บุปผาเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 416 จิ้งเฟยกลับบ้าน / ตอนที่ 417 ออกเดินทาง

ตอนที่ 416 จิ้งเฟยกลับบ้าน  

 

 

วันเกิดจิ้งเฟยตรงกับวันที่สิบเดือนสิบซึ่งตรงกับเทศกาลหยวนชิ่งพอดี ดังนั้นเซียงฉือจึงเตรียมตัวออกนอกวังไปฉลองเทศกาลแต่เนิ่นๆ  

 

 

และเพราะได้แจ้งเหอเจี่ยนสุยไว้ก่อนแล้ว นางจึงยิ่งดีใจเป็นที่สุด  

 

 

เมื่อถึงวันที่เก้าเดือนสิบ ขบวนเกี้ยวน้อยเคลื่อนออกจากตำหนักเฮ่อเหลียนของจิ้งเฟย เซียงฉือพร้อมด้วยนางกำนัลและขันทีขบวนหนึ่งยืนอยู่ที่ด้านข้างของประตูอวี้หลินเพื่อรอรับจิ้งเฟยกับองค์หญิงหรงเย่ว์  

 

 

จิ้งเฟยได้รับพระบรมราชานุญาตออกจากวังในครั้งนี้ ฮ่องเต้ได้ส่งหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ฉู่อวิ๋นเซียวให้ไปคุ้มกันความปลอดภัยให้จิ้งเฟย  

 

 

เซียงฉือยืนเคียงข้างเขา เพราะฉู่อวิ๋นเซียวเป็นผู้อารักขาความปลอดภัยให้ฮ่องเต้ ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับเซียงฉือเป็นอย่างดี ทั้งสองคนต่างคารวะกันและกัน และเกรงใจกันอย่างยิ่ง  

 

 

จิ้งเฟยเดินมาถึงประตูอวี้หลิน หรงเย่ว์ที่ข้างกายนางดูราวก้อนแป้งขาวๆ นุ่มๆ ก้อนหนึ่ง น่ารักอย่างยิ่ง  

 

 

นางตามอยู่ข้างกายจิ้งเฟยอย่างน่าเอ็นดู แต่ดวงตาคู่นั้นกลิ้งกลอกมองสำรวจไปทั่ว  

 

 

พอเห็นเซียงฉือก็เดินเกือบจะเป็นวิ่งเข้ามากอดขานางแล้วพูดยิ้มๆ  

 

 

“พี่เซียงฉือ มีเอาของอร่อยมาให้เย่ว์เอ๋อร์ไหม”  

 

 

เซียงฉือเห็นเย่ว์เอ๋อร์เข้าก็ดีใจ นางหยิบลูกอมเม็ดหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อวางไว้ในมือของหรงเย่ว์ เด็กหญิงจึงยิ้มแต้กลับไปจูงมือจิ้งเฟย  

 

 

จิ้งเฟยผงกศีรษะน้อยๆ ให้เซียงฉือกับฉู่อวิ๋นเซียวแล้วพูดขึ้น  

 

 

“ตลอดการเดินทางนี้ ข้าต้องรบกวนให้ทั้งสองท่านช่วยดูแลแล้ว”  

 

 

เซียงฉือและฉู่อวิ๋นเซียวทำความเคารพ แล้วเซียงฉือก็ขึ้นรถม้าไปกับจิ้งเฟย ส่วนฉู่อวิ๋นเซียวขึ้นหลังม้า จากนั้นขบวนขนาดใหญ่ก็เคลื่อนออกจากประตูพระราชวังอย่างยิ่งใหญ่  

 

 

เซียงฉือนั่งไปเป็นเพื่อนทั้งสองโดยนั่งอยู่ข้างกายหรงเย่ว์ นางบอกกล่าวแก่จิ้งเฟยถึงเรื่องที่ฮ่องเต้สั่งไว้ก่อน ซึ่งไม่ผิดไปจากให้จิ้งเฟยดูแลรักษาตัวให้ดี รีบไปรีบกลับและอยู่เป็นเพื่อนพ่อแม่ให้ดี เป็นต้น  

 

 

