บทที่ 354 คัมภีร์จักรพรรดิสุริยัน สิบตะวันผ่านฟ้า
ศิลาโบราณนี้ออกเป็นสีแดงเข้มทุกส่วน เมื่อพลังวิญญาณเปลวเพลิงในทะเลสาบถูกศิลาหินดูดเข้าไปเรื่อยๆ ลายมรรคลึกลับก็ปรากฏขึ้นมาบนผิวศิลาหิน
ขณะเดียวกับที่ลายมรรคปรากฏ ยังมีภาพตะวันใหญ่สีแดงผลุบๆ โผล่ๆ บนศิลาหิน แผ่กลิ่นอายพลังแข็งแกร่งออกมา
ศิลาปรากฏขึ้นส่งเสียงดังไม่เบา ทั้งเกาะมหานทีสั่นสะเทือนเบาๆ คลื่นพลังหมุนม้วนไปหมื่นลี้!
ศิลาหินหลายพันจั้งตั้งตระหง่านกลางทะเลเพลิง เวลานี้ดึงดูดความสนใจของคนมากมาย
“นี่ หรือว่าจะเป็นศิลาหินสืบต่อมรรคที่มหาจักรพรรดิอีกาทองฝากเอาไว้”
องค์หญิงหลิงหลงมีสีหน้าตื่นตกใจ “เหตุใดถึงปรากฏมาได้ง่ายดายเช่นนี้”
ความจริงแล้วไม่ใช่แค่องค์หญิงหลิงหลงคนเดียว
ผู้แข็งแกร่งแทบจะทั้งหมดบนเกาะมหานทีตอนนี้กำลังงุนงงกันนิดๆ เพราะทุกอย่างไม่ค่อยจะสมเหตุผล เรียกได้ว่าน่าเหลือเชื่อ
ศิลาหินสืบต่อมรรคเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ยิ่ง พลังจิตของผู้แข็งแกร่งระดับฝ่าด่านเคราะห์พวกนั้นหมุนม้วนเข้ามา พวกเขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าศิลาหินนี้ไม่ธรรมดา
ภายนอกของมันประทับคัมภีร์จักรพรรดิสุริยันอันเป็นคัมภีร์จักรพรรดิสูงสุดที่มหาจักรพรรดิอีกาทองฝึกฝน อีกทั้งยังไม่ใช่ฉบับไม่สมบูรณ์แบบที่เผยแพร่ในห้าดินแดนอีก
แม้บทต้องห้ามเหมือนจะไม่ได้บันทึกไว้ในนั้น แต่วิชาจักรพรรดิอื่นๆ นอกจากบทต้องห้ามก็สมบูรณ์ครบมาก
ศิลาหินสืบต่อมรรคเช่นนี้มีมูลค่าไม่อาจประเมินได้ หากใช้ดีๆ จะเทียบเท่ากับคัมภีร์จักรพรรดิส่วนหนึ่ง
กระทั่งช่วยให้แดนเทวาชั้นนำเลื่อนเป็นขุมอำนาจระดับแดนศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงได้!
…..
ตามหลักแล้ว สมบัติสืบทอดสุดยอดที่สำคัญเช่นนี้ ไม่ควรจะจมอยู่ในทะเลสาบง่ายๆ เช่นนี้ ต่อให้ไม่เป็นของที่ฝังไปพร้อมกับมหาจักรพรรดิอีกาทองในเขตใจกลางสุสาน อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในเขตส่วนในของเกาะมหานที ได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนาสิ!
แต่ความจริงคือ บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนแค่โยนกองไฟเล็กไปกลางทะเลสาบง่ายๆ ศิลาหินก็ปรากฏขึ้น
ง่ายเสียจนไร้สหาย ไม่มีหน้าไพ่ของมรดกระดับจักรพรรดิเลย!
หากไม่ใช่เพราะอานุภาพจักรพรรดิบนผิวศิลาหินนี่เป็นของจริงแท้แน่นอน พลังจิตที่เข้ามาตรวจสอบทั้งหมดถูกแว้งกัดละก็ ผู้อริยะทุกคนบนเกาะมหานทีอาจจะคิดว่าเจ้านี่เป็นของปลอมด้วยซ้ำ!
