมากเท่านั้น
หวังเสินซวีอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา “ข้าเหลืออายุขัยไว้ให้ตัวเองสี่สิบปีแล้วแท้ๆ เหตุใดยังเกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติห้าโรยราอีก!”
ใช่ ไม่ผิดแล้ว!
หวังเสินซวีมุมปากกระตุกเล็กน้อย เมื่อครู่เขาสัมผัสได้ลับๆ ว่าต้นกำเนิดชีวิตถูกตัดไปไม่น้อย
หรือว่าไอกระบี่นั้นของสหายเสิ่นจะแผ่กระจายมา ทำให้ข้าโดนลูกหลงกัน
พอคิดได้ดังนั้น หวังเสินซวีก็มองเสิ่นเทียนอย่างคับอกคับใจ
ข้าอยู่ได้ไม่กี่ปี สหายเสิ่นเจ้ากลับมอบกระบี่นี้ให้ข้า นี่มันจะเกินไปแล้ว
เสิ่นเทียนมีเชาวน์ปัญญาสูงมาก เขาอ่านความเศร้าและคับอกคับใจเล็กๆ น้อยๆ จากในแววตาหวังเสินซวีออก
จึงหยิบของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานขวดหนึ่งมาจากแหวนเก็บของและส่งให้หวังเสินซวี ก่อนจะพูดขึ้น “แซ่เสิ่นเพิ่งเรียนเคล็ดกระบี่ชีวิตนิรันดร์ครั้งแรก ยังไม่ชำนาญ ตอนนี้สหายหวังเสียอายุขัยมากเกินไป บนเกาะนี้มีอันตรายอยู่ทุกที่ ฟื้นพลังปราณเดิมสักหน่อยก่อนเถอะ!”
ตอนนี้หวังเสินซวียังชำนาญในคัมภีร์วสันต์นิรันดร์ตื้นเขิน ปิดด่านบำเพ็ญสิบวันฟื้นอายุขัยได้เพียงสามปี สามสิบปีก็เท่ากับสามเดือนกว่า
ถ้าจะรอเจ้านี่เลียนแบบเต่าดำดูดซับพลังฟื้นอายุขัยหลายร้อยปีกลับมาจริงๆ เดาว่าเสิ่นเทียนคงรวมดวงจิตดรุณไปแล้ว
เพื่อแผนการในตอนนี้ จึงได้แต่ให้เจ้านี่เสพยาเอาหน้ารอดไปก่อนสองสามวัน
“สหายเสิ่นยึดมั่นในคุณธรรมจริงๆ แซ่หวังติดค้างน้ำใจเจ้าครั้งใหญ่แล้ว ภายภาคหน้าจะต้องตอบแทนสหายเสิ่นอย่างงามแน่นอน”
หวังเสินซวีก็ไม่ได้เกรงใจอะไร ตอนนี้เขาใกล้จะสิ้นอายุขัยสิ้นชีพแล้ว ถ้าจะฟื้นต้นกำเนิดชีวิตต่อเห็นทีคงไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว
ถึงอย่างไรในเขตทะเลเบิกฟ้าก็มีอันตรายอยู่มากมาย คัมภีร์จักรพรรดิท้องนภาต่างหากคือไพ่ตายเอาตัวรอดที่ดีที่สุดของหวังเสินซวี
อึกๆๆๆ~
หวังเสินซวีดื่มของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานสิบชั่งลงท้องด้วยความเสียดาย ทั้งตัวเขาพลันเปล่งแสงสว่างสีเขียวออกมา
โดยเฉพาะกลางกระหม่อม มีแสงสีเขียวสายหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้า
เขียวจนทะลุปรุโปร่ง เขียวจนฟุ้งกระจาย
นี่คือพลังงานชีวิตที่บริสุทธิ์ที่สุดและดั้งเดิมที่สุด มีประสิทธิภาพในการเติมเต็มอายุขัยของหวังเสินซวีอย่างมาก โดยเฉพาะการใช้ครั้งแรก ตอนที่ไม่มีอาการดื้อยาใดๆ จะเติมเต็มอายุขัยกลับมาจำนวนมาก
……
หวังเสินซวีนั่งขัดสมาธิลง เริ่มโคจรวิชาหลอมรวมพลังของของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานพวกนี้อย่างเต็มที่
ทางด้านฉีเซ่าเสวียนอาศัยจังหวะที่หวังเสินซวีหลอมรวมของเหลวศักดิ์สิทธิ์มานั่งใต้ศิลาหินเต่าดำเงียบๆ ใช้หางตาเหลือบมอบศิลาหินเต่าดำ
เหอะๆ แซ่ฉีบอกไปแล้วว่าท่ามันอัปลักษณ์ แต่ไม่ได้บอกว่าจะไม่เรียนสักหน่อย
ใครจะรังเกียจวิชาลับที่ฟื้นฟูต้นกำเนิดชีวิตได้กัน อย่างมากก็ปิดประตูซ่อนตัวฝึกฝนอยู่ในรัง
เวลาผ่านไปทีละนาที แสงสีเขียวที่ส่องสว่างมาจากตัวหวังเสินซวีเก็บตัวเข้าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งแสงสุดท้ายหายเข้าไปทั้งหมด
“ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานพอจะให้ข้าฟื้นอายุขัยมาได้ห้าสิบกว่าปี แต่นี่คือผลครั้งแรก”
หวังเสินซวีมองของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานขวดหนึ่งที่เหลือ เขาไม่คิดจะดื่มต่อแล้ว
เพราะเขารู้สึกว่าประสิทธิภาพของของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานกำลังลดลง ก็เหมือนกับโอสถล้ำค่าพวกนั้นที่เขาดื่มเมื่อก่อน ยิ่งดื่มก็ยิ่งไม่มีประสิทธิภาพ
ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานที่เหลือพวกนี้เก็บไว้ใช้ในยามจำเป็นดีกว่า!
