บทที่ 361 ทุกท่าน สนใจร่วมสำรวจสุสานจักรพรรดิด้วยกันหรือไม่
ที่แท้ศิลาจักรพรรดิสืบต่อมรรคต่างหากคือกุญแจในการเปิดสุสานจักรพรรดิเกาะมหานทีที่แท้จริง
ผู้อริยะทุกคนมองศิลาจักรพรรดิด้วยความซับซ้อน ขณะเดียวกันยังมองเสิ่นเทียนที่นั่งตรงหน้าศิลาจักรพรรดิพลางถอนหายใจไม่หยุด
ได้ยินว่ามหาจักรพรรดิอีกาทองให้กำเนิดทายาทเก้าท่านเมื่อนานมาแล้ว ทุกท่านมีศักยภาพแข็งแกร่งสร้างความสั่นสะเทือนในห้าดินแดนแปดทิศ มีพรสวรรค์เป็นที่สุดแห่งยุค
ทว่าในเคราะห์ภัยครั้งหนึ่ง ทายาททั้งเก้าของมหาจักรพรรดิอีกาทองสิ้นชีพลงทั้งหมด ไม่มีแม้แต่ผู้รอดชีวิต นับจากนั้นมา มหาจักรพรรดิอีกาทองก็เดียวดายมาตลอด
เขาไม่มีผู้สืบทอด ต่อให้ในลานตระหนักมรรคจะมีข้ารับใช้และลิ่วล้อมากมาย แต่ไม่มีใครได้รับยอดวิชาของมหาจักรพรรดิอีกาทอง
จนกระทั่งตอนที่มหาจักรพรรดิอีกาทองลอยขึ้นฟ้า ก็ยังไม่มีผู้สืบทอด เหลือเพียงสุสานแห่งนี้
ตอนนี้ดูแล้ว สุสานนี้จะต้องเป็นที่ที่มหาจักรพรรดิอีกาทองใช้ตามหาผู้สืบทอดแน่นอน
ขอแค่มีคนตระหนักคัมภีร์จักรพรรดิสุริยันบนศิลาจักรพรรดินี้ถึงระดับที่แน่นอน ก็จะเปิดผนึกที่มหาจักรพรรดิอีกาทองวางไว้ได้
ศิลาจักรพรรดิสืบต่อมรรคจะเปิดออก ปล่อยต้นกำเนิดไฟแท้สุริยะที่ซ่อนอยู่ในนั้นออกมา ขณะเดียวกันผนึกของทั้งเกาะมหานทีจะเก็บกลับไปและเปิดสุสานจักรพรรดิ
ใช่ เปลวไฟสีแดงอมทองนั้นก็คือต้นกำเนิดของไฟแท้สุริยะ
แม้พลังของต้นกำเนิดกลุ่มนั้นจะไม่ได้ใหญ่มาก น่าจะเป็นส่วนเล็กที่แยกออกมาจากต้นกำเนิดไฟแท้สุริยะของมหาจักรพรรดิอีกาทอง
แต่ถึงจะเป็นแค่ส่วนเล็ก นั่นก็คือต้นกำเนิดไฟแท้สุริยะ อยู่อันดับสองในรายนามไฟศักดิ์สิทธิ์
หากมันแสดงอานุภาพออกมาอย่างเต็มที่ ก็มากพอจะทำให้ผู้อริยะระดับฝ่าด่านเคราะห์ถึงกับหนาวสั่น
หากผู้อริยะท่านนั้นได้ต้นกำเนิดไฟแท้สุริยะและหลอมรวมมันสำเร็จ ก็จะเพิ่มศักยภาพขึ้นอย่างมาก กระทั่งกำราบศัตรูได้อย่างเหนือชั้น
สามด่านเคราะห์รังแกสี่ด่านเคราะห์ ห้าด่านเคราะห์เอาชนะหกด่านเคราะห์ ไม่ยากเลยสักนิด!
เวลานี้ สายตาอิจฉาริษยามากมายมองไปที่เสิ่นเทียน
หากไม่ใช่เพราะเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังอยู่เกาะมหานที บางทีอาจจะมีผู้อริยะคิดไม่ซื่อออกมือแล้ว
ถึงอย่างไร นั่นก็คือไฟแท้สุริยะ!
เวลานี้มีเสียงซุบซิบดังขึ้นระงมกลางกลุ่มคน
“เดิมทีคิดว่าไฟแท้สุริยะกับอาวุธจักรพรรดิของมหาจักรพรรดิอีกาทองจะถูกพาขึ้นโลกเซียนไปด้วยกันเสียอีก หรืออาจจะใจกลางสุสานจักรพรรดิ ไม่นึกเลยว่าไฟแท้สุริยะจะซ่อนอยู่ในศิลาจักรพรรดิแห่งนี้”
“บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เหนือธรรมดามากจริงๆ ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็ตระหนักคัมภีร์จักรพรรดิสุริยันถึงระดับสิบดวงตะวันสมบูรณ์ ทักษะการตระหนักรู้นี่มันบ้ามาก!”
