บทที่ 348 ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ฟ้าคราม แตงใหญ่พันปี (2)
นอกจากสี่อัจฉริยะเทพสวรรค์แล้ว ผู้อาวุโสแกนหลักของกลุ่มสวรรค์พิทักษ์อย่างกุ้ยกงกง ซ่งฟู้กุ้ย หลิวไท่อี่ เจินจื้อเจี่ย สยงเหมิ่งและพวกฉินเกาย่อมอยู่ในนั้นด้วย
คนพวกนี้ปกติจะเป็นผู้จงรักภักดีของเสิ่นเทียน ช่วงที่เสิ่นเทียนไม่อยู่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ได้พวกเขาคอยดูแลสถานการณ์มาตลอด
และภายใต้การช่วยของมหาโชคลิขิตอย่างหอคอยเทพสงครามและชาตระหนักรู้ ทำให้ศักยภาพและระดับพลังของคนพวกนี้พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
เดิมทีดวงชะตาและพรสวรรค์ของคนพวกนี้ ชาตินี้ก็อาจจะไม่มีโอกาสรวมแก่นพลังทองด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เพิ่งผ่านไปปีเดียว พวกซ่งฟู้กุ้ยและหลิวไท่อี่ต่างอยู่ในช่วงรวมแก่นอย่างสมบูรณ์แล้ว
กุ้ยกงกงกับฉินเกายังฝึกคัมภีร์มารสู่สุริยันไปถึงระดับสูงสุด ควบแน่นแก่นพลังทองไปถึงหกรอบแล้ว
แม้จะมีเพียงหกรอบ แต่ก็อาศัยความเร็วเหนือชั้นกับวิชากระบี่แปลกประหลาด ทำให้สองคนร่วมมือกันแล้ว แม้แต่จ้าวเฮ่าในระดับแก่นพลังทองแปดรอบยังรับมือไม่ได้
มองไปทั้งดินแดนบูรพาจนถึงห้าดินแดน คนพวกนี้ถือว่าเป็นโอรสสวรรค์ที่โดดเด่นอย่างยิ่ง
ตอนนี้ทุกคนเดินเข้ามาอย่างองอาจห้าวหาญ นั่นเรียกว่าความมั่นใจในตนเอง!
“องค์ชาย ในที่สุดท่านก็ออกด่านบำเพ็ญแล้ว!”
กุ้ยกงกงสวมชุดคลุมยาวสีแดงตัวใหญ่ มองเสิ่นเทียนด้วยความเป็นห่วง “การปิดด่านบำเพ็ญครั้งนี้ ทุกอย่างราบรื่นดีหรือไม่”
เสิ่นเทียนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ยกระดับพลังได้บ้าง เพิ่งสำเร็จกายทองแปดรอบ หากไม่มีอะไรผิดพลาด จบการผจญภัยครั้งนี้ก็จะเตรียมทะลวงพลังแล้ว”
กายทองแปดรอบรึ
ทุกคนอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะมองหน้ากัน!
บุตรศักดิ์สิทธิ์เพิ่งว่าอะไรนะ มั่นใจนะว่ากายทองแปดรอบ ไม่ใช่แก่นพลังทองเก้ารอบน่ะ
แม้พวกเขาจะไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าห้าดินแดนจะมีใครทะลวงกายทองเก้ารอบสำเร็จ แต่นี่คือปรมาจารย์สวรรค์เชียว!
หากบอกว่าโลกนี้มีใครที่ทะลวงกายทองเก้ารอบได้จริงๆ เช่นนั้นก็คงเป็นท่านปรมาจารย์สวรรค์!
กายทองแปดรอบก็จะทะลวงพลัง นี่ต่ำเกินไปกระมัง!
ซ่งฟู้กุ้ยกับหลิวไท่อี่มองหน้ากัน คนแรกเผยรอยยิ้มเหมือนมีความคิดบางอย่าง
ซ่อนพลัง!
ต้องซ่อนพลังแน่ๆ!
