บุปผาเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 376 ความคิดเซียงฉือ / ตอนที่ 377 ปฏิเสธ

ตอนที่ 376 ความคิดเซียงฉือ  

 

 

หรงจิงดึงเซียงฉือไว้ทำให้นางต้องมองเขา แต่ยิ่งเขาสบตานางก็ยิ่งรู้สึกร้อนรุ่ม  

 

 

ใช่ว่าเขาจะไม่มีความคิดแต่งตั้งเซียงฉือเป็นสนมมาก่อน เขาถึงขนาดคิดราชทินนามสำหรับนางไว้เสร็จสรรพ แต่ต้องเลิกล้มไป เพราะนอกจากสถานะของนางแล้วก็เป็นเพราะว่าหากเซียงฉือเป็นสนมขึ้นมาจริงๆ ก็จะไม่สามารถอยู่เคียงข้างกายเขาได้ทุกวัน ไม่อาจเป็นข้าราชสำนักสตรีงานอักษรได้อีก  

 

 

เพราะเขาเริ่มไม่สามารถห่างจากนางได้อีกแล้ว  

 

 

เซียงฉือมีความรู้ความสามารถ ความงามของนางหากเป็นสนมเพียงจัดว่าดีพอใช้ ไม่ได้มีความงามถึงขั้นชวนตะลึง ยังด้อยกว่าจินกุ้ยเฟยกับซูเฟยอีกระดับ  

 

 

แต่ทว่ากิริยาก้มหน้าทำงานใช้ความคิดนั้น ชวนให้จิตใจหวั่นไหว  

 

 

สายตาเซียงฉือแลมองท่าทีของหรงจิง ความลังเลเพียงเล็กน้อยของเขาทำให้จิตใจนางมั่นคงขึ้น เอ่ยปากออกไปด้วยเสียงสั่นน้อยๆ  

 

 

“ฝ่าบาท ขอโปรดทรงฟังความลำบากใจของหม่อมฉัน ให้โอกาสหม่อมฉันได้ชี้แจงด้วยเถิดเพคะ”  

 

 

หรงจิงคลายมือออก สุดท้ายร่างของเซียงฉือก็ร่วงลงไปบนพื้น นางกึ่งนั่งกึ่งคุกเข่า กิริยาทึ่มทื่อน่ารัก  

 

 

หรงจิงยืดตัวนั่งมองดูนาง พูดขึ้นเย็นชาว่า  

 

 

“ข้าจะฟังดูว่าเจ้าจะพูดอะไร”  

 

 

เซียงฉือฟังอย่างไม่ยินดียินร้าย นางขมวดคิ้วใคร่ครวญเรื่องที่ตนต้องการจะแสดงออกไป เมื่อเรียบเรียงคำพูดได้แล้วจึงเอ่ยปาก  

 

 

“ฝ่าบาท เมื่อครู่ที่หม่อมฉันแสดงกิริยาเช่นนั้นเป็นเพราะหม่อมฉันคิดจะไว้ทุกข์ให้กับท่านปู่จริงๆ หม่อมฉันไม่ได้โง่งม เพียงแต่ว่าฝ่าบาท ถึงหม่อมฉันจะอยู่ในวังไม่นานนัก แต่เพราะได้เห็นรายงานของใต้เท้าเหอ ทำให้รู้ว่าเป็นความผิดของหม่อมฉันเองที่ทำให้ท่านปู่ถึงแก่ความตาย หม่อมฉันตำหนิติโทษตัวเองอย่างหนัก”  

 

 

“แต่ว่าตอนนี้ชีวิตหม่อมฉันไม่ได้เป็นชีวิตของตัวเองแล้ว แต่เป็นชีวิตที่ฝ่าบาทพระราชทานให้ หม่อมฉันจึงไม่กล้าคิดจะตาย และคิดจะรักษาร่างกายที่ยังมีประโยชน์นี้ไว้เพื่อทดแทนพระกรุณาของฝ่าบาทเพคะ”  

 

 

