บทที่ 362 ตาดำซ้อนกระดูกจักรพรรดิ สือเทียนจื่อ
โอรสสวรรค์พวกนั้นที่เสิ่นเทียนเรียก ล้วนตามเหล่าผู้อาวุโสมาผจญภัยในเกาะมหานที
เพียงแต่ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้อยู่กับเสิ่นเทียน แต่แยกไปผจญภัยในที่ต่างๆ บนเกาะมหานที จนกระทั่งแผ่นศิลาจักรพรรดิปรากฏถึงตามมา
และเมื่อครู่ พวกเขาได้ประจักษ์ภาพเสิ่นเทียนตระหนักมรรคแล้ว
ทุกช่วงเวลาที่เสิ่นเทียนแสดงผลงานในการตระหนักคัมภีร์จักรพรรดิสุริยะจากศิลาจักรพรรดิสืบต่อมรรคได้กระแทกใส่พวกเขาจนผิวพรรณหลุดลอกหมด
ต่อให้เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงฉีเซ่าเสวียนที่ได้รับขนานนามว่า ‘อดีตโอรสสวรรค์ที่แกร่งที่สุดแห่งดินแดนบูรพา’ ก็ต้องยอมรับว่าระหว่างตนกับเสิ่นเทียนมีความต่างกันอย่างน้อยฟางฉางสิบคน
สหายเสิ่นต่างหากคือผู้ที่มีคุณสมบัติแห่งมหาจักรพรรดิที่แท้จริง!
ทางด้านคุนหมิงและเอ๋าอูยิ่งไม่ต้องพูดถึง ก่อนหน้านี้เคยผจญภัยกับเสิ่นเทียนในเขตทะเลเบิกฟ้ามาแล้ว!
ตอนอยู่เขตทะเลเบิกฟ้า เสิ่นเทียนกวาดล้างไปตลอดทาง ชาตระหนักรู้ ผลจุดกำเนิดมังกร วิชาคุนเผิง โชควาสนาที่ดีที่สุดแทบจะถูกกวาดเข้าไปในกระเป๋าทั้งหมด
และคนที่ผจญภัยกับเสิ่นเทียนก็ได้ของมาอู้ฟู้เช่นกัน ร่ำรวยขึ้นในทันตา
เวลานี้เสิ่นเทียนเรียกพวกเขาอีกครั้ง พลันทำให้ทุกคนตาเป็นประกาย ภายในใจเกิดการเฝ้ารอคอยและแอบดีใจขึ้นมา
เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ สหายเสิ่นมีภาพจำต่อข้า อีกทั้งยังมีภาพจำที่ดีมาก
หากไม่เช่นนั้น เหตุใดเขาถึงเชิญข้าร่วมเดินทางกับเขาล่ะ แบ่งโชคลิขิตของตนให้ข้าส่วนหนึ่งเปล่าๆ เพื่ออะไรกัน!
ซี้ด สหายเสิ่นคงไม่ชอบข้าหรอกกระมัง!
แน่นอน คนที่เกิดความคิดเช่นนี้ล้วนเป็นสตรี
……
ไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยตอนนี้หลังจากเสิ่นเทียนเรียกแล้ว โอรสสวรรค์พวกนั้นต่างเฮโลกันมาหาเสิ่นเทียน
ตลก!
ได้ตามเสิ่นเทียนไปทุกที่ จะได้สมบัติล้ำค่าไม่เคยขาด
ได้เดินทางไปกับเสิ่นเทียนทุกที่ มีสวรรค์ดูแลจริงแท้แน่นอน~
หวังเสินซวีฝึกฝนคัมภีร์จักรพรรดิท้องนภา จึงฉีกมิติมาอยู่หน้าเสิ่นเทียนคนแรกสุด
แต่หลังจากเจ้านี่ได้คัมภีร์วสันต์อมตะนิรันดร์มา ก็เหมือนจะเป็นอิสระ ขยับไปๆ มาๆ ระหว่างเส้นแบ่งความตายอย่าง ‘แก่ตาย’ กับ ‘ไม่แก่ตาย’ ตลอด
เมื่อก่อนฟื้นอายุขัยกลับมาไม่ได้ ก็เป็นหนุ่มน้อยที่ดื่มชาบำรุงชีวิตทุกวัน ดูองอาจสง่างาม แค่ขอบตาดำนิดหน่อย ตอนนี้ดีละ ฝึกคัมภีร์วสันต์นิรันดร์เติมอายุขัยได้แล้ว กลับยังคงมีผมขาวพาดบ่า ดูเหมือนคนแก่ตอนต้นๆ
เขายืนตรงหน้าเสิ่นเทียน เสิ่นเทียนยังไม่กล้าตบบ่าเจ้านี่เลย กลัวว่าเจ้านี่จะฉวยโอกาสลงไปนอนกับพื้น ขู่กรรโชกของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานกับชาตระหนักรู้
ส่วนคนที่ตามหลังหวังเสินซวีมาย่อมเป็นฉีเซ่าเสวียนที่ไม่ถูกกับหวังเสินซวีมาตลอด สองคนนี้คิดจะชิงตำแหน่ง ‘อันดับหนึ่งใต้ฟ้ากัน’
