บทที่ 36 ฟันอีกสักที?
ดินแดนบูรพา
ในดินแดนอันตรายเร้นลับแห่งหนึ่ง มีวิหารขนาดใหญ่ที่ดูมืดมนและน่ากลัวตั้งอยู่ ด้านในมีการบูชาป้ายวิญญาณเต็มไปหมด ป้ายวิญญาณเหล่านี้เปล่งประกายสีใสราวกับหยก
ทันใดนั้น หนึ่งในป้ายวิญญาณระเบิดอย่างกะทันหัน
ในความมืด มีร่างเงาหลายร่างตื่นขึ้น
“เป็นป้ายวิญญาณของเฮยเสวี่ย เขาถูกฆ่าตายในอาณาจักรต้าเหยียน”
“มีลูกประคำมารดาภูตผีเก้าโอรสอยู่ในมือ ในอาณาจักรต้าเหยียนมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถฆ่าเฮยเสวี่ยได้”
“หรือว่ากองกำลังของลัทธิศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในอาณาจักรต้าเหยียนถูกพบเข้าแล้ว?”
“สั่งให้เฮยมู่ไปตรวจสอบที่อาณาจักรต้าเหยียนและฆ่าคนผู้นั้นเสียเถอะ!”
“ถ้าหากเป็นไปได้ รับองค์ชายหกของอาณาจักรต้าเหยียนเข้าลัทธิด้วยเลย”
“ได้ยินมาว่าพรสวรรค์ของเจ้าหมอนี่ไม่เลวเป็นวัตถุดิบชั้นเยี่ยมสำหรับการต้อนรับการมาเยือนของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์”
“ข้าน้อยรับคำสั่ง!”
……
แดนเทวาดาวประกายพรึก
น้ำตกที่ไหลเชี่ยวไหลลงมาจากความสูงสามพันฟุต ส่งเสียงอึกทึกราวกับเสียงฟ้าผ่า เมื่อไหลลงมาจากความสูงระดับนี้ แรงกระแทกของมันเพียงพอที่จะทำให้หน้าผาหินพังทลาย
ทว่าด้านล่างสุดของน้ำตกกลับมีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น ถือกระบี่ในมือฟาดฟันใส่น้ำตก
ผู้ชายคนนี้คือหลี่ฉางเกอ!
ส่วนด้านข้างของน้ำตก มีชายวัยกลางคนสวมชุดผ้าเนื้อหยาบยืนสง่าอยู่ตรงนั้น
เขาสะพายกระบี่ขนาดใหญ่และหนักไว้ที่แผ่นหลัง รอบตัวเต็มไปด้วยกลิ่นอายของผู้มีคุณธรรมที่สูงส่ง
ตอนนี้เขากำลังตำหนิหลี่ฉางเกอ
“ความเร็วช้าเกินไป!”
“พลังยุ่งเหยิงไม่เป็นท่า!”
“แขน ขา นิ้วมือ ล้วนแต่แข็งแรงไม่พอ!”
“ร่างกายคือรากฐาน หากต้องการฝึกร่างกระบี่ขั้นสูง จำเป็นต้องผ่านความยากลำบากนับพันครั้ง”
“กระบี่ของเจ้า ยังอ่อนหัดเกินไป”
ชายสวมชุดผ้าเนื้อหยาบมองหลี่ฉางเกอ “มีความสามารถเพียงเท่านี้ ยังกล้าพาน้องสาวของเจ้าทำตัวเหลวไหลไปทั่ว น่าขายหน้ายิ่งนัก!”
“ฝึกต่อไป หากยังฝึกเจตจำนงกระบี่แม่น้ำฉางไม่สำเร็จ ห้ามออกจากการปิดด่านบำเพ็ญ!”
ทันใดนั้น ชายสวมชุดผ้าเนื้อหยาบราวกับสัมผัสได้ถึงอะไรบางสิ่ง
เขามองไปทางตะวันตกของอาณาจักรต้าเหยียน “มีคนใช้ป้ายคำสั่งของข้า เจ้าหมอนั่นหรือ?”
ครุ่นคิดสักพัก ชายสวมชุดผ้าเนื้อหยาบยิ้มแล้วกล่าว
“ในเมื่อพกป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ติดตัวตลอด ถ้าเช่นนั้นการหาเขาคงไม่ใช่เรื่องยาก”
“จื่อหยางคุ้นเคยกับอาณาจักรต้าเหยียนพอดี ให้เขาไปพาเจ้าหมอนี่กลับมาก็แล้วกัน!”
“ข้าก็อยากเห็นเช่นกันว่าเป็นผู้ปราดเปรื่องแบบไหน”
“ถึงกล้ามาหลอกลวงลูกสาวของข้า!”
