บทที่ 63 ต่อให้ใช้เรือนร่างก็ยอม
ทุกคนรู้ว่าสำหรับสำนักพรรคฝ่ายแล้ว วิชาคือมรดกพื้นฐานที่สุด แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คือหนึ่งในสิบสองแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดแห่งแดนบูรพา ฝึกฝนวิชาสายฟ้าโดยเฉพาะ
ตั้งแต่โบราณมา ผู้สืบทอดเทพสวรรค์ควบคุมสายฟ้า ทำหน้าที่แทนสวรรค์ กระทั่งยอดผู้แข็งแกร่งในนั้นยังควบคุมภัยพิบัติสวรรค์ได้
แม้จะอยู่ในสิบสองแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ยังมีมรดกอำนาจเหนือชั้น ในช่วงสูงสุด ถึงขนาดที่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังเคยขึ้นไปสูงจุดสูงสุดของสิบสองแดนศักดิ์สิทธิ์
ตอนนั้นแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ออกคำสั่งกับใต้หล้า เป็นผู้นำทิศหนึ่งในแดนบูรพา!
…….
แต่ว่าโลกนี้ไม่มีมรดกสืบทอดที่ไม่เสื่อมสลาย
เมื่อหมื่นปีก่อน ในสงครามกับมารร้ายต่างแดนนั้น แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่ควบคุมสายฟ้าเป็นปรปักษ์ที่แกร่งที่สุดของมารร้ายต่างแดน ดังนั้นถึงได้โดนมารร้ายต่างแดนลอบโจมตีในขณะเพลี่ยงพล้ำ
กระทั่งแม้แต่โลกเล็กเทพสวรรค์ยังถูกทำลาย!
นั่นคือมหันตภัยที่เรียกได้ว่าสยดสยองน่าอนาถเป็นที่สุด
บุตรศักดิ์สิทธิ์ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ และผู้อาวุโสสูงสุดแห่งแดนเทพสวรรค์แทบทั้งหมดตายตกในสงคราม วิชาอัสนีอันเลิศล้ำที่ทรงพลังที่สุดยังสิ้นการสืบทอด
แม้แต่คัมภีร์จักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ที่ลึกลับที่สุดในแดนเทพสวรรค์ยังหายไปมากกว่าครึ่งในมหันตภัยครั้งนั้น
โดยเฉพาะบทต้องห้ามที่แกร่งที่สุด ก็หายสาบสูญไปด้วย!
…….
ต้องรู้ไว้ว่า บทต้องห้ามของคัมภีร์จักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ มีวิชาเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์เป็นมรดกวิชาสูงสุด
แม้แต่ในคัมภีร์จักรพรรดิทั้งแดนบูรพา พลานุภาพสังหารของมันก็มากพอจะติดหนึ่งในสามได้
ตั้งแต่โบราณมา เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์และบุตรศักดิ์สิทธิ์ต่างใช้มันในการปกครอง
ขอแค่ฝึกฝนวิชาลับสูงสุดนี้สำเร็จ ก็จะเย้ยหยันใต้หล้า ไร้พ่ายในขอบเขตพลังเดียวกันได้!
การสูญหายของวิชาลับนี้ ทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่เดิมทีพลังปราณเดิมเสียหายอย่างหนักอยู่แล้วสาหัสยิ่งขึ้นไปอีก
ตอนแรกแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อยู่ห้าอันดับแรก กระทั่งสามอันดับแรกในแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างมั่นคงมาตลอด
ทว่าหลังจากคัมภีร์จักรพรรดิหายไปมากกว่าครึ่ง ยอดอัจฉริยะสูงสุดฝึกฝนแล้วก็ไร้พลังในเวลาต่อมา
เมื่อถึงช่วงปลายของเส้นทางการฝึกฝน ก็ยากจะต่อกรโอรสสวรรค์ของแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ๆ ได้
นานวันเข้า อำนาจของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ลดน้อยลงไม่หยุด ฐานะในแดนศักดิ์สิทธิ์ดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออกมากขึ้น
…..
หนึ่งหมื่นปีมานี้ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สืบทอดเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ต่อกันมาหลายสิบรุ่น เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ทุกรุ่นต่างพยายามเติมเต็มมรดกในแดนศักดิ์สิทธิ์กันอย่างเต็มที่
นานวันเข้าก็พอจะถูๆ ไถๆ เติมเต็มเคล็ดวิชาส่วนใหญ่ในคัมภีร์จักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ได้ มีเพียงบทต้องห้ามเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์ในช่วงท้ายสุดที่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครเติมให้สมบูรณ์ได้
ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นบทต้องห้ามที่ลึกล้ำที่สุดในคัมภีร์จักรพรรดิอัสนีซึ่งสร้างโดยจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์
เว้นแต่จะได้รับการชี้แนะในวิถีแห่งสายฟ้า ถึงพอจะเทียบเคียงกับจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ได้
ไม่อย่างนั้นถ้าไม่ได้ศึกษาคัมภีร์ฉบับเดิมมา จะไม่มีทางเติมให้เต็มได้
…..