บิดาจิ้งเฟยเป็นซื่อหลังในกรมพิธีการมีนามว่าหลิ่วชิงอวิ๋น ดังนั้นบ้านแม่ของจิ้งเฟยจึงตั้งอยู่บนถนนหลวงในเมืองหลวง เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ถึงแม้ประชาชนในเมืองหลวงจะสนใจใคร่รู้ว่าใครกันที่อยู่ในรถม้าที่แล่นออกมาจากพระราชวัง แต่ในเมืองหลวงเช่นนี้พวกชาวบ้านต่างรู้ดีกันอยู่ ขุนนางในเมืองหลวงมีมากมายนัก ซึ่งพวกเขาก็เคารพบุคคลผู้ยิ่งใหญ่อย่างยิ่ง แต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก ที่พากันมุงดูก็เพราะรถม้านั้นโอ่อ่ายิ่งเท่านั้นเอง  

 

 

การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นจนถึงจวนสกุลหลิ่ว ใต้เท้าหลิ่วนำคนในบ้านทั้งหมดรอรับอยู่ที่หน้าบ้าน เมื่อเห็นคนในบ้านกลุ่มใหญ่คุกเข่าอยู่บนพื้นทำให้จิ้งเฟยปวดใจยิ่ง แต่นางรู้ว่านี่เป็นกฎระเบียบ ดังนั้นจึงได้แต่รอให้รถม้าจอดสนิทแล้วรีบเร่งเดินออกไป  

 

 

“หม่อมฉันหลิ่วชิงอวิ๋นถวายบังคมจิ้งเฟยและองค์หญิง”  

 

 

ใต้เท้าหลิ่วเป็นถึงเลขากรมพิธีการ การทำความเคารพเต็มรูปแบบจึงไม่อาจบกพร่องได้ ดังนั้นถึงจะเป็นบิดาจิ้งเฟยก็ยังต้องถวายบังคม  

 

 

จิ้งเฟยรักห่วงบิดาจึงรีบเดินเข้าไปพยุงเขาขึ้นมา  

 

 

“ท่านพ่อ ลูกคิดถึงท่านมาก…”  

 

 

จิ้งเฟยอดสะเทือนใจไม่ได้น้ำเสียงสะอึกสะอื้น ครั้งนี้เซียงฉือมาเป็นตัวแทนฮ่องเต้  ถึงแม้จิ้งเฟยจะฉลองวันเกิดในบ้านสกุลหลิ่วก็ไม่อาจขาดของขวัญ ดังนั้น เซียงฉือจึงยืนประกาศพระราชโองการของฮ่องเต้อยู่ในโถงนั้น  

 

 

ในราชโองการล้วนเป็นการพระราชทานอีกทั้งคำพูดอวยพร เมื่อเซียงฉืออ่านจบก็มอบราชโองการนั้นให้แก่จิ้งเฟยและมอบของขวัญแก่คนบ้านสกุลหลิ่ว จากนั้นนางถอยไปอยู่ด้านข้าง กลับสู่สถานะข้าราชสำนักสตรีขั้นที่เก้าของนาง  

 

 

พอกลับถึงบ้านสกุลหลิ่ว พวกบ้านใหญ่ บ้านรอง บ้านสามต่างทยอยมาเข้าเฝ้า เซียงฉือมาเพื่อดูแลจิ้งเฟย ขณะเดียวกันก็เป็นตัวแทนของฮ่องเต้ในการเฉลิมฉลองวันเกิดของนาง  

 

 

เซียงฉือคิดไว้เสร็จสรรพก่อนแล้วว่าจะเฉลิมฉลองอย่างไรที่จะทำให้เห็นถึงความใส่ใจอย่างยิ่งของฮ่องเต้ที่มีต่อจิ้งเฟย ทั้งยังไม่เป็นการหรูหราฟุ่มเฟือยจนเกินไปด้วย  

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 417 ออกเดินทาง  

 

 

หรงเย่ว์เมื่อกลับไปบ้านสกุลหลิ่ว ที่นั่นมีเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกับนางอยู่มากจึงเข้ากลุ่มร่วมเล่นกับพวกนางได้อย่างรวดเร็ว แม้หลิ่วชิงอวิ๋นจะเป็นเลขากรมพิธีการ แต่เมื่อธรรมชาติของเด็กจะอย่างไรก็ยังเป็นเด็กอยู่ เขาจึงไม่ได้กวดขันกับพวกนางนัก  