ต่อให้ฟางฉาง จางอวิ๋นถิงและพวกจ้าวเฮ่าจะเคยได้สัมผัสกับ ‘ดวงชะตา’ ของเสิ่นเทียนมาแล้ว ตอนนี้ก็ยังคงตกตะลึงจนนิ่งอึ้งไปนิดๆ
จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงสือหลิงหลงที่เพิ่งเคยพบเสิ่นเทียนเป็นครั้งแรก ไม่เคยได้ประจักษ์ในความปาฏิหาริย์ แข็งแกร่งและทรงพลังของดวงชะตาเสิ่นเทียนจริงๆ มาก่อน
ตอนนี้ นางอ้าปากด้วยความตกใจจนหุบไม่ได้ ใบหน้างามเหม่อลอยไปนิดๆ
อืม ข้างกายนางเป็นหงส์สาวโลลิน้อยที่ไว้ผมเปียสองข้างทำหน้าแบบเดียวกัน กระทั่งยังลืมเคี้ยวผลึกไฟในปาก
ร้อยปากไม่เท่าตาเห็น คำว่า ‘ตำนาน’ นี้มีส่วนผสมใส่ไฟธรรมดามากไปจริงๆ แท้จริงอำนาจโน้มน้าวก็ไม่ได้อะไรมาก แม้จักรพรรดิสือจะเคยบอกให้สือหลิงหลงผูกมิตรกับเสิ่นเทียน องค์หญิงหลิงหลงก็ไม่ได้คิดจริงจัง จนกระทั่งได้เห็นศักยภาพและพรสวรรค์ที่แท้จริงถึงได้ยอมรับ
แต่นั่นก็แค่พรสวรรค์และศักยภาพเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าลึกๆ ในใจองค์หญิงหลิงหลงยอมรับว่าเสิ่นเทียนเป็นบุตรแห่งโชค
จนกระทั่งตอนนี้ เสิ่นเทียนแค่มาที่ริมทะเลสาบและโยนก้อนไฟไป ก็ระเบิดเป็นศิลามรดกจักรพรรดิ!
ตอนนี้ นางถึงได้เข้าใจอย่างแท้จริงว่าอะไรคือ ‘บุตรแห่งโชค’!
……
“สมบัติสุดยอด มีสมบัติสุดยอดปรากฏแล้ว!”
ผู้อริยะที่ปกคลุมอยู่กลางเปลวไฟสีแดงฉานฉีกมวลอากาศออกมายังริมทะเลสาบ
เขามองศิลาหินนี้ แววตาเต็มไปด้วยความเร่าร้อนและกระหาย ถึงอย่างไรหากเขาเดาไม่ผิด นั่นคือคัมภีร์จักรพรรดิสุริยันในตำนาน!
ต่อให้เป็นในคัมภีร์จักรพรรดิธาตุไฟทั้งหมด คัมภีร์จักรพรรดิสุริยันก็ยังอยู่สูงสุด กระทั่งมีชื่อเสียงอยู่แนวหน้าในคัมภีร์สุริยัน!
คัมภีร์จักรพรรดิส่วนนี้ไม่ได้สร้างโดยมหาจักรพรรดิอีกาทอง แต่คงอยู่ในยุคที่ยาวนานยิ่งกว่า แทบจะตรวจสอบไม่ได้
มหาจักรพรรดิอีกาทองเพียงแค่ฝึกฝนคัมภีร์จักรพรรดินี้พิสูจน์มรรคเท่านั้น อีกทั้งยังไม่ใช่แค่คนเดียว
มหาจักรพรรดิที่สำเร็จคัมภีร์จักรพรรดิส่วนนี้ ที่ตรวจสอบในประวัติศาสตร์ได้มีสามท่านขึ้นไป และที่ไม่อาจตรวจสอบได้มีมากกว่านี้
เล่าลือว่าคัมภีร์เทพยุทธ์เก้าตะวันอันเป็นมรดกประจำแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าตะวันของดินแดนกลาง ก็เป็นส่วนครึ่งแรกของคัมภีร์จักรพรรดิสุริยัน
ผู้อริยะเพลิงท่านนี้คือหนึ่งในผู้อาวุโสสูงสุดของแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าตะวัน รู้ลึกถึงความจริงของตำนานนี้สูงยิ่ง ย่อมให้ความสำคัญกับคัมภีร์จักรพรรดิสุริยันมากกว่า
ตอนนี้เขาเป็นเพียงผู้อริยะจุดสูงสุดเคราะห์ภัยที่สอง ครึ่งก้าวเพิ่งจะข้ามธรณีประตูของอริยะแท้ แต่รู้ดีว่านี่คือขีดจำกัดแล้ว เขาไม่มีทางฝ่าด่านเคราะห์ที่สามได้
แต่หากได้วิชาจากศิลาหินนี้ นำมายืนยันร่วมกับคัมภีร์เทพยุทธ์เก้าตะวัน บางทีอาจจะพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น หยั่งลึกถึงจุดที่สูงกว่า
“สหายน้อยมีดวงชะตาสูงส่งจริงๆ ไม่อยากเชื่อว่าจะพบสมบัตินี้ ไม่รู้ว่าจะมอบให้ได้หรือไม่”
ผู้อริยะเปลวเพลิงมองศิลาโบราณนี้ด้วยดวงตาเร่าร้อน ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้เสิ่นเทียน อานุภาพแข็งแกร่งอบอวลไปทั่วร่าง
เห็นได้ชัดมากว่าศิลามรดกจักรพรรดิดึงดูดความสนใจของผู้อริยะได้ ผู้อริยะจากแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าตะวันคนนี้อยากจะขอแบ่งน้ำแกงในนั้นไปสักถ้วย
หรืออาจพูดได้ว่าอาศัยจังหวะที่ผู้อริยะคนอื่นยังมาไม่ถึง ครองน้ำแกงถ้วยนี้ไว้คนเดียว!