จางอวิ๋นซีเองก็ไม่คาดคิดเหมือนกัน แดนศักดิ์สิทธิ์ออกตามหาทั่วทุกสารทิศเป็นเวลาหมื่นปีก็ยังหามรดกวิชาไม่พบ
แต่นางกลับหาเจอในร้านแร่วิญญาณเล็กๆ ที่อาณาจักรต้าเหยียน!
ใช่ จี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์ชิ้นนี้ถูกเรียกอีกอย่างว่า เคราะห์จักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์
บนจี้มังกรและจี้พยัคฆ์แยกกันบันทึกวิชาเทพสวรรค์ที่หายสาบสูญไปสองวิชา อีกทั้งเมื่อจี้มังกรกับจี้พยัคฆ์ประสานกัน จะทำให้เคล็ดวิชามรดกลับของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ตื่นขึ้น
ก็จะได้กระบวนท่าสังหารต้องห้ามสูงสุดของคัมภีร์จักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์จากในนั้น วิชาเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์!
จี้หยกนี้คือสัญลักษณ์ของตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เมื่อหมื่นปีก่อน!
……..
จางอวิ๋นซีประสานมุทราส่งลำแสงเทพสีขาวออกจากมือ แสงเทพโดนตัวจี้หยกคู่นั้น ก่อนจะถูกกลืนเข้าไปทันที
พริบตาเดียว ลำแสงที่ห่อจี้หยกก็คืนกลับมา
จางอวิ๋นซีลูบคลำจี้หยกอย่างเบามือ
นางที่เย็นชาแข็งแกร่งและสูงส่งมาตลอด ตอนนี้เบ้าตาแดงเรื่อแล้ว
ทุกคนรอบข้างไม่รู้ว่าจางอวิ๋นซีซาบซึ้งใจเพียงใด
ตอนนี้ หลิวไท่อี่เห็นจางอวิ๋นซีเบ้าตาชื้นก็เบะปาก
เขาหัวเราะเยาะ “เมื่อครู่ไม่เชื่อไม่ใช่รึ! เหตุใดตอนนี้ถึงร้องไห้ล่ะ ข้าจำได้ว่าเมื่อครู่มีคนบอกว่าในแร่นี้ไม่มีอะไร และถ้าผ่าออกมามีมูลค่าห้าแสนศิลาวิญญาณขึ้นไปก็จะทำอะไรนะ”
คำพูดของหลิวไท่อี่ทำให้จางอวิ๋นซีที่ตอนแรกมีสีหน้าตื่นตะลึง ดีใจ และตื้นตันใจ รอยยิ้มค่อยๆ แข็งค้างไป
ใช่แล้ว!
เมื่อครู่จางอวิ๋นซีเดิมพันด้วยความโมโหเพราะเถ้าแก่ซ่งเยาะเย้ย บอกว่าถ้าของที่ผ่าออกมามีค่าเกินห้าแสนศิลาวิญญาณก็จะยกสมบัติที่เปิดได้ให้เสิ่นเทียนโดยไม่มีการเรียกค่าตอบแทนใดๆ
ทว่าสวรรค์ตัดสินได้ ตอนแรกนางคิดว่าออกมาเป็นสมบัติวิญญาณสักชิ้นก็จุดธูปชั้นดีแล้ว ใครจะไปคิดว่าแร่ลายแมงมุมผุๆ พังๆ นี่จะออกมาเป็นจี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์
ผิวนอกหินแร่นั่นมีรอยลายแมงมุมเต็มไปหมด ก็เพราะโดนพลังธาตุสายฟ้า!
จี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์จะเทียบกับศิลาวิญญาณห้าแสนก้อนได้ที่ไหนกัน ต่อให้ขึ้นอีกเป็นหมื่นเท่าก็ยังไม่พอ!
ตอนนี้ หลิวไท่อี่เอาเงื่อนไขการเดิมพันก่อนหน้านี้มาตอกหน้าจางอวิ๋นซี นางโต้กลับไม่ได้จริงๆ
ถ้าเป็นของอย่างอื่น แม้แต่ทองคำเซียน ดินดำ หรือวารีแท้ ด้วยนิสัยของจางอวิ๋นซีก็ยังกัดฟันทำตามสัญญาได้
ทว่ามรดกวิชาเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์นี่ นางไม่มีทางยอมเด็ดขาด
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นความหวังที่จะให้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ผงาดขึ้นมาอีกครั้ง!
……..
จางอวิ๋นซีหน้าแดงด้วยความเขินอาย แทบจะกัดริมฝีปากใต้หน้ากากจนเลือดซิบ
นางสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนกล่าวว่า “จี้หยกคู่นี้มีความหมายพิเศษกับอวิ๋นซี หวังว่าสหายเสิ่นจะตัดใจให้อวิ๋นซี อวิ๋นซียินดีจะใช้ทุกอย่างแลก แม้กระทั่ง…”
ความจริงแล้ว ด้วยกำลังรบของจางอวิ๋นซี ถ้าคิดจะชิงจี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์ ทุกคนที่นี่ไม่มีใครขวางได้เลย ทว่าความโอหังของนางห้ามไม่ให้ตัวเองทำเช่นนั้น
นางตัดสินใจแล้วว่าขอแค่เสิ่นเทียนยอมยกจี้หยกให้ นางยินดีจะตอบแทนเสิ่นเทียนด้วยทุกวิถีทาง แม้จะใช้เรือนร่างก็ยอม!
ใครใช้ให้เมื่อครู่ตนหยิ่งผยองกัดฟันแน่นไม่ยอมเชื่อเขากัน!
จะกินจะดื่มล้วนมีเหตุและผล ตอนนี้ก็ได้แต่ยอมสำนึกเสียใจ!
ในใจของจางอวิ๋นซีเตรียมโดนข้อเรียกร้องราคาสูงลิ่วแล้ว
ทว่าเสิ่นเทียนแค่แหงนหน้ามองฟ้า ก่อนพูดยิ้มๆ “ท่านเซียนไม่ต้องเกรงใจ ข้าเคยพูดไว้นานแล้วว่าผู้ไร้วาสนามีหมื่นตำลึงทองก็ไม่รับ ผู้มีวาสนาจะไม่เก็บเงินแม้แต่แดงเดียว
ท่านเซียนมีวาสนากับข้า อีกทั้งเงินที่ซื้อหินแร่นี่ยังเป็นของท่านเซียน เช่นนั้นตอนนี้ผ่าออกมาได้สมบัติล้ำค่าก็ย่อมเป็นของท่านเซียน
ท่านเซียนไม่ต้องสนใจการเดิมพันกับเถ้าแก่ซ่งหรอก รับไปได้เลย ภายภาคหน้าหากมีชะตาฟ้าลิขิต ท่านเซียนย่อมได้ตอบแทนข้า”
…….
เสิ่นเทียนมองฟ้าที่เมฆดำและสายฟ้าค่อยๆ หายไป ภายในใจเขาคิดคำนวณไว้อย่างดีอยู่ก่อนแล้ว
เหอะๆ ถึงไม่รู้ว่าจี้หยกนี่จะมีความสามารถพิเศษอะไร แต่เห็นมันปรากฏออกมาอย่างยิ่งใหญ่ก็รู้แล้วว่าเป็นสมบัติล้ำค่าสูงสุดแน่นอน
เปิดได้ของแบบนี้ เสิ่นเทียนจะสนใจหรือ
ไร้สาระ เขาต้องสนใจอยู่แล้ว!
ปัญหาคือไม่กล้าแตะต้องนี่สิ!
ถ้าเสิ่นเทียนเจอจี้หยกนี้เงียบๆ ก็คงไม่มีคำอื่น แต่จะซ่อนไว้ในกระเป๋าแล้วหนีไป
มีโอกาสได้เปรียบแต่ไม่เอา นั่นเรียกคนโง่!
ปัญหาคือตอนนี้ผู้บำเพ็ญทั้งสวนหมื่นวิญญาณ กระทั่งในระยะหลายร้อยลี้รู้ว่ามีสมบัติสูงสุดปรากฏขึ้น อีกทั้งยังอยู่ในสวนหมื่นวิญญาณด้วย
ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ถึงเสิ่นเทียนจะกล้ารับของหรือ
วงรัศมีสีขาวปนดำเหนือศีรษะของเขาจะแผ่คลุมสมบัติสูงสุดเช่นนี้อยู่หรือ
ล้อเล่น แค่เกาะกินไม่ต้องเป็นเจ้าของ พอถูๆ ไถๆ ไปก็พอ
ถ้าคิดจะครอบครองจริงๆ ละก็…เหอะๆ คงโดนคนสับทำเป็นปุ๋ยทุกนาที มีมเพื่อนคนดำแบกโลงศพฉายวนอีกครั้ง
หนำซ้ำจี้หยกนี่ต้องใช้เคล็ดวิชาพิเศษกระตุ้น เสิ่นเทียนรับไว้ก็ใช้ไม่ได้
สู้ส่งพระให้ถึงแดนชมพูทวีป ส่งจี้หยกนี้ให้จางอวิ๋นซีไปเลยดีกว่า
ถ้าจางอวิ๋นซีรับจี้หยกนี้ไปจะมีประโยชน์อย่างมาก
เสิ่นเทียนหาสมบัติล้ำค่าสุดยอดให้แทนนาง เรื่องน้ำใจย่อมไม่ต้องพูดถึง
ต้นขาที่ทั้งขาวทั้งใหญ่แบบนี้ ถ้าเข้าไปเกาะขอพึ่งพาแล้ว จากนี้เขาจะขาดเรื่องผลประโยชน์อีกหรือ
เสิ่นเทียนเข้าใจดี
ในโลกบำเพ็ญเซียนที่มีอันตรายอยู่ทุกที่นี้ ถ้าเจ้ามีพลังต่อสู้ไม่สูงพอ ดวงชะตาไม่แกร่งพอ ก็ต้องสร้างอะไรที่มั่นคงหน่อย!
ค่อยๆ สะสมของไป อย่าบุ่มบ่าม!
…………………………..………