“ได้ยินว่าในตัวบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินหลายชนิด ตอนนี้ได้ไฟแท้สุริยะเพิ่มอีก นี่มันน่าเหลือเชื่อมาก”
“สิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินมีพลังงานบ้าคลั่งยิ่ง คนธรรมดาหลอมรวมสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินสองชนิดในกายก็ตัวระเบิดได้ง่ายมากแล้ว เหตุใดสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินในกายบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ถึงเชื่อฟังอะไรเช่นนั้น”
“สู้เขาไม่ได้จริงๆ! ตอนบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์บรรลุระดับผู้สูงศักดิ์ก็ต้านอำนาจอริยะในการตระหนักมรรคได้ เกรงว่าถึงระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์เมื่อไรคงสังหารผู้อริยะได้กระมัง!”
“ผู้สูงส่งมรรคสูงสุดกำเนิดขึ้นในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อีกคนแล้ว ทั้งยังเป็นผู้ไร้พ่ายในผู้สูงส่งมรรคสูงสุด แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีวาสนาจริงๆ!”
…….
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ได้สติกลับมาจากในสภาวะตระหนักมรรค เมื่อสัมผัสได้ถึงเสียงร้องตกใจของเหล่าผู้อริยะ ประกายเซียนบนผิวกายเขาก็กระเพื่อมขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนโอรสสวรรค์หนุ่มสาวพวกนั้นที่อยู่รอบวงเหล่าผู้อริยะ ตอนนี้ตกใจจนหุบปากไม่ได้
โดยเฉพาะองค์หญิงหลิงหลงจากราชวงศ์เซียนต้าฮวงดินแดนกลาง ในดวงตาเต็มไปด้วยดวงดาวเล็กๆ
เดิมทีนางคิดว่าในโอรสสวรรค์หนุ่มสาวทั้งหมดในห้าดินแดนแปดทิศ มีเพียงสือเทียนจื่อที่เป็นโอรสสวรรค์ที่แกร่งที่สุดของราชวงศ์เซียนที่จะกำราบเสิ่นเทียนได้
นี่คือการประเมินที่สูงยิ่งแล้ว เพราะโอรสสวรรค์ของดินแดนกลางมีมากมายเหมือนดวงดารา โดยเฉพาะช่วงเกือบร้อยปีนี้จะน่ากลัวที่สุด
สิบยอดโอรสสวรรค์ในรุ่นเยาว์ของดินแดนกลาง ปกติจะทะลวงระดับผู้สูงศักดิ์ไปหลายปี ทั้งยังมีศักยภาพฆ่าล้างผู้สูงศักดิ์สวรรค์ เรียกได้ว่าเป็นยุคทองคำ
ทุกคนในสิบยอดโอรสสวรรค์กดขี่สี่ดินแดนอื่นได้ กวาดล้างแปดทิศด้วยพลังของราชาได้ สำเร็จพลังไร้พ่าย
องค์หญิงหลิงหลงคิดว่าเสิ่นเทียนกำราบสิบยอดโอรสสวรรค์นี้ได้ นี่คือการประเมินที่อยู่สูงสุด ทว่าต่อให้การประเมินก่อนหน้านี้จะสูงเพียงใด ตอนนี้องค์หญิงหลิงหลงก็ยังคิดว่าตนประเมินเสิ่นเทียนต่ำไปมาก
พรสวรรค์ของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คนนี้ อาจจะทัดเทียมกับโอรสสวรรค์สูงสุดสือเทียนจื่อคนนั้น!
ต้องรู้ว่านั่นคือสือเทียนจื่อ!
ถ้าบอกว่าสิบยอดโอรสสวรรค์ดินแดนกลางคือหมู่ดาวที่สว่างพร่างพราวที่สุด เช่นนั้นสือเทียนจื่อก็เป็นดวงตะวันในรุ่นเยาว์ดินแดนกลาง
เมื่อดวงตะวันลอยอยู่บนสวรรค์เก้าชั้น ดวงดาวทั้งหมดจะมอดดับลงไร้แสงสว่าง
และองค์หญิงหลิงหลงคิดว่าเสิ่นเทียนเหมือนกับดวงตะวันที่สอง บางทีอาจจะมีศักยภาพแฝงพอประชันแสงกับสือเทียนจื่อได้จริงๆ
ไม่อยากเชื่อว่าดินแดนบูรพาจะปรากฏโอรสสวรรค์เช่นนี้ขึ้น ช่างน่าเหลือเชื่อ
น่ากลัวมาก!
หากพี่เทียนจื่อรู้ว่ามีอัจฉริยะคนนี้อยู่ เกรงว่าไม่ว่าอย่างไรก็คงจะมาผจญภัยในเกาะมหานทีครั้งนี้อย่างแน่นอน!
เฮ้อ หากพวกเขาสองคนเจอกันจริงๆ จะเป็นศึกตัดสินที่ยอดเยี่ยมเพียงใดกัน!