ท่านปรมาจารย์สวรรค์ชอบทำอะไรเงียบๆ มาตลอด เห็นๆ อยู่ว่ามีพรสวรรค์ที่ไม่มีใครทัดเทียมได้ แต่กลับไม่ให้ป่าวประกาศ
แต่ซ่งฟู้กุ้ยคิดว่าตนเป็นผู้อาวุโสใหญ่ของกลุ่มสวรรค์พิทักษ์ก็น่าจะรู้ใจสวรรค์ ระดับพลังของท่านปรมาจารย์สวรรค์ไม่ได้หยุดอยู่แค่กายทองแปดรอบแน่นอน
เพราะหากเป็นเพียงกายทองแปดรอบ ท่านปรมาจารย์สวรรค์ผู้ภาคภูมิจะไม่เตรียมทะลวงระดับนิพพาน แต่จะตกตะกอนต่อไป
ในเมื่อท่านปรมาจารย์สวรรค์พูดปาวๆ ว่าเขาเตรียมทะลวงพลัง เช่นนั้นจะต้องไม่ใช่แค่กายทองแปดรอบ!
อย่างน้อยก็ต้องกายทองเก้ารอบ กระทั่งบางทีอาจจะเป็นสิบรอบ!
อะไร ตามทฤษฎีกายทองบอกไว้ว่าสูงสุดแค่เก้ารอบ ไม่มีสิบรอบอะไรนั่นไม่ใช่รึ
นั่นคือขีดจำกัดของคนธรรมดา ท่านเซียนเป็นคนธรรมดารึ
นี่คือตัวเอกแห่งยุค ไม่มีขีดจำกัด!
‘แต่ในเมื่อท่านเซียนประกาศเองว่าตนอยู่กายทองแปดรอบ บางทีอาจจะใคร่ครวญเอาไว้แล้ว คนฉลาดควรรู้จักการสังเกตสิ่งในใจผู้อื่น ไม่ควรพูดในสิ่งที่ไม่ควร’
เถ้าแก่ซ่งแอบวางแผนในใจ ก่อนจะเดินตามข้างกายเสิ่นเทียนอย่างว่าง่าย
…..
เสิ่นเทียนมองจ้าวเฮ่าแล้วตาเป็นประกายขึ้นมา
เขากระแอมไอเบาๆ “ระดับพลังของศิษย์น้องจ้าวลึกล้ำขึ้นทุกคืนวัน น่ายินดีจริงๆ”
จ้าวเฮ่าเกาศีรษะก่อนพูดอย่างเขินอาย “ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์พูดเล่นแล้ว ระดับพลังอันน้อยนิดของข้าเทียบกับศิษย์พี่แล้วไม่มีค่าให้เอ่ยถึงจริงๆ หากไม่ได้ปีศาจเปลวไฟบนเกาะมหานทีให้กำเนิดผลึกวิญญาณเพลิงพิเศษชนิดหนึ่งออกมา เพิ่มศักยภาพของผู้ฝึกบำเพ็ญธาตุไฟอย่างสูง ข้าคงทะลวงพลังไม่ได้เร็วเช่นนี้”
ผลึกวิญญาณเพลิงรึ
เสิ่นเทียนผงะไปเล็กน้อย “นั่นคืออะไร”
จ้าวเฮ่าข้างกายยังไม่ทันอธิบาย เถ้าแก่ซ่งก็ส่งม้วนหยกที่เตรียมไว้อย่างดีมาตรงหน้าเสิ่นเทียนด้วยความว่องไว “ท่านปรมาจารย์สวรรค์ นี่คือข้อมูลเกี่ยวกับเกาะมหานที”
หลิวไท่อี่มุมปากกระตุกเล็กน้อย กระทืบเท้าด้วยความเสียดาย!
เขาก็ว่าแล้ว!
หลายวันมานี้ตาแก่ซ่งเอาม้วนหยกออกมาบันทึกอะไรบางอย่าง ทั้งยังกลัวเขาเห็น
ที่แท้ก็คิดจะประจบคนเดียวนี่เอง!
หลักแหลม หลักแหลมยิ่งนัก!
ในเมื่อให้กำเนิดหลิวไฉนต้องให้กำเนิดซ่ง ในเมื่อให้กำเนิดหลิวไฉนต้องให้กำเนิดซ่งด้วย!
