บทที่ 366 ข้าเคยบ่มเพาะเตรียมจักรพรรดิคนหนึ่ง
เสิ่นเทียนทำมุทรากระบี่ ควบคุมกระบี่คู่ม่วงครามฟันใส่อีกาทองอย่างเป็นลำดับขั้นตอน
เหล่าโอรสสวรรค์เองก็ไม่ปล่อยโอกาสที่ได้มาง่ายๆ นี้ไปเช่นกัน โคจรคัมภีร์จักรพรรดิสุริยันหลอมรวมพลังอย่างเต็มที่
เวลานี้ ทั้งเส้นทางอัดแน่นไปด้วยกระแสพลังงาน ระดับพลังของแทบทุกคนพุ่งขึ้นด้วยความเร็วสูงสุด
ในนี้ โดยเฉพาะคนที่ฝึกฝนวิชาธาตุไฟอย่างจ้าวเฮ่า ฟางฉาง จางอวิ๋นซีและฉินเกาที่พัฒนาชัดเจนที่สุด เหมือนกับเปิดบัตรทอง
เมื่ออีกาทองเพลิงตัวสุดท้ายกรีดร้องกลายเป็นเปลวไฟหายไปนั้น ทุกคนถึงพ่นลมหายใจขุ่นยาว รู้สึกยังไม่ถึงอกถึงใจกันนิดๆ
สุสานจักรพรรดิอีกาทองเป็นที่ที่ดีจริงๆ!
เสิ่นเทียนมองทุกคนด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ก่อนพบว่าวงรัศมีเหนือศีรษะทุกคนเพิ่มขึ้นบ้างมากบ้างน้อย
ส่วนตัวเขาเองก็รู้สึกลอยล่องจะเป็นเซียน แม้จะไม่สะดวกหยิบกระจกออกมาส่องดู แต่เสิ่นเทียนก็รู้ว่าวงรัศมีสีทองเหนือศีรษะตนเข้มขึ้นมากกว่าครึ่งแล้ว
ไม่รู้ว่าหลังจากจบการผจญภัยสุสานจักรพรรดิอีกาทองครั้งนี้แล้ว วงรัศมีเหนือศีรษะข้าจะเพิ่มขึ้นถึงระดับใด
“ทุกคนดูดซับเปลวเพลิงอีกาทองพวกนี้แล้วน่าจะได้อะไรมาไม่น้อย พวกเรานั่งฌานปรับลมหายใจครึ่งชั่วยามก่อน แล้วค่อยเดินหน้าต่อแล้วกัน!”
เสิ่นเทียนไม่รีบร้อนนำทุกคนเดินหน้าต่อ เพราะบางครั้งความรีบก็สู้ความบังเอิญไม่ได้
ตามพวกที่มีดวงชะตาหนาแน่นกลุ่มนี้ไป ปลอดภัยกว่าไปคนเดียวเยอะ
“รบกวนบุตรศักดิ์สิทธิ์คุ้มกันให้ด้วย ขอบคุณมาก”
องค์หญิงหลิงหลงมองเสิ่นเทียนอย่างเต็มไปด้วยความแปลกใจ ก่อนจะนั่งขัดสมาธิลงข้างกายเสิ่นเทียน
ทว่าตอนนี้ความคิดนางกลับไม่ได้อยู่ที่การจัดการกับสิ่งที่ได้มาเลย แต่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อบอุ่นเกินไปแล้วกระมัง!
เส้นทางการฝึกบำเพ็ญให้ความสำคัญกับคำหนึ่ง นั่นคือ…แก่งแย่ง
ตามหลักแล้วพลังงานธาตุไฟจำนวนมากในเส้นทางอีกาทองมีประโยชน์อย่างมากกับผู้ฝึกบำเพ็ญธาตุไฟทุกคน
ต่อให้เสิ่นเทียนจะฝึกคัมภีร์จักรพรรดิสุริยันถึงระดับสมบูรณ์แล้ว ไม่ต้องใช้พลังงานพวกนี้มาตระหนักคัมภีร์จักรพรรดิอีก แต่ตนกินพลังงานก็เพิ่มศักยภาพได้เช่นกัน!
ทว่าเสิ่นเทียนล่ะ!
ไม่ใช่แค่สังหารอีกาทองเพลิงทั้งหมดอย่างยากลำบาก แต่ยังยกพลังงานทั้งหมดให้สหายข้างกาย การกระทำเช่นนี้ทำให้องค์หญิงหลิงหลงไม่เข้าใจเลยจริงๆ นี่มันนักปราชญ์!
คำถามคือจิตใจเช่นเขา ในโลกบำเพ็ญเซียนจะไม่โดนหลอกกินจนไม่เหลือแม้แต่ซากหรือ เหตุใดยังฝึกบำเพ็ญจนมีระดับพลังเท่านี้ มีกำลังรบเช่นนี้
ต้องบอกว่าองค์หญิงหลิงหลงแปลกใจในตัวเสิ่นเทียนมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว!