ตอนนี้ฉีเซ่าเสวียนมีกลิ่นอายพลังแกร่งขึ้นกว่าเมื่อก่อน สวมเกราะลับมังกรดำ มือถือง้าวมังกรสวรรค์ สองชิ้นนี้ล้วนเป็นอาวุธอริยะคุณภาพยอดเยี่ยม
กล่าวได้ว่าในรุ่นเยาว์ นอกจากเสิ่นเทียนแล้ว กลิ่นอายพลังของคนอื่นไม่แกร่งกว่าฉีเซ่าเสวียนเท่าไรจริงๆ
แม้แต่ตอนที่องค์หญิงหลิงหลงมองฉีเซ่าเสวียน แววตายังเผยความจริงและหวาดกลัวบางๆ
สมกับเป็นคนที่ทะลวงแก่นพลังทองสิบรอบในถิ่นกันดารอย่างดินแดนบูรพาได้ ลำพังแค่พลังก็ดูไม่ธรรมดามากแล้ว หากวันใดที่เจ้านี่บุกดินแดนกลาง จะต้องสนุกแน่
แน่นอนว่าแค่สนุกเท่านั้น ด้วยประสบการณ์ขององค์หญิงหลิงหลง ฉีเซ่าเสวียนทำได้แค่ให้นางมองเขาในมุมใหม่ ยังไม่ถึงระดับได้เปิดหูเปิดตา
อย่างน้อยตอนนี้พรสวรรค์และกำลังรบของฉีเซ่าเสวียน หากไปอยู่ดินแดนกลาง จะมีคนกำราบเขาได้มากมาย
หากอยู่ต่อหน้าสือเทียนจื่อโอรสสวรรค์สูงสุดคนนั้น เกรงว่าไม่ว่าฉีเซ่าเสวียนจะใช้ไพ่ตายจนหมดอย่างไรก็ยากจะต้านไว้ได้หนึ่งกระบวนท่า
ต้องรู้ว่าคนนั้นเกิดมาก็เป็นความหวัง กระทั่งแม้แต่นามยังตั้งเป็นคำว่า ‘เทียนจื่อ’ นั่นคือผู้สูงส่งสูงสุดที่กำเนิดจากสวรรค์
อะไรคือผู้สูงส่งสูงสุดจากสวรรค์
ความหมายคือตั้งแต่เกิดมาก็มีพรสวรรค์สูงสุด ถูกลิขิตให้เป็นผู้สูงส่งสูงสุดของหนึ่งยุค
วันที่สือเทียนจื่อกำเนิดมีประกายเซียนปกคลุมสามหมื่นลี้ ทั้งยังมีปรากฏการณ์ราชาเซียนมาเยือนล้อมรอบเมืองหลวงต้าฮวงอยู่นาน ยิ่งใหญ่เหมือนกับมหาจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด
จากการตรวจสอบของจักรพรรดิฮวงสือ คุณสมบัติและพรสวรรค์ของเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ตรงหน้าอกมีกระดูกจักรพรรดิโดยกำเนิด ได้รับวิชาเทพสูงสุด
ส่วนดวงตาสองข้างของเขาเป็นลูกตาดำซ้อนกันโดยกำเนิด นี่คือดวงตาเทพที่มีระดับสูงยิ่ง สามารถมองช่องโหว่ของทุกวิชาในโลกหล้า
สือเทียนจื่อเริ่มฝึกบำเพ็ญตอนสามขวบ ไม่ว่าวิชาใดหรือทักษะยุทธ์ใด แค่อ่านทีเดียวก็เข้าใจพื้นฐาน ฝึกฝนได้ในทันที ครู่เดียวก็ฝึกถึงขั้นสมบูรณ์กระทั่งสร้างวิชาใหม่ ทำให้ผู้อริยะยังร้องตกใจ
ตอนนี้ ‘สือเทียนจื่อ’ คนนี้เพิ่งจะอายุยี่สิบเอ็ดปี ก็บรรลุผู้สูงศักดิ์สวรรค์แล้ว
และที่สำคัญกว่านั้นคือเขาเคยกำราบผู้อริยะคนหนึ่งได้อย่างง่ายดาย
นี่หมายความว่าอย่างไร
อายุยี่สิบเอ็ดปีก็ก้าวสู่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ ทั้งยังข้ามขั้นไปสู้กับผู้อริยะ
โอรสสวรรค์เช่นนี้ มองไปในห้าดินแดนหมื่นปีกระทั่งหลายหมื่นปี ยังไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ถึงขนาดที่ยังโดดเด่นกว่าจักรพรรดิฮวงสือในตอนเยาว์วัยอีก
ตามการประเมินของหอคอยเทพสงคราม หากสือเทียนจื่อเข้าหอคอย เกรงว่าอย่างน้อยคงได้เป็นโอรสสวรรค์เจ็ดดาวอย่างแท้จริง
แน่นอน บุคคลอย่างสือเทียนจื่อเป็นตำนานมาตั้งแต่กำเนิด แทบจะเกิดมาเพื่อเส้นทางจักรพรรดิ
เอาฉีเซ่าเสวียนมาเทียบกับเขายังดูรังแกไปหน่อยจริงๆ ถึงอย่างไรโอรสสวรรค์ที่แกร่งที่สุดในดินแดนกลางย่อมควรจะเทียบกับโอรสสวรรค์ที่แกร่งที่สุดของดินแดนบูรพา
ฉีเซ่าเสวียนไม่ใช่โอรสสวรรค์ที่แกร่งที่สุดของดินแดนบูรพา ดูไม่คู่ควรหน่อยๆ
ถ้าจะเทียบกันจริงๆ ก็น่าจะเป็นเสิ่นเทียนกับสือเทียนจื่อ
องค์หญิงหลิงหลงเดินไปทางเสิ่นเทียนไปพลาง แอบคิดคำนวณในใจไปพลาง
มองจากระดับพลัง พี่เทียนจื่อบรรลุระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์แล้ว บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เหมือนจะด้อยกว่าหน่อย
มองจากกำลังรบ พี่เทียนจื่อเคยสู้กับผู้อริยะมาอย่างดุเดือด อยู่เหนือกว่าทุกด้าน กระทั่งยังไม่สู้เต็มที่
จุดนี้ บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์น่าจะทำไม่ได้
แต่มองจากอายุ ได้ยินว่าปีนี้บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อายุยังไม่ถึงสิบแปด แต่พี่เทียนจื่ออายุยี่สิบเอ็ดแล้ว ด้านนี้บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ได้เปรียบค่อนข้างมาก
ต้องรู้ว่าสำหรับพวกคนหัวโบราณพวกนั้นแล้ว อย่าว่าแต่สามปีห้าปีเลย ต่อให้สามสิบห้าปีก็พัฒนาเก้าหนึ่งไม่ได้ นี่เป็นเรื่องปกติมาก
แต่สำหรับยอดโอรสสวรรค์อย่างบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับพี่เทียนจื่อแล้ว สามปีอาจจะเพิ่มศักยภาพได้เป็นเท่าตัว
ถึงอย่างไรพี่เทียนจื่อทะลวงจากระดับดวงจิตดรุณไปผู้สูงศักดิ์สวรรค์ก็ใช้เวลาไปเพียงสี่ปี
แต่บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ได้ยินว่าตั้งแต่ฝึกบำเพ็ญจนถึงตอนนี้เหมือนจะผ่านไปปีเดียวเท่านั้น
หากให้เวลาเขาอีกสามปี บางทีเขาอาจจะฝึกถึงระดับใดก็ได้
โลกของยอดอัจฉริยะ คนธรรมดาไม่มีทางเข้าใจ
…….
แน่นอน ระดับพลัง กำลังรบและอายุไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด
อย่างน้อยมองจากในด้านหน้าตา บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็เทียบกับสือเทียนจื่อได้เลย
หากไม่เช่นนั้น องค์หญิงหลิงหลงคงไม่เฝ้ารอให้วันใดสักวันหนึ่งจะได้เห็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ทุบตีสือเทียนจื่อ
เด็กสาวน่ะ เป็นพวกเปิดเผยกันทั้งนั้น~
องค์หญิงหลิงหลงกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย คุนอวี้ก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเช่นกัน จางอวิ๋นซีกับข่งเมิ่งมองหน้ากัน ต่างนึกถึงเรื่องของตน
สรุป แม้ว่าตอนนี้เสิ่นเทียนจะรวมกองกำลังเข้าด้วยกัน แต่ทุกคนต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง เข้าไปในสุสานมหาจักรพรรดิอีกาทองแล้วก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร
แน่นอนว่าทุกคนในกลุ่มต่างมั่นใจในตัวเองว่าถ้าพวกเขาตามบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไปอย่างเชื่อมั่น จะต้องไม่มีอะไรผิดพลาดอย่างแน่นอน
ทางด้านเสิ่นเทียนเองก็มีความมั่นใจอยู่เต็มอก
ตลก ครั้งนี้เขาได้กอดต้นขาของบุตรแห่งโชคทีเดียวสิบกว่าคน ไปผจญภัยตามภาพโชคลิขิตสิบกว่าภาพ
นี่ถ้ามีอะไรเหนือความคาดหมายอีก ข้าจะกินหอคอยเทพสงครามเลย!
…………………..