เสิ่นเทียนปลื้มใจกับความรอบด้านของเถ้าแก่ซ่งมาก ทัดเทียมกับกุ้ยกงกงเลย
หากไม่ใช่เพราะนี่อยู่ในสำนักฝึกบำเพ็ญเซียน ไม่ใช่ราชวงศ์ธรรมดา คนสนิทรู้ใจอย่างเถ้าแก่ซ่งจะต้องได้เลื่อนขั้นเป็นผู้ดูแลในวังอย่างแน่นอน
เสิ่นเทียนเก็บความคิดก่อนจะเริ่มอ่านเนื้อหาในม้วนหยก
ถึงเกาะมหานทีจะเพิ่งปรากฏมาไม่นาน แต่สำหรับขุมอำนาจใหญ่ที่มาเยือนในตอนนี้ ก็ยังมีแรงดึงดูดที่ค่อนข้างมาก
ก่อนอื่น บนเกาะนี้ซ่อนปีศาจเปลวเพลิงที่เกิดขึ้นจากการรวมพลังวิญญาณธาตุไฟไว้จำนวนมาก มหัศจรรย์ยิ่ง
พวกมันเคลื่อนพลังวิญญาณธาตุไฟที่เอ่อล้นบนเกาะให้โจมตีอย่างบ้าคลั่งได้
หากสังหารปีศาจเพลิงพวกนี้ได้ ก็จะได้ผลึกวิญญาณเพลิงชนิดหนึ่ง
หินผลึกที่มหัศจรรย์อย่างยิ่งนี้ รวมขึ้นจากต้นกำเนิดวิญญาณธาตุไฟที่บริสุทธิ์ที่สุด มีประโยชน์มากมาย
ไม่ว่าจะหลอมรวมพลังงานในนั้นมาเพิ่มระดับพลังหรือใช้เป็นวัตถุดิบเสริมในการหลอมโอสถหรือหลอมอาวุธ ก็มีประสิทธิภาพที่ไม่ธรรมดา
กระทั่งที่จ้าวเฮ่ารวมแก่นพลังทองแปดรอบได้เร็วเช่นนี้ ในนั้นมีคุณูปการจากการหลอมรวมผลึกวิญญาณเพลิงไม่น้อย
สรุป ปีศาจเปลวเพลิงพวกนี้คืออาหารบำรุงวิเศษที่ผู้ฝึกบำเพ็ญธาตุไฟเฝ้าใฝ่หา
หากไม่ใช่เพราะปีศาจเปลวเพลิงรอบนอกอ่อนแอเกินไป แม้แต่ระดับผู้สูงศักดิ์ยังพบเห็นได้น้อย ไม่มีประโยชน์อะไรกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์และผู้อริยะละก็ เกรงว่าผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตคงอาจจะอดใจรอเสิ่นเทียนไม่ไหวและบุกฝ่าสี่ทิศไปนานแล้ว
……
นอกจากปีศาจเปลวเพลิงแล้ว ทางตะวันออกของเกาะมหานทียังมีภูเขาอัคคีชาดอีกแห่ง
ในนั้นให้กำเนิดอัคคีเทพชีพจรปฐพีที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง เป็นเพลิงระดับสูงสุดในการหลอมโอสถและหลอมอาวุธ
แม้จะเทียบกับไฟศักดิ์สิทธิ์ที่ติดในรายนามสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินอย่างอัคคีอรุณใต้ไม่ได้ แต่ในห้าดินแดนจะมีไฟศักดิ์สิทธิ์เท่าไรกันเชียว
อัคคีเทพชีพจรปฐพีในภูเขาไฟอัคคีชาดนี้ หากยกไปได้ทั้งหมด แม้แต่ผู้อริยะส่วนใหญ่ยังใจสั่น กระทั่งเกิดการแย่งชิงกัน
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีดวงชะตาไม่เลว ภายใต้การสนับสนุนจากสหายมากมาย ทำให้ได้แบ่งต้นกำเนิดอัคคีเทพไปส่วนหนึ่ง
ภายภาคหน้าหากใช้มันหลอมโอสถ ก็น่าจะเพิ่มสรรพคุณยาไปได้ไม่น้อย
ทางใต้ของเกาะมหานที ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ฟ้าครามแห่งเผ่าอสรพิษดำทะเลมรกตค้นพบเหมืองทองเทพอัคคีลับแห่งหนึ่ง ทั้งยังเป็นเหมืองแร่ระดับสูงสุด
เหมืองแร่เช่นนี้ผลิตออกมาเป็นทองบริสุทธิ์อัคคีลับได้ เป็นวัตถุดิบระดับสูงสุดในการหลอมสร้างอาวุธวิญญาณธาตุไฟ มีความสำคัญกับสำนักธาตุไฟส่วนใหญ่อย่างมาก
น่าเสียดายในเผ่าอสรพิษดำทะเลมรกตมีอสูรผู้ฝึกวิชาธาตุไฟเป็นหลักน้อยมาก เหมืองแร่นี้จึงไม่มีค่าอะไรกับเผ่าอสรพิษดำ ตอนนี้กำลังคิดจะขายมันให้กับแดนศักดิ์สิทธิ์เผ่ามนุษย์!
เล่าลือว่าผู้อาวุโสของเผ่าหงส์ดินแดนทักษิณไปหาผู้สูงศักดิ์สวรรค์ฟ้าคราม หวังจะซื้อเหมืองแร่ลับนี้ แต่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ฟ้าครามใช้ข้ออ้างมาปฏิเสธ
จากนั้นก็มีแดนศักดิ์สิทธิ์เผ่ามนุษย์อีกหลายแห่งมาจะขอซื้อสิทธิ์ส่วนหนึ่งของเหมืองแร่นี้ แต่ก็ยังโดนผู้สูงศักดิ์สวรรค์ฟ้าครามปฏิเสธ
หากไม่ใช่เพราะทุกขุมอำนาจตกลงกันก่อนบุกเบิกเกาะมหานทีว่าใครได้โชคลิขิตก่อนก็เป็นของคนนั้นละก็ ตอนนี้อาจจะเริ่มปะทะกันดุเดือดไปแล้ว
ถึงอย่างไร มูลค่าของเหมืองแร่นี้ก็สูงน่าดู
นอกจากนี้ทางตะวันตกและทางใต้ของเกาะมหานทียังพบโชคลิขิตต่อเนื่องกันอีกไม่น้อย เพียงแต่ไม่อาจเทียบกับอัคคีเทพชีพจรปฐพีกับเหมืองแร่ทองเทพอัคคีลับได้ แทบจะไม่ดึงดูดให้ผู้อริยะลงสนาม
โชคลิขิตสำคัญที่แท้จริงยังคงถูกผนึกอยู่ในวงในของเกาะมหานที!
…….
ชั่วขณะที่เสิ่นเทียนส่งพลังจิตเข้าไปในม้วนหยกและตรวจดูข้อมูลเกี่ยวกับเกาะนั้นมหานทีนั้น พลันมีเสียงเย็นชาดังขึ้นจากทางใต้ของเกาะ
“ข้าคือผู้สูงศักดิ์สวรรค์ฟ้าครามแห่งเผ่าอสรพิษดำทะเลมรกต เหมืองแร่เทพอัคคีลับอยู่ในมือข้าตอนนี้ ขุมอำนาจที่อยากจะซื้อเหมืองทองเทพอัคคีลับ ก็ให้ส่งผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตฉู่หรงเหอแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มาตรงหน้าข้า ไม่เช่นนั้นจะไม่เจรจาทุกกรณี”
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ฟ้าครามเป็นองค์หญิงของเผ่าอสรพิษดำทะเลมรกต บิดา มารดา ปู่ล้วนเป็นผู้อริยะ มีฐานะสูงส่งในเผ่าอสรพิษดำทะเลมรกต
หากไม่เช่นนั้น ย่อมไม่มีทางใช้ระดับพลังผู้สูงศักดิ์สวรรค์เล็กจ้อยตัดสินใจในการจัดการเหมืองแร่ที่สำคัญเช่นนี้ได้ ต่อให้นางเป็นคนพบเหมืองแร่ทองเทพนี้เป็นคนแรกก็ไม่มีทาง!
ตอนนี้นางใช้เหมืองทองเทพอัคคีลับเป็นรางวัล ให้ทุกขุมอำนาจส่งผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตมาให้นาง คำเรียกร้องนี้ถือว่ามากเลย
“ฟ้าคราม เจ้าจะทำเกินไปแล้ว ศิษย์พี่บัวมรกตเป็นของข้า!”
“พี่สาวฟ้าคราม เรื่องในวันนั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ขอให้ท่านอย่าสร้างความลำบากให้ศิษย์พี่เลย”
สองเสียงคุ้นหูดังขึ้น เป็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาว ไม่รู้ว่าหญิงสามคนนี้กำลังเล่นอะไรกัน
ถึงอย่างไรเสิ่นเทียนหลับตาก็สัมผัสได้รางๆ ว่ารอบนอกมีกลิ่นอายพลังที่แข็งแกร่งกำลังพุ่งขึ้นทีละสาย เหมือนเกิดความสนใจในรางวัลของผู้สูงศักดิ์สวรรค์ฟ้าคราม
แน่นอน เสิ่นเทียนได้ยินเสียงพวกนี้ได้ สัมผัสถึงกลิ่นอายพลังแข็งแกร่งพวกนี้ได้ ย่อมเป็นผลพิเศษของกายมรรคสวรรค์ประทาน
หากไม่เช่นนั้น บนเกาะมหานทีแห่งนี้ ผู้ฝึกบำเพ็ญระดับต่ำกว่าผู้สูงศักดิ์สวรรค์แทบจะไม่มีทางสัมผัสได้ไกลเช่นนี้ และยิ่งไม่มีทางได้ยินคำพูดไกลขนาดนี้
นี่คือเรื่องซุบซิบที่มีเฉพาะคนใหญ่คนโตเท่านั้นถึงมีสิทธิ์จะได้ยิน ไก่อ่อนที่ยังไม่บรรลุระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์พวกนั้นไม่มีสิทธิ์ได้ยินเลย
ตอนนี้เองพลันเกิดเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นทางตะวันตกของเกาะ
สายฟ้าสีทองพลันฉีกทำลายมวลอากาศหมื่นจั้งเป็นผุยผง น้ำวนมิติสีดำดูดน้ำทะเลไร้ที่สิ้นสุดอย่างบ้าคลั่ง
“คนแซ่จาง ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะลอบโจมตีข้า!”
“ศิษย์พี่ ท่านกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ฟ้าครามไม่ลงรอยกันมาแปดร้อยปีแล้ว ก็ควรจะคุยกันให้รู้เรื่องสักทีแล้ว”
“ไปคุยให้รู้เรื่องกับปู่เจ้าเถอะ เรื่องนั้นต้องคุยให้รู้เรื่องด้วยรึ เจ้าก็แค่ละโมบอยากได้เหมืองของนาง ใครก็ได้ช่วยด้วย! เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไร้น้ำใจไร้คุณธรรม จะขายศิษย์พี่แลกกับเหมืองแล้ว!”
“ศิษย์พี่ท่านไม่ต้องร้องแล้ว โดนโซ่เทพอัสนีกำเนิดฟ้าของข้าจับไว้ ต่อให้กายแห่งเทพมารของท่านจะแกร่งกว่านี้ก็ไม่มีทางหลุดออกมาได้”
สายฟ้าประกายเซียนสีทองลากผ่านมวลอากาศมา ประกายเซียนบนผิวกายกระเพื่อมอย่างรุนแรง โซ่ที่รวมขึ้นจากอัสนีเทพกำเนิดฟ้าพุ่งออกมาจากประกายเซียน
อีกด้านของโซ่มัดนักพรตชราในชุดเซียนสีม่วงไว้ ตอนนี้โดนสายฟ้าผ่าจนเส้นผมตั้งชี้
เขาดิ้นรนสุดชีวิตหมายจะหนีออกไป น่าเสียดาย โซ่ที่รวมขึ้นจากอัสนีเทพกำเนิดฟ้านั้นมัดเขาไว้ราวกับบ๊ะจ่าง แน่นเสียจนเขายังขยับนิ้วมือได้ยาก
“ศิษย์พี่ ข้าหวังดีกับท่าน ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ฟ้าครามมีกิจการใหญ่โต ทั้งยังห่วงใยท่านหลายครั้ง ท่านยอมเถอะ!”
……..
เสียงของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังคงเฉยชาไร้คลื่นอารมณ์ แต่คำพูดที่เอ่ยกลับทำให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์และผู้อริยะมากมายไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
แต่ก็มียอดฝีมือรุ่นเดียวกันที่เข้าใจเรื่องซุบซิบในตอนนั้นบางส่วน ตอนนี้กลับตาเป็นประกายขึ้นมา
แตงใหญ่ที่รอมาพันปีนี่ ในที่สุดก็จะได้กินแล้วรึ
บัวมรกตหนอบัวมรกต เจ้าเองก็มีวันนี้เหมือนกันรึ
ฮ่าๆ มีความสุขจริงๆ
…………………………