ตอนที่ 374 ความตั้งใจของหรงจิง
เซียงฉือเล่านิทานอย่างเชื่องช้าด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอย่างยิ่งฟังดูอืดอาด เรื่องที่เล่าก็มหัศจรรย์พันลึก ไม่ต้องคิดเยอะ และยังเป็นนิทานที่ยาวยิ่งอีกด้วย
หรงจิงไม่เคยฟังนิทานเช่นนี้มาก่อนจึงรู้สึกสนใจมาก เขาหลับตาลงแล้วตั้งใจฟังนางเล่า
เซียงฉือยิ่งเล่าก็ยิ่งคึกคัก ร้อยเรียงเรื่องราวโดยไม่ต้องอาศัยการร่าง
ดีที่หรงจิงยังไม่เคยฟังนิทานก่อนนอนมาก่อน ถึงจะรู้สึกว่ามีหลายจุดที่เป็นไปไม่ได้ แต่เขาก็มีมารยาทพอที่จะไม่ขัดและไม่พูดออกมา ยังคงฟังเซียงฉือใช้เสียงลึกลับเล่านิทานต่อไปอย่างเงียบๆ
“เพราะมีคนจำนวนมากต้องการจะรู้ชื่อและความเป็นมาของเขา ดังนั้นทุกคนจึงล้อมวงกันคิดจะคัดเลือกใครสักคนให้ไปถามท่านเซียนคนนั้น แต่พอถึงวันคัดเลือกคน บรรดาผู้เฒ่าหนวดเคราขาวเช่นกันทั้งหลาย ต่างพากันเกี่ยงยอมกันและปรารถนาจะมอบโอกาสให้แก่คนอื่น”
“ในที่สุด ท่านเซียนคิดจะไปจากที่นั่นแล้ว แต่ชาวบ้านในที่นั้นยังไม่รู้ชื่อของเขา ทั้งไม่รู้ว่าเขากำลังจะปลีกตัวจากไป แต่แล้วมีเด็กน้อยคนหนึ่งวิ่งออกไป ถามกับท่านเซียนเคราขาวว่า ‘ท่านปู่เคราขาว ทุกคนอยากถามว่าท่านชื่ออะไร ท่านบอกกับพวกเราได้ไหม’ เสียงไร้เดียงสานั้นทำลายความเงียบในหมู่บ้าน เมื่อมีเด็กน้อยถามขึ้นก่อน คนอื่นๆ จึงได้ถามตาม”
เมื่อเซียงฉือเล่ามาถึงตรงนี้หรงจิงเริ่มเกิดความง่วงแล้ว แต่เขาก็ยังยิ่งต้องการรู้เรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไป แต่เซียงฉือกลับหยุดเล่า นางย่องไปยังข้างเตียงหรงจิง กลั้นลมหายใจแล้วยื่นเข้าไปใกล้ แล้วพิจารณาดูอย่างถี่ถ้วน
“น่าจะหลับแล้วนะ”
เสียงของเซียงฉือเบาอย่างยิ่ง นางเตรียมจะหอบผ้าห่มหนีออกไป
ขณะก้มหน้ายิ้มเตรียมผละออกมาก็ถูกหรงจึงดึงแขนเสื้อไว้
“ท่านเซียนชื่ออะไร”
เซียงฉือถูกหรงจิงจับไว้ก็ตกใจลนลาน ยังดีที่เขาเอ่ยปากถาม มิเช่นนั้นนางคงต้องสะบัดเท้าวิ่งหนีเป็นแน่ หรงจิงยังคงหลับตาเพียงพึมพำถามออกมาเท่านั้น
เซียงฉือต้องลอบร้องแย่แล้ว เพราะรู้ว่าไม่อาจจะเลี่ยงไม่เล่านิทานต่อไปอีกได้
นางคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดเบาๆ ที่ข้างกายหรงจิงว่า
“ไม่ได้ยิน”
หรงจิงฟังคำนั้นแล้วคิ้วก็กระตุกขึ้น เขาใช้มือซ้ายจับแขนเซียงฉือ ใช้พลังหลายส่วนอุ้มเซียงฉือขึ้นมาบนเตียง ใช้มือข้างหนึ่งโอบร่างนางไว้
ให้ใบหูของนางแนบกับริมฝีปากเขา ใช้ระดับเสียงใกล้เคียงกับเมื่อครู่พูดว่า
“เจ้าเด็กต๊อง รีบบอกมาว่าเซียนคนนั้นชื่ออะไร พูดออกมาแล้วข้าจะปล่อยเจ้าไปนอน”
เซียงฉือได้ยินเขาพูดเช่นนั้น ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดที่ข้างหูนาง นางรู้สึกว่าหูตลอดจนใบหน้าของตนร้อนผะผ่าว
ร่างของเซียงฉือถูกหรงจิงรัดไว้จนขยับตัวไม่ได้ แต่ถึงจะปล่อยให้นางได้ขยับทว่าตอนนี้นางตะลึงไปแล้ว นับวันหรงจิงยิ่งใจกล้ากับนางมากขึ้น แต่เมื่อนางได้ยินคำพูดของหรงจิงจึงกัดริมฝีปากตอบไปว่า
“เสียงที่ถามของเด็กน้อยคนนั้นเบาเกินไป ส่วนเสียงพูดของคนอื่นๆ ก็จ้อกแจ้กจอแจเกินไป ท้ายที่สุดท่านเซียนฟังได้ไม่ชัดเจนจึงได้พูดออกไปคำหนึ่งว่า ไม่ได้ยิน!”
“จากนั้นเกิดเสียงฟิ้วขึ้นแล้วเหาะจากไป”
เซียงฉือชะงักลงก่อนจะพูดต่อว่า
“นี่ก็คือนิทานเรื่องท่านเซียนไม่ได้ยิน”
หรงจิงเมื่อฟังแล้วก็หัวเราะลั่นออกมา แขนที่โอบเซียงฉือก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น
เซียงฉือไม่กล้าขัดขืน แต่ใจเต้นโครมคราม และเริ่มหวาดกลัวขึ้นมา
ตอนที่ 375 ใจกล้ามาจากไหน
ในความมืด หรงจิงมองดูดวงตาของเซียงฉือ สายตาทั้งสี่ประสานกัน หัวใจของเซียงฉือระทึกเสียจนแทบจะกระโดดออกมา
หรงจิงเอาแต่จ้องมอง สายตาหวาดหวั่นของเซียงฉือกะพริบไหว เขาจ้องตานางอยู่เช่นนั้นด้วยความสนใจและเปี่ยมความจริงใจ
“เจ้าเด็กต๊อง ข้าแต่งตั้งให้เจ้าเป็นนางสนมดีไหม จะได้คอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายข้า เล่านิทานให้ข้าฟังทุกคืน เป็นอย่างไร”
เซียงฉือถูกเขาถามเข้าเช่นนี้ก็ตกใจจนตอบไม่ถูก เมื่อหรงจิงพูดจบ เซียงฉือก็เห็นริมฝีปากของเขาใกล้เข้ามา ยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
นางหวาดกลัวจนต้องหลับตา คนคนนี้เป็นฮ่องเต้ นางไม่สามารถขัดขืน ไม่อาจปฏิเสธได้
เซียงฉือปลอบตัวเอง แต่น้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลออกมาแล้ว
ถึงแม้นางจะอดกลั้นสุดกำลัง แต่พอหรงจิงเผลอก็ผลักเขาออก แล้วไถลจากตัวเขาลงไปบนพื้น คุกเข่าโขกศีรษะ
“ฐานะและสถานะของหม่อมฉันไม่คู่ควรปรนนิบัติรับใช้ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันจะรีบไปทูลเชิญพระสนมสักพระองค์หนึ่งให้มาปรนนิบัติฝ่าบาทเดี๋ยวนี้…”
เซียงฉือลนลานโขกศีรษะต่อเนื่อง ทั้งกระเสือกกระสนคิดจะออกไป หรงจิงถูกเซียงฉือผลักออก เขาตกตะลึงก่อนจะบันดาลโทสะ
“กลับมา!”
เซียงฉือไม่กล้าขยับเท้าอีกแม้แต่ลมหายใจก็แทบจะหยุดชะงัก น้ำตาที่ขังอยู่หางตาตอนนี้ทะลักหลั่งไหลออกมา
น้ำตากลิ้งร่วงหล่นลงราวไข่มุก เซียงฉือไม่กล้าขัดคำสั่งฮ่องเต้จึงถอยกลับมาอย่างว่าง่าย แล้วไปคุกเข่าอยู่แทบเท้าหรงจิง
“ฝ่าบาท หม่อมฉันผิดไปแล้ว หม่อมฉันสำนึกผิด…”
หรงจิงโกรธจริงๆ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธเขามาก่อน และเขาก็ไม่เคยควบคุมตัวเองไม่ได้เช่นนี้มาก่อนเช่นกัน แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไรการที่เซียงฉือปฏิเสธเขานั้นเป็นเรื่องจริง
ข้าราชสำนักสตรีแต่อดีตมาก็เป็นสตรีของฮ่องเต้ นอกจากฮ่องเต้จะประทานให้กับข้าราชบริพารแล้ว เมื่ออยู่ในวังก็คือหนึ่งในสาวงามสามพันคนในฝ่ายในของหรงจิง
เซียงฉือเป็นข้าราชสำนักสตรีงานอักษรแต่ถึงกับกล้าปฏิเสธเขาบนเตียง ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายทั่วไปหรือเป็นฮ่องเต้ก็ตาม ย่อมไม่อาจกล้ำกลืนความโกรธนี้ลงได้
“สำนึกผิด เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าทำอะไร เจ้าถึงกับกล้าปฏิเสธข้า”
น้ำเสียงของหรงจิงเย็นเยียบเสียดกระดูก เขาโกรธจริงๆ เขารักความฉลาดเฉียบแหลมของเซียงฉือ แต่เขาก็ชอบนาง ซึ่งควรจะเป็นวาสนาของนางแต่นางกลับปฏิเสธ
แล้วคืนนั้นในห้องอักษรในตำหนักจู้เซียงของซูเฟย นางกลับมีท่าทีเขินอายด้วยความเสน่หา ผู้หญิงคนนี้ช่างเปลี่ยนแปลงง่ายดายจริงๆ
เซียงฉือคุกเข่าอยู่บนพื้นศีรษะโขกกับอิฐดังโป๊กๆ หรงจิงได้ยินแล้วยิ่งหงุดหงิดรำคาญใจ
เขาจับนางแล้วดึงเข้าแนบอก
“บอกข้ามา ทำไมเจ้าปฏิเสธข้า ตั้งแต่วันแรกที่เจ้าเข้าวังก็เป็นคนของข้าแล้ว ใครให้ความกล้ากับเจ้าเช่นนี้ หรือว่าใครทำให้เจ้าปฏิเสธข้า เจ้า…”
ดวงตาเฉียบคมคู่นั้นของหรงจิงมองเข้าไปในดวงตาวาววับของเซียงฉือ เขามองเห็นความหวาดหวั่นและกังวล นางรู้อยู่เต็มอกว่าการปฏิเสธเขาจะต้องลงเอยอย่างไร แต่นางก็ยังทำเช่นนี้
นางทำเช่นนี้เพราะเหตุใด…
“ฝ่าบาท หม่อมฉันยังอยู่ระหว่างไว้ทุกข์ ทั้งกระดูกของท่านปู่ก็ยังไม่ทันเย็น ฝ่าบาททรงรับปากหม่อมฉันแล้วว่าจะให้หม่อมฉันได้ไว้ทุกข์ให้ท่านปู่นี่เพคะ”
เซียงฉือพรั่งพรูออกมาทั้งเสียงและน้ำตา ตอนนี้สมองนางสะท้านเลื่อนลั่นคิดเหตุผลอะไรไม่ออกในชั่วขณะ ได้แต่ใช้คำอธิบายนี้ เพื่อทำให้หรงจิงสงบเย็นลงก่อนแล้วค่อยพูดจา
ดวงตาคู่นั้นของหรงจิง เขาหรี่จนหางตายาวยืด เซียงฉือเห็นแล้วจิตใจยิ่งรัดแน่นขึ้น
ใจของนางราวถูกแขวนอยู่กลางอากาศ แขวนอยู่เช่นนั้นแม้ไม่ตายแต่ก็หวาดกลัวสุดประมาณ
“ไว้ทุกข์? เจ้าคิดว่าแค่นี้ก็จะตบตาข้าไปได้หรือ”
น้ำเสียงหรงจิงอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย เซียงฉือจึงค่อยวางใจลงได้บ้าง