เซียงฉือก้มคารวะ คำพูดเหล่านี้เป็นคำพูดจากใจจริงของนางโดยไม่มีสิ่งใดเจือปน เซียงฉือเอ่ยอ้างรายงานใต้เท้าเหอ และว่าตนเองเป็นคนทำร้ายท่านปู่จนถึงแก่ความตาย ในตอนนั้นใจของหรงจิงก็สะท้านขึ้น  

 

 

เขามองออกว่าเซียงฉือมีส่วนอยู่ในนั้น ทั้งยิ่งเข้าใจความรู้สึกเช่นนั้นอย่างแจ่มชัด เขาไม่ได้ยับยั้ง ยังคงฟังคำพูดของนางต่อไป  

 

 

เซียงฉือลุกขึ้นพูดกับหรงจิงต่อว่า  

 

 

“ฝ่าบาท ที่หม่อมฉันกราบทูลมานี้คือเหตุผลที่ทำให้หม่อมฉันไม่อาจไม่ปฏิเสธพระองค์เพคะ อีกทั้งยังเป็นเหตุผลที่หม่อมฉันจะกราบทูลต่อไปว่าภายหน้าหม่อมฉันก็ยังคงจะปฏิเสธฝ่าบาทเช่นกันเพคะ”  

 

 

หรงจิงได้ฟังดังนั้นคิ้วก็เลิกคิ้ว ผู้หญิงคนนี้ถูกเขาตามใจจนเหลิงไปแล้วจริงๆ ต่อไปภายหน้ายังจะปฏิเสธเขาอีกเช่นนั้นหรือ ดูท่านางคงจะเบื่อชีวิตแล้วจริงๆ  

 

 

ท่าทางของหรงจิงค่อยๆ เย็นเยือกขึ้น เขาสามารถปลดปล่อยผู้หญิงคนหนึ่งได้ แต่จะไม่ยอมให้ผู้หญิงคนหนึ่งมาล้อเขาเล่น มาทำให้ฮ่องเต้อย่างเขาไร้ตัวตนเช่นนี้ได้  

 

 

ถึงแม้เซียงฉือจะสัมผัสถึงลมเย็นเยือกเบื้องหน้าได้ แต่นางยังคงเงยหน้า พูดอย่างองอาจว่า  

 

 

“ฝ่าบาท การที่หม่อมฉันปฏิเสธพระองค์เป็นเพราะหม่อมฉันปรารถนาจะอยู่ข้างพระวรกายนานๆ เพคะ หม่อมฉันมีความละโมบ ไม่ต้องการจะเป็นเหมือนสตรีฝ่ายในทั้งหลายที่เป็นดั่งนกกาเหว่า เฝ้ารอให้ฝ่าบาทเสด็จไปโปรด รอคอยให้ฝ่าบาทเสด็จไปพบพวกนางอยู่ทุกวัน”  

 

 

“หม่อมฉันไม่ปรารถนาจะเป็นดั่งสตรีพวกนั้น และหม่อมฉันในลักษณะเช่นนั้นก็ไม่ใช่เซียงฉือที่พระองค์โปรดเช่นกันเพคะ”  

 

 

ดวงตาเซียงฉือมีแววจริงใจและตัดสินใจ หรงจิงมองเห็นด้วยตาและหวั่นไหวอยู่ภายในใจ  

 

 

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร ซูเฟยแต่เดิมก็เป็นข้าราชสำนักสตรีงานอักษรของข้า ตอนนี้ข้าก็ยังโปรดปรานนางอยู่มิใช่หรือ เหตุผลของเจ้านี่ฟังไม่ขึ้น”  

 

 

หรงจิงพูดออกมาด้วยท่าทางร้ายกาจ เซียงฉือยิ้มอย่างเย้ยหยันตนเอง  

 

 

“ซูเฟยทรงมีพระสิริโฉมงดงาม มีศิลปะการร่ายรำเป็นเลิศ ทั้งยังสามารถสร้างความพอพระทัยให้ฝ่าบาทได้ดีที่สุด ดังนั้นตลอดระยะเวลาหลายปีมานี้จึงยังได้รับพระกรุณามิเสื่อมคลาย ทว่าในด้านนี้หม่อมฉันไม่สามารถเทียบกับซูเฟยได้แม้เพียงน้อยนิดเพคะ”  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 377 ปฏิเสธ  