……
ตอนนี้ในใจคนอื่นก็มีความคิดพิเศษบ้างมากบ้างน้อย
แต่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากเป็นคนทำลายสัญญาลับที่รู้กัน เวลานี้ในเส้นทางเงียบเป็นพิเศษ
มีเพียงกลิ่นอายพลังและศักยภาพของเหล่าโอรสสวรรค์พวกนั้นที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง หากออกจากห้าดินแดนอีกครั้ง จะต้องสร้างความตกตะลึงกับโอรสสวรรค์รุ่นเดียวกันแน่นอน
ทันใดนั้นเสิ่นเทียนเผยรอยยิ้มเสี้ยวหนึ่ง “เส้นทางในสุสานจักรพรรดิเลี้ยวลดคดเคี้ยว ได้พบเจอกันคือวาสนา สหายไม่ออกมาคุยกันหน่อยรึ ซ่อนในเงามืดเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่บุรุษพึงกระทำ”
สหายรึ
คำพูดของเสิ่นเทียนทำให้ทุกคนโดยรอบต่างขมวดคิ้วเล็กน้อย
เส้นทางใหญ่เช่นนี้ อีกทั้งมองทีเดียวก็แทบจะไม่เห็นที่อำพรางกายใดๆ เลย ที่เช่นนี้จะมีคนซ่อนได้หรือ
หากเป็นคนอื่นพูดทุกคนต้องคิดว่า ‘ระแวงคิดมั่วไปเรื่อย’ แน่นอน แต่ในเมื่อบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กล่าว นั่นต้องไม่ผิดแน่!
ซี้ด~
เวลานี้ ทุกคนเกิดความกลัวขึ้นมาในใจ
ไม่อยากเชื่อว่าคนนั้นในเงามืดจะรอดจากสัมผัสของโอรสสวรรค์ทุกคนได้ กระทั่งแม้แต่คุนหมิงและคุนอวี้ในระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตอนต้นยังไม่พบ จะเห็นได้ว่าเขามีความสามารถในการอำพรางแข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อ
หากเสิ่นเทียนไม่อยู่ที่นี่ และหากเจ้านี่มีเจตนาร้าย บางทีทุกคนอาจจะเสียหายอย่างหนักได้
ทันใดนั้นเองทุกคนก็เตรียมพร้อมรับข้าศึก
เวลาผ่านไปทีละนาที ในเส้นทางก็ยังคงเงียบกริบ เหมือนว่าเมื่อครู่เสิ่นเทียนแค่คิดไปเอง ในเส้นทางนี้นอกจากพวกเขาแล้วไม่มีใครอยู่จริงๆ
เสิ่นเทียนเผยรอยยิ้มชัดเจนยิ่งขึ้น ดวงตาเขาขยับประกายสีเงินวาววับ “สหายเต่า แม้วิชาอำพรางของเจ้าจะสูงส่ง แต่ก็ปิดบังเนตรมรรคสวรรค์ประทานของข้าไม่ได้
แซ่เสิ่นเห็นว่าในตัวเจ้ามีกลิ่นอายวิชาคล้ายกับคัมภีร์จักรพรรดิเทพสวรรค์ของข้า ขอให้สหายเต่าอธิบายด้วย”
สหายเต่ารึ
กลิ่นอายพลังคล้ายกับคัมภีร์จักรพรรดิเทพสวรรค์รึ
หากบอกว่าก่อนหน้านี้ที่เสิ่นเทียนเรียกว่า ‘สหาย’ เป็นคำเรียกที่ค่อนข้างคลุมเครือ
เช่นนั้นสหายเต่ากับกลิ่นอายพลังคล้ายคัมภีร์จักรพรรดิเทพสวรรค์ก็เป็นการยืนยันจนยืนยันไม่ได้อีกแล้ว ชี้เป้าไปหาการคงอยู่นั้นในเงามืด
…..
แค่กๆ~
เสียงกระแอมไอที่แสร้งทำเป็นผู้อาวุโสดังมาจากในมวลอากาศ “แค่กๆ น่าสนใจ ไม่นึกเลยว่าผู้สืบทอดรุ่นนี้ของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะมีความสามารถอยู่บ้างจริงๆ!”
เมื่อเสียงกระแอมไอดังขึ้น ก็มีร่างสีขาวลอยออกมาจากมวลอากาศ
เป็นเต่าดำมหัศจรรย์ที่เป็นสีขาวทั้งตัว สูงราวห้าฉื่อ พอๆ กับหน้าอกของบุรุษปกติ
มันมีเคราสีขาวห้อยมาตรงคาง แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ของมันเอง แต่ไม่รู้ไปเอาขนของสัตว์อสูรใดมาติดไว้
นอกจากนี้ ครึ่งท่อนล่างเต่าดำนี่ยังสวมกางเกงใหญ่สีสันสวยงาม มือยันไม้เท้าเป็นมันเงา
หากไม่ใช่เพราะเสิ่นเทียนสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตเอ่อล้นในตัวเจ้านี่ว่าอายุน่าจะไม่เกินร้อยปี ก็อาจจะมองว่าเจ้านี่เป็นผู้เฒ่าเต่าในการ์ตูนทะลุมิติมา
ทันทีที่เต่าดำนี่ปรากฏตัว ข่งเมิ่งก็เพ่งสายตามองเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนางถึงรู้สึกว่าเต่าดำสีขาวนี้ถึงดูคุ้นตานิดๆ เหมือนจะเคยเจอที่ใดมาก่อน
อ้อ ใช่!
ตอนนั้นในสนามรบบรรพกาล พวกนางกลุ่มนกก็ไล่ล่าเต่าดำสีขาวตัวหนึ่งไปถึงหุบเขาเทพมังกร ถึงได้เจอกับพวกเสิ่นเทียน และได้สหายมาโดยบังเอิญ
แต่ข่งเมิ่งจำได้แม่นว่าเต่าดำสีขาวนั่นมีความสูงแค่สองฉื่อ ระดับพลังก็เพิ่งจุดสูงสุดสร้างฐาน อ่อนแอมาก
แต่เต่าดำตัวนี้มีความสูงมากกว่ามันหลายเท่า ระดับพลังยังลึกล้ำไม่อาจคาดเดา คงราวๆ อย่างน้อยผู้สูงศักดิ์สวรรค์
ในหนึ่งปีสั้นๆ จากระดับสร้างฐานไปผู้สูงศักดิ์สวรรค์ นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
เวลานี้ ข่งเมิ่งเฝ้าจับตามองอยู่ในใจ
ส่วนเสิ่นเทียนมองหน้าผากของเต่าดำสีขาวนี่พลางพูดด้วยรอยยิ้ม “สหายเต่า แซ่เสิ่นคือบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียน เห็นสหายเต่ามีบุคลิกองอาจห้าวหาญทีแรกก็รู้ว่ามั่งคั่งและสูงศักดิ์ ได้พบกันร่วมบรรเลงเพลงบนเส้นทางเซียน ไม่รู้ว่าพอจะทำความรู้จักกันหน่อยได้หรือไม่”
บุคลิกองอาจห้าวหาญรึ
มั่งคั่งและสูงศักดิ์รึ
ได้พบกันร่วมบรรเลงเพลงบนเส้นทางเซียนรึ
ทุกคนมองศีรษะเต่าดำยับย่นอัปลักษณ์นั่น เวลานี้มึนงงกันนิดๆ
บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์…โดนวิชามายาของอสูรเต่ารึ จะว่าไปก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเผ่าเต่าจะมีวิชามายาร้ายกาจเช่นนี้มาก่อน!
……
ทุกคนอึ้งไป เต่าเผือกนั่นเหมือนจะพอใจกับคำเยินยอของเสิ่นเทียนมาก
มันลูบเคราสีขาวที่ไม่รู้เอามาติดจากที่ใด แสร้งทำท่าทีลึกลับ “สหายเต่ารึ? คนหนุ่มช่างไม่รู้ฟ้าสูงดินหนาจริงๆ เจ้ารู้หรือไม่ว่าถ้าวัดตามการแบ่งรุ่น อาจารย์เจ้ายังต้องเรียกข้าว่าบรรพจารย์ด้วยซ้ำ”
เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย เจ้าเต่าน้อยนี่ ยอมรับคำเยินยอเฉยเลย
เหมือนเห็นเสิ่นเทียนทำหน้าไม่คิดเช่นนั้น เต่าเผือกจึงพูดด้วยความเฉยชา “ช่างเถอะ จะให้เจ้าได้รู้ถึงชื่อเสียงของข้าแล้วกัน เตรียมจักรพรรดิแสงทอง เจ้าน่าจะรู้จักกระมัง!”
ฟางฉางเหมือนนึกอะไรได้ถึงกับร้องตกใจ “เตรียมจักรพรรดิคนสุดท้ายของฝ่ายเรา ท่านนั้นที่ได้รับขนานนามในสนามรบบรรพกาลเมื่อหมื่นปีก่อนว่า ‘ประกายแสงสีทอง’ น่ะหรือ”
เต่าเผือกพยักหน้าอย่างลำพองใจ “ใช่ ข้ามีนามว่าไป๋ตี้ เตรียมจักรพรรดิแสงทองบรรพจารย์ของพวกเจ้านั่น…
เหอะๆ เป็นข้าเองที่อบรมสั่งสอนเขามาตั้งแต่เยาว์วัยจนเติบใหญ่!”
……………………