……
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ยอดเขาสตรีศักดิ์สิทธิ์
กระเรียนเซียนร่อนลงพื้นอย่างเชื่องช้า หยุดอยู่ตรงหน้าร่างแบบบางร่างหนึ่ง
คนผู้นี้เป็นหญิงสาวสวมชุดเกราะนักรบและเสื้อคลุมสีขาว มีกระบี่สีเงินสะพายไว้บนแผ่นหลัง
นางสวมหน้ากากขนนกหงส์สีแดงบนใบหน้า ดวงตาทั้งคู่เป็นประกายราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า
นางลูบขนนกกระเรียนเซียนพลางหยิบศิลาวิญญาณหนึ่งก้อนใส่เข้าไปในปากกระเรียนเซียน
กระเรียนเซียนกลืนศิลาวิญญาณลงท้อง ขนนกทั่วตัวดูเปล่งประกายแวววับขึ้นทันใด
มันส่งเสียงร้องแล้วทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า บินไกลออกไป
ส่วนหญิงสาวเดินมาถึงขอบหน้าผาอย่างเชื่องช้า มีประกายสายฟ้าแลบผ่านในแววตา
ราวกับกำลังจะกลายเป็นเทพเจ้าแห่งสายฟ้าลงมาชำระล้างโลก!
“มีร่องรอยของลัทธิวิญญาณร้ายปรากฏขึ้นในอาณาจักรต้าเหยียน และยังสร้างบาปทำลายเมืองล้มล้างหมู่บ้าน!”
“สวนหมื่นวิญญาณ ลัทธิปรมาจารย์เซียน ถ้ำหุบเหวเดียวดายแห่งเขานามวสันต์ ท่านเซียนเสิ่นเอ้าเทียน?”
“ไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของคนผู้นี้มาก่อน ทางที่ดีอย่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับลัทธิวิญญาณร้าย!”
กล่าวจบ หญิงสาวเหาะเหินขึ้นบนท้องฟ้า
กระบี่สีเงินที่สะพายอยู่ด้านหลังพุ่งออกจากฝักในทันใด กลายเป็นประกายสายฟ้าถูกหญิงสาวเหยียบไว้ใต้เท้า
ฟิ้ว!
หายไปในสุดขอบฟ้าเพียงพริบตาเดียว!
……
อาณาจักรต้าเหยียน ห้องลับปิดด่านฝึกบำเพ็ญ
เสิ่นเอ้าหลับตาสนิท กัดฟัน ร่างกายกำลังสั่นไม่หยุด
เหงื่อท่วมตัว!
“อีกนิดเดียว อีกนิดเดียวเท่านั้น!”
“อ๊าก!”
เสิ่นเอ้าลืมตาขึ้นในทันที สีหน้าแดงระรื่น “ทะลวง!”
คลื่นพลังที่แข็งแกร่งระเบิดกระจายไปทั่วสี่ทิศแปดด้าน ทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวสะเทือนจนลอยกระเด็น
เสิ่นเอ้าลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า กำหมัดทั้งสองข้าง
พลังอันมหาศาลแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนไหลไปทั่วร่างกาย
“แข็งแกร่ง แข็งแกร่งจนน่าหลงไหล!
“ข้าสัมผัสได้ นี่ก็คือพลังของระดับสร้างฐานหรือ? ”
“อยู่เหนือกว่าขอบเขตของระดับหลอมปราณไปเยอะมาก นี่ต่างหากถึงจะเป็นพลังที่ก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการบำเพ็ญเซียน”
เสิ่นเอ้าปาดเหงื่อบนหน้าผาก กล่าวด้วยความตื่นเต้น “ผู้จริงแท้จื่อหยางเคยสัญญา ขอเพียงข้าสามารถทะลวงถึงระดับสร้างฐานก็จะรับข้าเป็นลูกศิษย์!”
“ตอนนี้ข้าสามารถทะลวงได้สำเร็จแล้ว แค่เดินทางไปกราบไหว้อาจารย์ที่แดนเทวาดาวประกายพรึกก็นับว่าเป็นศิษย์แล้ว”
“ใช่แล้ว ต้องเตรียมของขวัญที่เหมาะสมไหว้อาจารย์สักชิ้นด้วย”
“ปิดด่านฝึกบำเพ็ญอีกสามวันทำให้พลังบำเพ็ญคงที่”
“จากนั้นเดินทางไปเลือกของดีที่สวนหมื่นวิญญาณสักชิ้น”
“ปัญหาคือวันก่อนโดนรัศมีของน้องสิบสามสาดส่อง”
“เฮ้อ หวังว่าจะไม่ส่งผลต่อดวงชะตาของข้ากระมัง!”
……
“ฮัดชิ้ว!”
“ฮัดชิ้ว! ฮัดชิ้ว!”