ถ้าอยากจะเติมอายุขัยจริงๆ ก็ต้องนอนหมอบเลียนแบบเต่าดำ
การผจญภัยเขตทะเลเบิกฟ้าครั้งนี้จบลงเมื่อไรจะกลับไปปิดด่านบำเพ็ญตายที่แดนศักดิ์สิทธิ์ท้องนภาทันที หากไม่ฝึกคัมภีร์วสันต์นิรันดร์ถึงขั้นสูงก็จะไม่ออกด่านบำเพ็ญ
อืม ต้องเติมอายุขัยให้เต็มด้วย
เช่นนั้นนับจากนี้ไป แซ่หวังก็จะมีพลังฤทธิ์ให้ใช้แล้ว
รอครั้งหน้าแซ่หวังฝึกนภากาศมรณะชำนาญเมื่อไร ค่อยไปทำศึกตัดสินกับเจ้าคนแซ่ฉีนั่น!
แซ่หวังก็อยากจะชิงฉายาอันดับหนึ่งใต้ฟ้ากับเขาเหมือนกัน!
……….
ฉีเซ่าเสวียนกับหวังเสินซวีต่างคิดแผนของตนในใจ แต่เสิ่นเทียนกลับจ้องหน้าผากของฉีเซ่าเสวียนพลางคำนวณเวลา
พวกเขาอยู่ในแดนลับเต่าดำมาสิบกว่าวันแล้ว เหลือเวลาไม่กี่วันก็จะปรากฏโชคลิขิตของฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอู
ตามหลัก พวกมังกรยักษ์บนเกาะมังกรน่าจะสงบแล้วกระมัง!
อืม เพื่อความปลอดภัย ออกไปสำรวจก่อนดีกว่า
“สหายทั้งสามฝึกอยู่ที่นี่ไปก่อนสักสองสามวันแล้วกัน แซ่เสิ่นจะออกไปดูสถานการณ์ก่อน”
หลังจากพูดคุยกับพวกฉีเซ่าเสวียนแล้ว เสิ่นเทียนก็เก็บกลิ่นอายพลังทั้งหมดและออกจากแดนลับเต่าดำเพียงลำพัง
ทันทีที่ออกมา เสิ่นเทียนถึงกับมุมปากกระตุก
เพราะเขาพบว่ารอบๆ บึงมังกรพิษนั่นมีมังกรยักษ์วนเวียนไปมาหลายตัว ดูจากท่าทางแล้วต้องไม่ได้มาว่ายน้ำเล่นแน่
ถึงอย่างไรที่บ้าๆ แบบนี้มีอะไรให้น่าชมกัน
และในมังกรยักษ์พวกนั้นยังมีมังกรพิษเงาดำที่โดนเสิ่นเทียนทุบหัวอยู่ด้วย
ตอนนี้มันกำลังมองบึงน้ำของตน แววตามีทั้งความคับแค้นและหวาดกลัว
เจ้ามนุษย์ชั่วช้า จะแย่งสมบัติล้ำค่าจากมังกรยักษ์ตัวอื่นๆ ก็ช่างเถอะ แต่ไม่อยากเชื่อว่าจะมายึดรังดินเลนอันอบอุ่นสบายและหอมฉุยของข้า
ทั้งยังทุบตีข้า ฟันร่วงหมดปาก
เขี้ยวอันสวยงามนั้นของข้า หมดแล้ว ไม่เหลือเลย!