 

 

ดังนั้นเมื่อเซียงฉือเก็บสัมภาระเข้าที่พักแล้วจึงว่างลง พวกนางออกจากวังมาแต่รุ่งสาง ตอนนี้จึงยังเช้าอยู่ และเพราะจิ้งเฟยคิดถึงบ้านมาก ตลอดทางจึงไม่เสียเวลาแล้วมุ่งตรงสู่บ้านสกุลหลิ่ว  

 

 

เซียงฉือเดินดูโน่นนี่ในลานบ้านสกุลหลิ่วอย่างไม่รู้สึกเพลิดเพลินอะไร เมื่อคิดไปคิดมาแล้วจึงไปหาหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ฉู่อวิ๋นเซียว  

 

 

“ใต้เท้าฉู่ ข้าได้รับพระบัญชามาเตรียมการจัดงานเลี้ยงเนื่องในวันคล้ายวันประสูติของจิ้งเฟย แต่ข้ามีความคิดว่าในเมื่อออกมาจัดงานที่นอกวังแล้วจึงน่าจะทำให้แตกต่างจากที่เคย ดังนั้นก็เลยอยากออกไปดูอะไรข้างนอกสักหน่อยจึงมาแจ้งให้ท่านทราบ”  

 

 

ฉู่อวิ๋นเซียวรู้ว่าเซียงฉือเป็นคนโปรดของหรงจิง ดังนั้นจึงไม่กล้าเฉยชารีบตอบรับคำทันที  

 

 

“ใต้เท้าอวิ๋นกล่าวอะไรเช่นนั้น พวกเราต่างทำงานถวายฝ่าบาทย่อมจะเข้าใจกันดี ข้าจัดคนสักสามคนออกไปกับท่านจะดีหรือไม่”  

 

 

เซียงฉือฟังแล้วคิดในใจแล้วจึงตอบว่า  

 

 

“ยังคงเป็นใต้เท้าฉู่ที่คิดอ่านรอบคอบ แต่งานนี้ไม่ต้องใช้คนถึงสามคน ขอสักคนหนึ่งที่คุ้นเคยกับอวิ๋นหยางดีไปกับข้าก็พอแล้ว ไม่ทราบว่าท่านคิดอย่างไร หากเห็นว่าสมควรก็ให้คนคนนั้นไปพบกับข้าที่ประตูหลังในอีกหนึ่งเค่อข้างหน้านี้เถิด”  

 

 

พอเซียงฉือพูดเช่นนั้น แม้ฉู่อวิ๋นเซียวยังคิดยืนกราน เพราะเขามีหน้าที่อารักขาจิ้งเฟย ทั้งอวิ๋นเซียงฉือก็อยู่ในข่ายที่เขาต้องอารักขาด้วยเช่นกัน จึงไม่ต้องการให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนาง  

 

 

แต่เมื่อคิดว่าตอนนี้ยังเป็นช่วงกลางวัน ทั้งนครหลวงอวิ๋นหยางนี้ก็มีการรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุด คิดว่าหากมีพวกไม่ประสาพอได้เห็นเครื่องแบบทหารรักษาพระองค์เข้าคงจะไม่กล้าวู่วามทำอะไร ดังนั้นจึงพยักหน้า  

 

 

“ถ้าเช่นนั้นก็ทำตามความต้องการของใต้เท้าอวิ๋นเถิด แต่อย่างไรก็ต้องระวังตัวด้วย”  

 

 

เมื่อคุยกันเสร็จแล้วเซียงฉือกลับไปเตรียมตัว นางเปลี่ยนชุดข้าราชสำนักสตรีออกแล้วแต่งกายแบบสตรีสามัญทั่วไป สวมกระโปรงสีขาวทั้งชุด คลุมผ้าคลุมสีชมพูกับสวมรองเท้าสีชมพูคู่หนึ่ง แลดูสวยงามน่ารักยิ่ง เพราะไม่รู้ว่าวันนี้เหอเจี่ยนสุยจะปรากฏตัวออกมาหรือไม่ เพียงแค่คิดใจของนางก็เต้นโครมคราม นางบรรจงแต่งกายให้ประณีตขึ้น สุดท้ายปิดผ้าคลุมหน้าแล้วจึงออกมาข้างนอก  

 

 

เซียงฉือไปถึงหน้าประตูก็พบทหารองครักษ์พกดาบยืนตรงอยู่ เมื่อเห็นนางก็กำกำปั้นทำความเคารพพูดว่า  

 

 

“ผู้น้อยหยางจิ้น คารวะใต้เท้าอวิ๋น”  

 

 

เซียงฉือเห็นคนคนนั้นดูห้าวหาญน่าเกรงขาม ยามพูดจาไม่ต่างกับระฆังใหญ่ ทำให้นางถึงกับถอยหลังกรูด  

 

 

พอเห็นเครื่องแบบทหารรักษาพระองค์ของเขา นางก็ส่ายหน้าพูดว่า  

 

 

“ใต้เท้าหยาง ข้ามีเสื้อผ้าอยู่นี่ชุดหนึ่ง ท่านถอดชุดเกราะออกเถิด สวมชุดนี้แล้วพวกเราค่อยออกไปกัน”  

 

 

เซียงฉือส่งผ้าคลุมในมือให้หยางจิ้นแล้วหมุนตัวยืนหันหลังให้อยู่หน้าประตูโดยไม่มองฝ่ายตรงข้าม หยางจิ้นถึงกับเกาหัว  

 

 

เขาเป็นทหารรักษาพระองค์ ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากลูกหลานผู้มีบรรดาศักดิ์จากความดีความชอบในราชสำนัก หรือไม่ก็เป็นทหารหาญที่เพิ่งสร้างความดีความชอบมาจึงจะได้มาทำหน้าที่นี้ บิดาของเขาเดิมเป็นไป่ฮู่ต้าเหริน [1]  เขาเป็นบุตรคนรองจึงไม่ได้สืบทอดศักดินาของพ่อ แต่ได้ตำแหน่งทหารรักษาพระองค์ในวัง ใช้ชีวิตตั้งแต่เล็กอยู่ในอวิ๋นหยาง จึงรู้จักอวิ๋นหยางเป็นอย่างดี  

 

 

เมื่อเป็นดังนี้ ถึงแม้เซียงฉือจะให้เขาเปลี่ยนเครื่องแต่งกายซึ่งทำให้เขาตระหนกอยู่บ้างแต่ก็ไม่ต่อต้านปฏิบัติตามแต่โดยดีและเมื่อมาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเซียงฉืออีกครั้งจึงกลายเป็นนักรบในชุดลำลอง เขาที่มีรูปร่างราวพยัคฆ์ร้าย ผ้าคลุมที่เซียงฉือเตรียมให้ก็ห่อหุ้มตัวเขาได้พอดี  

 

 

เซียงฉืออดไม่ได้ต้องหัวเราะพรืดออกมา  

 

 

   

 

 

 

 

 

[1]   ไป่ฮู่ต้าเหริน   (百户大人) เป็นตำแหน่งขุนนางศักดินาจีนในสมัยโบราณ  

บุปผาเคียงบัลลังก์

บุปผาเคียงบัลลังก์

ครอบครัวตระกูลอวิ๋นต้องโทษทั้งตระกูล บ้านแตกสาแหรกขาด ผู้ชายถูกเนรเทศ ผู้หญิงต้องเข้าวังเพื่อเป็นนางกำนัล แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ อวิ๋นเซียงฉือ ก็ไม่เคยหมดหวัง ชีวิตในวังหลวงแม้เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีแต่นางก็ยังมีเพื่อนที่แสนดีคอยอยู่เคียงข้าง รวมไปถึง หรงฉู่ องครักษ์หนุ่มที่พบกันโดยบังเอิญ เขาคอยช่วยเหลือนางหลายอย่าง และในระหว่างนั้นเองความจริงเรื่องตระกูลของนางก็ค่อยๆ เริ่มปรากฏขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset