บทที่ 364 กระบี่คู่ม่วงครามแสดงอานุภาพครั้งแรก
“ทุกท่าน ในสุสานมีอันตรายอยู่ทุกที่ ทุกคนโปรดระวัง”
เสิ่นเทียนยันกระจกแสงทมิฬไว้เหนือศีรษะ แสงเทพปกคลุมสหายทุกคนรอบกายพลางเดินสำรวจส่วนลึกของถ้ำอย่างระมัดระวัง
สิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงคือเสิ่นเทียนจะมองหน้าผากของเหล่าสหายรอบกายตลอด เหมือนว่าหน้าผากพวกเขาวาดแผนที่ไว้ นำทางได้
ไม่นานทุกคนก็ตามเสิ่นเทียนมาถึงทางแยกยักษ์แห่งหนึ่ง
มาถึงที่นี่แล้ว เห็นได้ชัดว่าค่อยๆ ใกล้มาถึงส่วนลึกของสุสานมหาจักรพรรดิอีกาทองแล้ว อุณหภูมิสูงขึ้นอย่างชัดเจนมาก
สิ่งที่สำคัญกว่าคือทางแยกแห่งนี้ไม่ได้ตรงไปตรงมาเหมือนก่อนหน้านี้อีก แต่เป็นทางแยกต่างกันเก้าทาง ขวางหน้าพวกเสิ่นเทียน
องค์หญิงหลิงหลงเพ่งสายตามองเล็กน้อย พิจารณามองลายเทพบนผนังหินครู่หนึ่ง เริ่มมีสีหน้าจริงจังขึ้นมาทีละนิด “ในสุสานมหาจักรพรรดิอีกาทองเหมือนจะวางค่ายกลเชื่อมโยงกันเก้าแห่ง”
ค่ายกลเชื่อมโยงเก้าแห่งนี้เป็นค่ายกลที่ลึกลับมาก สามารถขังนักผจญภัยที่เข้าไปในค่ายกลได้อย่างแน่นหนา ปกติจะต้องผ่านการทดสอบของผู้วางค่ายกลเท่านั้นถึงจะออกจากค่ายกลชนิดนี้ได้ ไม่เช่นนั้นจะถูกขังไว้ตลอดกาล
“ศิษย์น้อง เจ้าว่าเราควรไปทางใดดี”
จางอวิ๋นซีมองเสิ่นเทียนพลางถาม “เจ้าบอกมา ข้าจะฟังเจ้า”
ฉีเซ่าเสวียนกับหวังเสินซวีมองหน้ากันก่อนจะพูดกับเสิ่นเทียนเช่นกัน “สหายเสิ่นมีดวงชะตาแข็งแกร่ง ตามเจ้าไปเราต้องออกไปได้แน่”
ความจริงแล้วก็มีสิ่งหนึ่งที่พวกเขาแค่คิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกมา
นั่นคือตามสหายเสิ่นไป ไม่ใช่แค่ได้ออกไปอย่างปลอดภัย แต่เกรงว่าคงจะได้โชคลิขิตมาอีกไม่น้อย!
เสิ่นเทียนยิ้ม “แซ่เสิ่นได้ศึกษาค่ายกลมาบ้าง ค่ายกลในสุสานมหาจักรพรรดิอีกาทองไม่มีเจตนาร้าย เหมือนจะเป็นแค่ค่ายกลคุมขัง
อีกทั้งยังเป็นมหาจักรพรรดิ คงไม่ได้มีความคิดแบบรุ่นเยาว์อย่างเราๆ แซ่เสิ่นคิดว่าทางเข้าทั้งเก้านี้ ส่วนใหญ่น่าจะเป็นเส้นทางแห่งการทดสอบ บางทีอาจจะมีรางวัลอยู่”
รางวัลรึ
รางวัลของมหาจักรพรรดิรึ!
คำพูดของเสิ่นเทียนทำให้ทุกคนตาเป็นประกายขึ้นมา
ต้องบอกว่าหากในสุสานจักรพรรดิมีการทดสอบและรางวัลของมหาจักรพรรดิอีกาทองอยู่จริงๆ นั่นมากพอจะทำให้ผู้อริยะสนใจ
ถึงอย่างไรนั่นก็คือมหาจักรพรรดิ มรดกหัวใจสำคัญและอาวุธจักรพรรดิคงไม่ต้องหวัง ถูกลิขิตไว้ให้เป็นของเสิ่นเทียนอยู่แล้ว
แต่ถ้าได้เกาะยาลูกกลอนวิญญาณหรือสมบัติล้ำค่าสักชิ้นสองชิ้น นั่นก็กำไรเลือดสาดเช่นกัน!