มังกรพิษเงาดำยิ่งคิดยิ่งโกรธ ยิ่งคิดยิ่งโมโห ถึงกับอดใจเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้าไม่ได้
ทว่ามันเพิ่งเปล่งเสียงคำรามก็กลายเป็นเสียงร้องไห้กระซิก เพราะมันเห็นบุรุษคนนั้น
ร่างเงาสีทองสว่างจ้าปรากฏขึ้นตรงหน้ามังกรพิษเงามืด กลิ่นอายพลังรอบตัวไม่มีซ่อนไว้แม้แต่นิด สว่างแสบตาดุจดั่งดวงตะวัน
“ฮือ~ ฮือๆ~ ฮือๆๆ~”
มังกรพิษเงาดำตกใจสะดุ้งไปทั้งตัว ก่อนจะหนีสวนทางกลับไป
เหมือนกลัวว่าถ้าวิ่งช้าแล้วจะโดนทุบด้วยความรักอีก
อะไร เกียรติของเผ่ามังกรรึ
ไม่มีอยู่จริงหรอก มันไม่อยากถูกทุบเป็นลูกชิ้นเนื้อมังกร
……
เสิ่นเทียนไม่กักกลิ่นอายพลังไว้อีก ก็เพื่อให้มังกรยักษ์พวกนี้หลีกทางให้
หากไม่เช่นนั้นเสิ่นเทียนไปได้สบายๆ ก็จริง แต่พวกฉีเซ่าเสวียนออกมาก็จบเห่กันพอดี
โดนมังกรยักษ์มากขนาดนี้ล้อมไว้ตรงกลางเหมือนกับห่อเกี๊ยว ต่อให้เป็นฉีเซ่าเสวียนในสภาพสมบูรณ์ก็อาจจะหนีออกมาไม่ได้
เอ๋าอูกับหวังเสินซวีสองคนนั่นยิ่งไม่ต้องพูดถึง คนแรกเป็นมังกรน้อย ไม่ทะลวงระดับผู้สูงศักดิ์ด้วยซ้ำ จะต่อต้านผู้สูงศักดิ์สวรรค์อย่างไร
ส่วนหวังเสินซวีตอนนี้ก็สมกับชื่อ ‘บุตรศักดิ์สิทธิ์ท้องนภา’ จริงๆ อ่อนแอจนเดินยังไม่มั่นคง จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงต่อสู้
ถ้าโดนมังกรยักษ์พวกนี้ปิดล้อมจริงๆ หวังเสินซวีมีเพียงสองทางเลือก ไม่แก่ตายก็โดนกัดตาย
“เฮ้อ ป๊ะป๋าเป็นห่วงแทนพวกเจ้าจริงๆ”
ด้านหนึ่งคือความรักต่อผักกุยช่าย อีกด้านคือความห่วงใยของบิดา
สุดท้ายเสิ่นเทียนตัดสินใจจะเสี่ยงเอาตัวเองล่อพวกมังกรยักษ์ไป แม้ความจริงจะไม่ค่อยเสี่ยงเท่าไรก็ตาม
เสิ่นเทียนเรียกสมบัติออกมาจากแหวนเก็บของทีละชิ้น ลอยอยู่กลางอากาศ แผ่กลิ่นอายงดงามดั่งเทพแบบพิเศษออกไป
ทันใดนั้น เสิ่นเทียนรู้สึกได้ชัดว่ามีสายตาเร่าร้อนและคลุ้มคลั่งมองมาทางตน
สายตาเช่นนี้เต็มไปด้วยการรุกรานและจู่โจม นั่นคือความปรารถนาดั้งเดิม
เสิ่นเทียนรู้ว่ามังกรยักษ์พวกนี้อยากจะฉีกตน
จากนั้นเอาสมบัติของตัวเองคืนไป
“เหอะๆ เก่งจริงพวกเจ้าก็มากัดข้าสิ!”
เสิ่นเทียนเก็บสมบัติทั้งหมดเข้าไปในแหวนเก็บของ ก่อนจะกางปีกเทพทองคำข้างหลังทันที
ฟู่~
ปรากฏการณ์คุนเผิงลอยขึ้นกลางฟ้าดิน
ปีกเทพทองคำพลันขยับปีก หลอมรวมกับมวลอากาศในพริบตา
ทั้งตัวเสิ่นเทียนกลายเป็นแสงทองสายหนึ่งบินไปหมื่นจั้ง เร็วจนแทบจะมองเห็นไม่ชัด
บรู้ว~
โฮก~
กรรซ์~
แฮ่~
…….