ขณะพูดอยู่นั้น ผู้อริยะคนนี้ยื่นมือออกไปยังศิลาหินยักษ์แล้ว
ทันใดนั้นเอง พลังอริยะธาตุไฟไร้ที่สิ้นสุดก็รวมเป็นฝ่ามือสีแดงบดบังฟ้าดิน ขนาดหลายพันจั้งจับไปบนศิลาหินนั้นอย่างมั่นคง
เปรี้ยง~
พลังอริยะพลันส่งแรง มวลอากาศและแผ่นดินพังทลายลง ประกายไฟแตกกระเซ็นดั่งดาวตก
เสิ่นเทียนลากพวกสือหลิงหลงที่จะเรียกร้องความเป็นธรรม พาทุกคนถอยออกไปช้าๆ และเงียบเชียบ ทำท่าทีมีสมาธิแน่วแน่
ไม่นาน รอยยิ้มบนใบหน้าผู้อริยะเปลวไฟคนนี้ก็แข็งค้าง
เพราะเขาพบว่าไม่ว่าเขาจะออกแรงอย่างไรก็ไม่อาจขยับศิลาหินนี้ได้เลย
มันลอยขึ้นจากก้นทะเลสาบเห็นๆ แต่กลับเหมือนปักอยู่ในส่วนลึกสุดของเกาะมหานที เชื่อมกับทั้งแผ่นดินใหญ่ ไม่เขยื้อนเลย
ต่อให้ผู้อริยะเปลวไฟจะออกสุดแรงแล้วก็ยังไม่เกิดผลใดๆ
……
“ศิลาบ้านี่ ข้าจะสับเจ้า!”
เมื่อรู้สึกว่ามีผู้แข็งแกร่งเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ และยังขายหน้าต่อหน้าพวกรุ่นเยาว์อีก ผู้อริยะเปลวเพลิงจึงทั้งอับอาย โกรธและร้อนใจ
เขาตะโกนด้วยความโกรธทีหนึ่ง เปลวไฟไร้ที่สิ้นสุดพลันรวมเป็นอานุภาพดาบฟันใส่ศิลาหินนี้
เสิ่นเทียนหรี่ตาลงเล็กน้อย ลากสือหลิงหลงกับจางอวิ๋นซีถอยไปอีกครั้ง
พวกฟางฉางมองเสิ่นเทียนเป็นผู้นำย่อมไม่ถามเหตุผล แต่ตามหลังเขาไปติดๆ
ในที่สุดอานุภาพดาบก็ฟันใส่ศิลาหิน ทว่าศิลาหินกลับไม่แตก กระทั่งไม่เกิดร่องรอยแม้แต่น้อย
อานุภาพดาบร้อนแรงปะทะกับศิลาจักรพรรดิแล้วก็แตกกระจายโดยพลัน กลายเป็นเปลวไฟมากมายถูกศิลาจักรพรรดิกลืนกินไป ขณะเดียวกันยังเปล่งแสงสว่างขึ้น
ในเวลาเดียวกันนั้น ศิลาจักรพรรดิเหมือนถูกยั่วโมโหแล้ว
ภาพและอักขระบนศิลาจักรพรรดิพลันเปล่งแสงสว่างอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ภาพดวงตะวันใหญ่ดวงหนึ่งเหมือนได้ชีวิตจากเปลวไฟ กลายเป็นอีกาเทพสีแดงอมทองหลายตัวบินออกจากศิลาโบราณ
พวกมันมีไฟร้อนแรงลุกท่วมกาย พุ่งเข้าใส่ผู้อริยะเปลวไฟด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ
อีกาทองเก้าตัวเหมือนดวงตะวันเก้าดวงลอยอยู่บนฟ้า แผ่ความร้อนไร้ที่สิ้นสุดออกมา เคียงคู่กับดวงตะวันนั้นบนฟ้า
ตอนนี้ สิบดวงตะวันลากผ่านฟ้า หมายจะสังหารผู้อริยะ!
…………………….