……
เสิ่นเทียนชำเลืองตามองศีรษะของฉีเซ่าเสวียน ก่อนหมุนตัวเดินไปทางแยกที่สาม ทุกคนเห็นดังนั้นก็รีบตามไป เหมือนกลัวว่าจะพลาดมหาโชคลิขิตสะท้านฟ้า
ทุกคนเดินไปตามทางแยกที่สาม ยิ่งเดินอุณหภูมิยิ่งร้อนขึ้น ลายเทพบนผนังยังร่างออกมาเป็นภาพเงาอีกาทองรางๆ ทีละภาพ
บึ้ม~
ทันใดนั้นเอง ลายเทพอีกาทองบนหนังนั้นเหมือนคืนชีพกลับมา พลันพุ่งออกมาจากผนัง
ทันใดนั้นก็กลายเป็นอีกาเทพเปลวไฟสีแดงอมทองตัวหนึ่งพุ่งเข้าใส่พวกเสิ่นเทียน ขณะขยับสองปียังหมุนม้วนเพลิงเทพอีกาทองไร้ที่สิ้นสุด
ในเส้นทางที่แทบจะปิดสนิทแห่งนี้ อานุภาพของเพลิงเทพกับพลังจู่โจมจะเพิ่มขึ้นแค่เท่าเดียวหรือ ต้องใช้คำว่าเพิ่มขึ้นหลายเท่า
เพลิงเทพถาโถมเข้ามา แม้แต่หลบยังลำบากยิ่ง เพราะทั้งเส้นทางมีแต่เปลวไฟ หลบไม่ได้เลย
“ค่ายกลนี้มีปัญหาจริงๆ ไม่อยากเชื่อว่าจะดูดซับพลังงานธาตุไฟจากเกาะมหานทีมาจู่โจมผู้บุกรุก”
ฉีเซ่าเสวียนดวงตาลุกวาว เนตรสวรรค์เคหาสน์ม่วงพลันมองเห็นเค้าโครงการเคลื่อนไหวของอีกาเทพเปลวเพลิงนี้ ง้าวมังกรสวรรค์ในมือพุ่งออกไป
กรรซ์~
ง้าวมังกรกลายเป็นมังกรยักษ์สีม่วงพุ่งชนอีกาเทพเปลวเพลิงแตกกระจาย จากนั้นปักลงพื้นลงลึก
ทันใดนั้นเอง พลังยิ่งใหญ่มหาศาลพุ่งเข้ามา พัดผ้าคลุมเกราะนักรบของฉีเซ่าเสวียนสะบัดดังพรึ่บพรั่บ มองไปดูมีราศีของเทพสงครามหนุ่มหลายส่วน
ต้องรู้ว่าระดับความแกร่งของอีกาเทพตัวนั้นถึงจุดสูงสุดระดับผู้สูงศักดิ์แล้ว แทบจะสัมผัสธรณีประตูของผู้สูงศักดิ์สวรรค์
ทว่าฉีเซ่าเสวียนออกเพียงง้าวเดียวก็ตอกอีกาเทพตัวนั้นตาย ดูง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ
แม้ว่าในนั้นจะมีเรื่องของพลังป้องกันอีกาเทพสู้พลังโจมตีไม่ได้ และฉีเซ่าเสวียนยังเห็นจุดอ่อนของอีกาเทพรวมถึงฝึกคัมภีร์จักรพรรดิสุริยะมาส่วนหนึ่ง ทำให้เข้าใจเส้นทางวิชาอีกาเทพ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าศักยภาพที่สุดยอดเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในนั้น
“เหอะๆ อีแค่นกน้อยตัวเดียว ไม่คู่ควรจะเป็นศัตรูกับแซ่ฉี!”
ฉีเซ่าเสวียนกำหมัดขวาดึงง้าวมังกรกลับมา ก่อนจะแอบชำเลืองตามองเสิ่นเทียน
เมื่อเห็นเสิ่นเทียนเผยแววตาชื่นชมบางๆ ฉีเซ่าเสวียนพลันมีสีหน้าลำพองใจขึ้นมาทันที
เขาเดินนำหน้าทุกคน ก่อนจะทำเสียงขึ้นจมูก “ทุกคนวางใจเถอะ มีแซ่ฉีอยู่ ไม่เป็นอะไรเลย!”