เมื่อเห็นเผ่ามนุษย์ชั่วช้าปรากฏตัวยั่วยุเช่นนี้ มังกรยักษ์พวกนั้นจะทนไหวได้อย่างไร
มังกรยักษ์ทั้งหมดเงยหน้าคำราม ก่อนจะไล่ตามเสิ่นเทียนกันไป
ในนั้นยังมีมังกรเทียบเท่าจุดสูงสุดผู้สูงศักดิ์สวรรค์ ความเร็วถึงขนาดตามเสิ่นเทียนทัน
ถึงอย่างไรเสิ่นเทียนก็เป็นเพียงผู้ฝึกบำเพ็ญระดับกายทองตัวเล็กๆ ความต่างในด้านระดับพลังชัดเจนเกินไป
ดีที่เสิ่นเทียนมีข้อได้เปรียบที่ชัดเจนมากเช่นกัน นั่นคือเขาแทบจะไม่มีข้อเสียเลย ไม่ว่าจะทะเลบกอากาศรวมถึงใต้ดินก็ไปได้ทุกที่
เจ้าตามข้าบนฟ้า ปิดล้อมได้ทุกทางหรือ
เช่นนั้นข้าก็จะวิ่งบนพื้น ไม่ไหวจริงๆ ค่อยมุดลงใต้ดิน
ซ่อนกลิ่นอายพลังต้นกำเนิดไว้ ก็ไม่มีใครพบแล้ว
เคลื่อนไหวแบบนี้ไป ไร้ความเห็นใจเช่นนี้ไป และไร้ยางอายเช่นนี้ไป!
การไล่ล่าอย่างบ้าคลั่งดำเนินไปสามวันติดกัน พวกมังกรยักษ์ไม่ใช่แค่คุกคามถึงเสิ่นเทียนไม่ได้ แต่ยังโดนเสิ่นเทียนกวาดสมบัติไปอีกไม่น้อย
สุดท้าย กดดันจนพวกมังกรยักษ์ได้แต่หยุดมือและพากันกลับบ้าน
ถึงอย่างไรไล่ตามก็ไล่ไม่ทัน สู้ตัวต่อตัวก็อาจจะสู้ไม่ไหว ผนวกกับเจ้าหนูนี่ ‘อำพรางตัว’ ได้ตลอดเวลา
แล้วจะไล่ล่าอย่างไร
ไล่ล่าไม่ได้เลยเข้าใจหรือไม่!
ตอนนี้พวกมังกรยักษ์ได้แต่สวดภาวนาให้เจ้านี่ออกจากเกาะมังกรเร็วๆ
เช่นนั้น ทุกคนจะได้ใช้ชีวิตกันอย่างสงบ
สามวันนี้เสิ่นเทียนมีชีวิตที่ดีมาก โดนฝูงมังกรยักษ์ระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ไล่ล่าตลอด ทำให้วิชาคุนเผิงของเขาพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เขาใช้วิชาคุนเผิงกระตุ้นทองคำเซียนปีกษาทำให้เทียบเท่ากับคุนเผิงแท้จริงได้แล้ว ความเร็วสูงจนผู้สูงศักดิ์สวรรค์ยังตัวสั่น
บุรุษ ก็ต้องเร็ว!
เสิ่นเทียนขยายผลคำพูดนี้ถึงขีดจำกัดแล้ว!
แน่นอนว่าเสิ่นเทียนก็ใช่ว่าจะไม่เคยเจออันตรายเลย ในสามวันนี้มีครั้งหนึ่งที่เขาเข้าใกล้ใจกลางเกาะมังกรโดยไม่ได้ตั้งใจ
ตอนนั้นเขาสัมผัสได้ถึงอันตรายถึงแก่ความตายอย่างแท้จริง
กรงเล็บมังกรบดบังฟ้าขนาดหลายพันจั้งยื่นมาจากอากาศ แทบจะบดบังทั้งผืนฟ้า
เมื่ออยู่ต่อหน้ากรงเล็บมังกรนี้ เสิ่นเทียนรู้สึกว่าตนอ่อนแอเหมือนกับมดตัวหนึ่ง
หากไม่ใช่เพราะเขามุดดินเร็วพอและยังเก็บกลิ่นอายพลังไปในทันทีละก็
ก็อาจจะได้มอบเนื้อร้อยกว่าชั่งนี้ไปให้แล้ว
และนี่ ทำให้เสิ่นเทียนเกิดความยำเกรงต่อเกาะมังกรนี้ขึ้นมาอย่างลึกซึ้ง
เกาะที่ดูเหมือนรกร้าง ไม่ได้ง่ายเหมือนที่เขาคิดไว้เลย
……
มังกรยักษ์ระดับผู้อริยะที่ยังคงอยู่ตรงเขตใจกลางพวกนั้นมีสติปัญญาสูงส่งหรือไม่กันแน่ เหตุใดถึงอยู่แต่ส่วนลึกสุดไม่เคยออกมาเลย
กำลังเฝ้าอะไรอยู่กัน
หรือว่า จะโดนของต้องห้ามบางอย่างผนึกเอาไว้
ซี้ด แค่คิดก็น่ากลัวสุดขีดแล้ว!
……………………..