เสิ่นเทียนจามติดต่อกันหลายครั้ง
เขารู้สึกเหมือนมีคนกำลังแอบว่าเขาหล่อลับหลัง
ขณะนี้ ผู้บำเพ็ญแก่นพลังทองทั้งสามถูกเขาส่งกลับไปแล้ว
สถานที่รกร้างแห่งนี้เหลือเพียงพวกเขาสี่คน
ถ้าจะบอกว่าหนุ่มโสดหญิงสาวอยู่ด้วยกันก็ไม่แปลกอะไร
เสี่ยวหลิงเซียนที่โดนคุมด้วยกระสอบยังคงหมดสติ
ยัยนี่หลับลึกมาก
ส่วนเสิ่นเทียนในตอนนี้กำลังเพ่งความสนใจไปที่พวงลูกประคำที่อยู่ในมือ
“จ่ายด้วยศิลาวิญญาณสี่พันก้อนเพื่อระเบิดพลังสังหาร แต่ได้ของเล่นเช่นนี้หรือ”
เสิ่นเทียนดีดลูกประคำในมือ พลางกล่าวพึมพำกับตนเอง “นี่ก็แตกหมดแล้ว ไม่หลงเหลือความเรียบเนียนเลยสักนิด”
ดีดไปดีดมา ทันใดนั้นมีเสียงดังขึ้นจากลูกประคำ “เจ้า…! เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!”
เสิ่นเทียนสะดุ้งตกใจ ขว้างลูกประคำออกไปในทันที
กลับพบว่าเริ่มมีหมอกสีดำลอยออกมาจากลูกประคำ เริ่มกระจายตัวออกไปทีละนิด
จากนั้นมีผู้หญิงในชุดแต่งงานสีแดงคนหนึ่งคลานออกมา นั่นไม่ใช่มารดาภูตผีเก้าโอรสจะเป็นใครได้อีก
เพียงแต่มารดาภูตผีเก้าโอรสในเวลานี้อ่อนแอกว่าก่อนหน้านี้ไปเยอะมาก
แม้กระทั่งร่างกายของนางก็ดูเลือนลางไม่คงที่ ราวกับเพียงแค่สายลมพัดผ่านก็จะสลายหายไป
เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส
……
ดวงตาทั้งคู่ที่ถูกปกคลุมด้วยผมยาวของมารดาภูตผี จ้องเสิ่นเทียนด้วยความเคียดแค้น “ห้ามดีดข้า!”
มุมปากของเสิ่นเทียนเผยอขึ้น “เหตุใดเจ้าถึงออกมาอีกแล้ว? ข้าขอพูดให้ชัดเจนอีกครั้ง ข้าไม่สนใจที่จะเป็นพ่อคน!”
“เจ้าดีดข้าเช่นนี้ แถมยังไม่อนุญาตให้ข้าออกมาอีก?”
ดวงตาที่อยู่ใต้ผมของมารดาภูตผียิ่งดูเคียดแค้นมากขึ้น
นางนั่งยองลงบนพื้น คิดไม่ถึงว่าจะร้องไห้เฉย!
เสิ่นเทียนก็งงเช่นกัน
นี่มันอะไร!
เขาดีดมารดาภูตผีเก้าโอรสจนร้องไห้?
แต่การฟังผีร้องไห้ไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดีอะไร
ถ้าหากบอกว่าเสียงร้องไห้ของผู้หญิงธรรมดามีพลังทำลายล้างต่อผู้ชายเท่ากับ 100
ถ้าเช่นนั้นเสียงร้องไห้ของผีสาว มีพลังทำลายล้างต่อผู้ชายสูงถึง 1000!
สมกับคำว่าผีร้องไห้โหยหวนเสียจริง
เดี๋ยวก่อน ดังนั้น…ลูกประคำเป็นอาวุธอาคมที่มารดาภูตผีเก้าโอรสใช้สิงสถิต?
น่ากระอักกระอ่วน…
เสิ่นเทียนปาดเหงื่อ “อ่ะแฮ่ม ช่วยเลิกร้องไห้ได้หรือไม่ ก็แค่ดีดไม่กี่ทีเอง!”
“คนอื่นที่ไม่รู้ คงจะคิดว่าข้าทำอะไรเจ้า!”
มารดาภูตผีจ้องเสิ่นเทียนด้วยความเคียดแค้น ลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า
ดูจากท่าทางของนาง กลับให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเขินอายเล็กน้อย
นางยกมือขึ้นคำนับ “ขอบคุณท่านเซียนที่สะบั้นความอาฆาตแค้นให้หายไปในกระบี่เดียว ทำให้จิ่วเอ๋อร์ได้สติกลับคืนมา จิ่วเอ๋อร์ไม่มีอะไรจะตอบแทน…”
เสิ่นเทียนกระแอมเสียงเบา กล่าวขัดจังหวะคำพูดของนาง “ไอ้เรื่องการตอบแทนด้วยร่างกายอะไรนี้ไม่ต้องนะ”
มารดาภูตผีเก้าโอรสตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นยิ่งเคียดแค้นเข้าไปใหญ่
แม้กระทั่งออร่าสีดำที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของนางก็ดูเข้มข้นมากยิ่งขึ้นหลายส่วน
ฉินเกาที่อยู่ด้านข้างแสดงท่าทีหวาดระแวงออกมาทันที “องค์ชาย ดูเหมือนความอาฆาตแค้นของนางจะกลับมาอีกแล้ว หรือไม่ลองฟันอีกสักที!”
มารดาภูตผีเก้าโอรสถึงกับพูดไม่ออก
…………………………………………….