……
เพิ่งเอ่ยจบ ก็พบว่าผนังหินสองข้างทางพลันเปล่งแสงลวดลายขึ้นมา
ลวดลายพวกนั้นเดิมทีเป็นสีแดงอ่อน มีเพียงส่วนท้ายของพลังที่รวมเป็นเพลิงเทพทองดำ ทว่าตอนนี้เริ่มฟื้นคืนแล้ว ทันใดนั้นเอง อีกาเทพทองดำสีแดงอมทองต่างพากันพุ่งออกมาจากผนังหิน สยายปีกพุ่งใส่พวกเสิ่นเทียน แทบจะปิดทางหนีทั้งหมด
อีกทั้งอีกาเทพทองดำทุกตัวยังแผ่กลิ่นอายพลังที่ไม่ด้อยกว่าตัวนั้น กระทั่งบางตัวยังแข็งแกร่งกว่า
อีกาเทพทองดำสามตัวที่นำหน้ามาทุกตัวมีความสูงจั้งกว่า ไม่เหมือนรวมขึ้นจากพลังงานเปลวเพลิงเลย แต่เหมือนเป็นอีกาเทพทองดำโบราณแท้จริง
พวกมันทุกตัวมีศักยภาพเทียบเท่ากับผู้สูงศักดิ์สวรรค์แท้จริง!
แควก~
อีกาเทพทองดำที่รวมขึ้นจากพลังงานเปลวเพลิงไม่มีจิตวิญญาณ มีเพียงการโจมตีที่ดั้งเดิมที่สุด พุ่งโจมตีเข้าใส่ผู้รุกรานทุกคนตรงหน้า
ฉีเซ่าเสวียนที่ขวางหน้าทุกคนไว้ย่อมเป็นเป้าหมายโจมตีแรกของอีกาเทพทองดำทั้งหมด ดังนั้น…
โอรสสวรรค์อันดับหนึ่งใต้ฟ้าบางคนจึงถูกจู่โจมจนมึนงง พลันถูกเปลวเพลิงโอบล้อม
“เดรัจฉาน พวกเจ้ามาพร้อมกัน คิดว่าแซ่ฉีกลัวรึ”
“ภูผานทีไอม่วงสามสิบสามชั้น รวม!
เพลิงเทพทองดำบ้านี่ แม้แต่ภูผานทีไอม่วงของแซ่ฉียังเผาได้รึ
สหายเสิ่น ช่วยข้าด้วย!”
ไอม่วงหนาทึบกับเพลิงเทพมหาศาลโหมซัดสาดใส่กัน อัดแน่นไปทั้งทางเดิน และจะมีกลิ่นหอมเนื้อย่างลอยโชยมาจากในเปลวเพลิงไร้ที่สิ้นสุดนั้นตลอดเวลา
บึ้ม~
ผ่านไปนานมาก ร่างเงาดำมืดพุ่งออกมาจากเพลิงเทพทองดำ
ใบหน้านั้นดำเมี่ยม~
ถ้าไม่ใช่เพราะง้าวมังกรสวรรค์ในมือเขามีรูปทรงพิเศษ เสิ่นเทียนก็แทบจะจำไม่ได้เลยว่าเจ้านั่นคือฉีเซ่าเสวียน
ตอนนี้ดวงตาฉีเซ่าเสวียนถูกเปลวไฟรมควันจนแดง น้ำตาไหลไม่หยุด
หวังเสินซวีเห็นดังนั้น ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นเผยรอยยิ้มที่เห็นคนอื่นเป็นทุกข์ “สหายฉี เหตุใดเจ้าถึงโดนเดรัจฉานขนเรียบพวกนั้นทุบตีจนร้องไห้ล่ะ”
ฉีเซ่าเสวียนมุมปากกระตุกอย่างบ้าคลั่ง “โดนทุบตีจนร้องไห้อะไร แซ่ฉีถูกรมควัน ถูกรมควันต่างหาก!”
เสิ่นเทียนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “อย่าทะเลาะกันเลย จัดการนกทองพวกนี้ให้หมดก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”
……..
เมื่อเอ่ยจบ เสิ่นเทียนก็ประสานมุทรากระบี่
ทันใดนั้น กระบี่คู่ม่วงครามกลายเป็นแสงสีม่วงสายหนึ่งและแสงสีครามสายหนึ่งพุ่งเข้าไปกลางกลุ่มอีกาทอง
แควก~
เสียงนกแหลมเล็กดังขึ้น ก่อนจะมีอีกาทองเพลิงร่วงลงตามเสียง กลายเป็นพลังงานเปลวเพลิงที่อัดแน่นสลายไปในมวลอากาศ
ต่อให้เป็นอีกาทองเพลิงสามตัวนั้นที่เทียบเท่าผู้สูงศักดิ์สวรรค์ก็ยืนหยัดต่อหน้ากระบี่คู่ม่วงครามของเสิ่นเทียนได้ไม่กี่วินาที
เสิ่นเทียนในยามนี้เหมือนกับเซียนกระบี่!
………………….