 

 

เซียงฉือหัวเราะเยาะตนเองก่อนจะพูดต่อ  

 

 

“ฝ่าบาททรงทราบว่าหม่อมฉันไม่รู้จักการแย่งชิงเพื่อเป็นคนโปรดทั้งยังแย่งไม่เป็นอีกด้วยเพคะ”  

 

 

“ฝ่าบาทก็ยังทรงทราบอีกว่าเหตุการณ์ครั้งก่อนนั้นทำให้จินกุ้ยเฟยเกลียดแค้นหม่อมฉันเข้ากระดูก ถ้าหากหม่อมฉันเป็นพระสนมแล้วจะสามารถรอดพ้นจากจินกุ้ยเฟยไหมเพคะ”  

 

 

“ย่อมไม่สามารถ ดังนั้นจึงมีเพียงหนทางตายสายเดียวเพคะ ฝ่าบาททรงประสงค์ให้หม่อมฉันไปตายหรือเพคะ”  

 

 

หรงจิงมองดูเซียงฉือ มองดูท่าทางของนางนิ่งด้วยความดุร้าย  

 

 

“หากฝ่าบาททรงมีพระประสงค์เช่นนั้น มิสู้ให้หม่อมฉันตายด้วยพระหัตถ์ของพระองค์…”  

 

 

เซียงฉือยืดคอออกไป นางหลับตายิ้มอย่างจนใจ นางไม่รู้ว่าหรงจิงจะทำอะไร  

 

 

หากไม่ใช่เพราะวันนี้นางหักหาญปฏิเสธหรงจิงทำให้เขาถูกกระทบใจอย่างแรงแล้ว นางคงใช้วิธีการที่นุ่มนวลกว่านี้เพื่อทำให้หรงจิงยอมถอย แต่ในตอนนี้นางไม่อาจหลีกเลี่ยงวิธีนี้ ส่วนจะได้ผลหรือไม่ หรือจะสำเร็จงดงามเพียงไร ก็ต้องดูการแสดงของเซียงฉือในขณะนี้ว่าสมบทบาทแค่ไหน  

 

 

หรงจิงเห็นอากัปกิริยานางเช่นนั้นก็ใคร่ให้นางได้สมปรารถนาจริงๆ จึงรวบคอนางไว้แน่น บีบเค้นจนใบหน้านางแดงขึ้นมา  

 

 

เซียงฉือเบิกตาโพลงด้วยท่าทีหวาดกลัวต่อความตาย ด้วยความเสียดายชีวิต มือของนางกุมมือหรงจิง นิ้วมือและฝ่ามือนั้นเย็นเฉียบ ความเย็นนั้นทำให้มือของหรงจิงชะงักลง  

 

 

มุมปากเซียงฉือผุดรอยยิ้มเยือกเย็น  

 

 

“คืนความปรารถนาดีน้ำตานอง หากเราสองพบกันก่อนคงจะดี…”  

 

 

เซียงฉือพูดจบ น้ำตาก็ร่วงจากหางตาทั้งสองข้างลงบนมือหรงจิง นางหลับตา เพราะขาดอากาศตาจึงเหลือกแล้วหมดสติไป  

 

 

หรงจิงปล่อยมือจากคอเซียงฉือทันใด เขาอุ้มนางแล้วร้องเรียกอย่างลนลาน  

 

 

“เซียงฉือ เซียงฉือ เจ้าอย่าตายนะ ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าตาย!”  

 

 

“ข้าเป็นฮ่องเต้ เป็นโอรสสวรรค์อย่างแท้จริง ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าตาย!”  