ไม่รู้ว่าสหายเสิ่นจะกำราบพี่ได้หรือไม่
เหตุใดข้าถึงเฝ้ารอคอยเช่นนั้นกัน!
……
ชั่วขณะที่ทุกคนต่างคิดอะไรอยู่นั้น แผ่นศิลาจักรพรรดิก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
มันพลันพุ่งขึ้นฟ้า ตัวศิลามหึมากลายเป็นวิหคเทพพันจั้งตัวหนึ่ง ไฟลุกโชตช่วงทั้งตัว
วิหคเทพตัวนี้พลันสยายปีกต่อหน้าทุกคน ก่อนบินไปทางส่วนลึกสุดของเกาะมหานที ทางด้านส่วนลึกของเกาะมหาทีเองก็ระเบิดแสงไฟหมื่นจั้งขึ้นมา
ท่ามกลางประกายไฟไร้ที่สิ้นสุดนั้น เตาไฟสีแดงอมทองสูงหลายจั้งลอยขึ้นมาช้าๆ เกิดปรากฏการณ์ไร้ที่สิ้นสุดขึ้นรอบตัว
เตาไฟสีแดงอมทองนี้มีความสูงหลายจั้ง ทว่ามีไฟแท้สุริยะวนเวียนรอบตัว ย้อมท้องนภาในระยะหลายหมื่นลี้เป็นสีแดงอมทอง และยังมีปรากฏการณ์เก้าตะวันล้อมรอบ
ทุกคนแค่มองเตาเทพนั้นไกลๆ ก็รู้สึกแสบดวงตา เหมือนกับมองดวงตะวันแท้จริง
กระทั่งยังเกิดความคิดจะก้มกราบรางๆ อยากจะกราบไหว้
“อาวุธจักรพรรดิ นั่นคืออาวุธจักรพรรดิสูงสุดที่มหาจักรพรรดิอีกาทองหลอมขึ้น!”
“เตาหลอมเทพสุริยะ ก่อนมหาจักรพรรดิอีกาทองลอยขึ้นไม่ได้เอาเตาหลอมเทพสุริยะไปจริงๆ แต่ฝากไว้ในสุสานจักรพรรดิ”
“ดู ศิลาเทพสืบต่อมรรคนั่นกลายเป็นไฟแท้สุริยะหลอมรวมเข้าไปในเตาหลอมเทพสุริยะแล้ว! อาวุธจักรพรรดิคืนชีพอย่างสมบูรณ์ สวรรค์ของข้า มวลอากาศหมื่นลี้กลายเป็นความว่างเปล่าแล้ว!”
“หากได้เตาหลอมเทพสุริยะนี่มาครอง แดนศักดิ์สิทธิ์เก้าตะวันของข้าจะต้องยกระดับศักยภาพขึ้นหลายเท่าแน่ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นอาวุธอันดับต้นๆ ในอาวุธจักรพรรดิ!”
“เหอะๆ เจ้าอย่าฝันไปเลย มหาจักรพรรดิอีกาทองมอบเตาหลอมเทพสุริยะนี่ให้ผู้สืบทอดของเขา บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ตระหนักยอดวิชาจากศิลาจักรพรรดิสืบต่อมรรค เปิดสุสานจักรพรรดิ เตาหลอมเทพสุริยะนี่จะมีส่วนของเจ้ารึ”
“ใช่ ก่อนหน้านี้ผู้อริยะจากแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าตะวันพวกเจ้าคิดจะชิงศิลาจักรพรรดิ บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ผงาดขึ้นอย่างแท้จริงเมื่อไร ไม่ไปเอาเรื่องพวกเจ้าก็บุญแล้ว”
“อาวุธจักรพรรดิกับมรดกสูงสุดพวกข้าไม่หวังอยู่แล้ว สู้อาศัยช่วงสุสานจักรพรรดิเปิด เข้าไปกวาดสมบัติสักสองสามชิ้นแล้วไปจะดีกว่า”
…….
ขณะกำลังสนทนากันนั้น ขุมอำนาจต่างๆ ไม่คิดจะปล่อยเวลาให้ไหลไปอีก
สุสานจักรพรรดิวางอยู่ตรงนั้น ในสุสานมีสมบัติมากมาย ใครมือเร็วได้ ใครมือช้าอด แย่งได้มาคือกำไร
เวลานี้ คนมากมายต่างแย่งกันพุ่งทะยานไปที่สุสานจักรพรรดิ
แต่เสิ่นเทียนกลับไม่รีบร้อน เขามองโอรสสวรรค์หนุ่มทุกคนด้วยรอยยิ้ม เหมือนกำลังสังเกตอะไรบางอย่าง
ดวงตาเสิ่นเทียนสว่างขึ้นมาทีละนิด “สหายฉี สหายหวัง สหายเฉิน สหายคุนหมิง องค์หญิงหลิงหลง องค์หญิงคุนอวี้ องค์หญิงข่งเมิ่ง…
ทุกท่านสนใจร่วมเดินทางกับสหายเสิ่น เข้าไปสำรวจสุสานจักรพรรดิอีกาทองด้วยกันหรือไม่”
………………………