 

 

คำพูดของเซียงฉือทำให้หรงจิงตื้นตันใจ แต่ตอนนั้นเขาลงมือหนักเกินไป ไม่รู้เลยว่าแทบจะเอาชีวิตของเซียงฉือไปแล้วจริงๆ  

 

 

พอเขาคลายมือเซียงฉือก็เริ่มหายใจ ลมหายใจเอื่อยอ่อนค่อยๆ เป็นปกติขึ้น หรงจิงตื่นกลัวจริงๆ เขาเพิ่งรู้สึกตัวว่าตนเองหวาดกลัวว่าเซียงฉือจะจากเขาไปได้ขนาดนี้  

 

 

“หากเราสองพบกันก่อนคงจะดี”  

 

 

“ข้าปล่อยเจ้า ข้าปล่อยเจ้า…”  

 

 

คำพูดนุ่มนวลอย่างจนใจประโยคนั้นเขาเข้าใจดี แต่ใจนั้นยังคงมีความไม่ยินยอม ทว่าเซียงฉือพูดไว้ไม่ผิด จินกุ้ยเฟยถึงกับกล้าส่งคนไปฆ่าปู่ของนาง และหากนางไม่มีเขาคอยคุ้มครอง ออกพ้นประตูตำหนักเจิ้งหยางไปเมื่อไร เกรงว่าเขาคงจะไม่ได้พบนางอีกแล้ว  

 

 

แผนการความคิดชั่วร้ายทั้งหลายในฝ่ายใน เขาที่เป็นฮ่องเต้เพียงแต่ไม่ต้องการไปดู ไม่ใช่เขาจะไม่เห็น เขารู้ดีว่าจินกุ้ยเฟยทำอะไรไว้บ้าง แต่เขาไม่พูด ไม่ได้มีเหตุผลอื่นใด แต่เพียงเพราะจินกุ้ยเฟยก็คือจินกุ้ยเฟยเท่านั้นเอง  

 

 

สุดท้ายแล้วเขายังคงต้องยอมเลิกรา ปล่อยให้เซียงฉือเป็นข้าราชสำนักสตรีของเขาต่อไป ข้าราชสำนักสตรีธรรมดาๆ คนหนึ่ง  

 

 

หรงจิงเองก็เคยเป็นมังกรหลับ ก่อนที่จะถึงเวลาทะยานขึ้นฟ้า พวกมันจะขดตัวนอนอยู่ในทะเลลึก รอคอยโอกาสเมื่อได้สั่งสมความพร้อมแล้ว  

 

 

และนี่ก็เป็นจุดที่เขาชื่นชอบเซียงฉือและเห็นความสำคัญของนาง นางกับเขาล้วนรู้วิธีเก็บซ่อนความสามารถและความทะเยอทะยานของตนเองเช่นเดียวกัน  

 

 

เพียงแต่ความทะเยอทะยานของเซียงฉือมีเพียงน้อยนิด นางคิดเพียงต้องการมีชีวิตที่ดีอยู่ในวังนี้ ง่ายๆ เพียงเท่านี้เอง  

 

 

เพียงให้นางได้ทำอะไรบ้างเล็กน้อยก็จะสามารถอยู่ได้อย่างสงบสุขต่อไป  

 

 

หรงจิงมองดูใบหน้าขาวซีดของเซียงฉือแล้วทอดถอนใจแผ่วเบา  

 

 

“เจ้าเด็กต๊อง เจ้าชนะแล้ว”  

บุปผาเคียงบัลลังก์

บุปผาเคียงบัลลังก์

ครอบครัวตระกูลอวิ๋นต้องโทษทั้งตระกูล บ้านแตกสาแหรกขาด ผู้ชายถูกเนรเทศ ผู้หญิงต้องเข้าวังเพื่อเป็นนางกำนัล แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ อวิ๋นเซียงฉือ ก็ไม่เคยหมดหวัง ชีวิตในวังหลวงแม้เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีแต่นางก็ยังมีเพื่อนที่แสนดีคอยอยู่เคียงข้าง รวมไปถึง หรงฉู่ องครักษ์หนุ่มที่พบกันโดยบังเอิญ เขาคอยช่วยเหลือนางหลายอย่าง และในระหว่างนั้นเองความจริงเรื่องตระกูลของนางก็ค่อยๆ เริ่มปรากฏขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset