ตอนที่ 444 คนร้ายที่หลบหนี
ถึงหมิงอวี้จะสำลักเอาน้ำที่สะสมอยู่ในท้องออกมาหมดแล้ว แต่ยังคงสลบไสลไม่ฟื้น หรงจิงนั่งอยู่ข้างเตียงมองดูใบหน้าน้อยๆ ของหมิงอวี้อย่างสงสาร เขาเก็บชายผ้าห่มให้นาง เมื่อหันกลับไปเห็นคนทั้งห้องแล้วถอนหายใจหลีกออกมา
เซียงฉือเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วยืนอยู่ที่ด้านหลังเขา นางรู้ว่าองค์หญิงหมิงอวี้ปลอดภัยแล้ว องค์หญิงสูงส่งยิ่งนักและหรงจิงก็รักน้องสาวคนสุดท้องนี้เช่นกันจึงดูแลนางอย่างดีไม่ยอมให้นางได้รับผลกระทบอะไร จินกุ้ยเฟยกับซูเฟยอีกทั้งชายาทั้งหลายที่เมื่อได้รับรู้ข่าวต่างพากันเร่งมา ห้องที่ไม่ใหญ่มากอยู่แล้วเมื่อคนทั้งหลายเข้ามาจึงค่อนข้างเบียดเสียด
หรงจิงเห็นสภาพนั้นก็สะบัดมือ
“โหรวผินอยู่ในนี้คอยดูแลหมิงอวี้ ส่วนคนอื่นๆ ออกไปอยู่ในห้องโถงใหญ่”
หรงจิงมองไปรอบ หรงเย่ว์เมื่อเห็นจินกุ้ยเฟยเข้ามาก็ซุกอยู่ในอ้อมอกมารดาร้องไห้โฮไม่ยอมจากไป หรงจิงเดิมคิดจะให้จิ้งเฟยอยู่ดูแลหมิงอวี้ แต่เห็นว่าหรงเย่ว์คงยังตกใจกลัวอยู่จึงไม่คิดจะฝืนให้นางอยู่ต่อไป
ดังนั้นเมื่อมองดูรอบหนึ่งแล้ว จึงมอบหมิงอวี้ไว้กับโหรวผินที่เขาไว้ใจที่สุดแล้วจึงได้ออกไป
สายตาจินกุ้ยเฟยดูล่อกแล่ก ซูเฟยมีท่าทีห่วงใย ทว่าสีหน้าหรงจิงไม่ดีนัก นางจึงไม่กล้าแสดงความปรารถนาดีของตนออกมา ดังนั้นจึงเดินออกไปด้านนอกอย่างเคารพนบนอบ
เซียงฉือเดินอยู่ข้างท้ายที่สุด นางดึงมือซูเฟยไว้ รั้งนางให้อยู่หลังสุดด้วย
“ไม่ใช่คนของพระองค์ผลักองค์หญิงตกน้ำนะเพคะ”
เสียงของเซียงฉือไม่ดัง แววตาซูเฟยเย็นลง นางมองเซียงฉือครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ย่อมไม่ใช่”
นางเพิ่งเป็นพันธมิตรกับเซียงฉือหมาดๆ จึงยังไม่คุ้นชินกับบทบาทนี้นัก แต่ที่เซียงฉือทำเช่นนี้คิดว่าคงมีความคิดอะไรอยู่ สายตาที่เย็นชาของนางจึงได้คลายไป มองเซียงฉือด้วยความสนิทสนมมากขึ้น
“ใต้เท้าอวิ๋น ไม่ทราบว่ามีความคิดอะไรหรือ”
เซียงฉือพยักหน้าเบาๆ พูดยิ้มๆ
“ย่อมต้องหาตัวคนร้ายที่ทำร้ายองค์หญิงหมิงอวี้เพคะ แล้วขอให้ฝ่าบาททรงลงโทษให้หนักโดยไม่มีผ่อนผันเพคะ”
รอยยิ้มของเซียงฉือเจือความร้ายกาจ แต่ซูเฟยชอบใจ นางชื่นชอบเซียงฉือในลักษณะนี้ หากเป็นหญิงสาวที่ไม่รู้จักปรับตัว มองสถานการณ์ไม่เป็นแล้ว ซูเฟยไม่รู้สึกว่าอวิ๋นเซียงฉือแบบนั้นจะมีประโยชน์ตรงไหน
ตอนนี้เมื่อเห็นนางมองจินกุ้ยเฟยด้วยสายตาอาฆาตแค้นแล้วจึงยิ่งดีใจ
เพื่อนร่วมพันธมิตร ย่อมต้องเพราะมีผลประโยชน์ร่วมกัน มีศัตรูคนเดียวกัน ขอเพียงความเกลียดเคียดแค้นนั้นยังดำรงอยู่ เช่นนั้นความสัมพันธ์ของพวกนางก็จะไม่สิ้นสุด ทั้งยังจะยิ่งมั่นคงขึ้นอีกด้วย
นางชอบความรู้สึกเช่นนี้
ส่วนอวิ๋นเซียงฉืออยู่ในวังอย่างไร้ซึ่งพลังอำนาจ นางไม่มีใครในราชสำนักฝ่ายหน้า แต่นางจะให้ตนเองตกอยู่ในฐานะผู้ถูกกระทำไม่ได้ ดังนั้นนางจึงต้องคิดหาวิธีเพื่อตนเอง
ซึ่งก็คือต้องหาพันธมิตร ที่ฝ่ายในนี้ใครที่เกลียดแค้นจินกุ้ยเฟยที่สุดเซียงฉือไม่รู้ แต่มีอยู่คนหนึ่งที่มักชอบแสดงเป็นฝ่ายตรงข้ามกับจินกุ้ยเฟย
คนคนนั้นก็คือจ้าวซูเฟย ขอเพียงนางต้องการคว่ำจินกุ้ยเฟย เช่นนั้นแล้วเซียงฉือกับนางก็จะมีเป้าหมายเดียวกัน
อวิ๋นเซียงฉือกับซูเฟยเดินไล่หลังกันออกไปจากกองโอสถ
ส่วนหรงจิงขณะนี้นั่งอยู่ในโถงหน้าของกองโอสถ โดยมีจินกุ้ยเฟยอยู่ถัดลงมา
ท่าทางของเซียงฉือสงบยิ่ง นางเป็นคนตำหนักเจิ้งหยาง เป็นคนของหรงจิงจึงเดินไปที่ด้านหลังหรงจิงด้วยความเคยชิน
ขณะนั้นขุนศึกฉู่อวิ๋นเซียวสวมชุดเกราะ รีบเร่งเดินเข้ามาจากด้านนอกพอดี
เมื่อเห็นหรงจิงก็คุกเข่าดังพลั่กลงบนพื้น
ตอนที่ 445 วิเคราะห์สถานการณ์
หรงจิงยังไม่ได้พูดจา ฉู่อวิ๋นเซียวก็เข้ามาจากด้านนอกแล้วคุกเข่าพลั่กลงบนพื้นสีหน้าเย็นเยือก ไอเย็นจากด้านนอกติดชุดเกราะมาด้วย เขาพูดเสียงทุ้มว่า
“ฝ่าบาท กระหม่อมสมควรตาย กระหม่อมไร้ความสามารถพ่ะย่ะค่ะ ถึงตอนนี้ยังไม่สามารถจับคนร้ายได้ มันทำร้ายพี่น้องทหารรักษาพระองค์ไปสามคนแล้วกบดานอยู่ ยังหาตัวไม่พบพ่ะย่ะค่ะ”
“แต่เพื่อจะจับตัวให้ได้โดยเร็ว กระหม่อมได้สั่งการให้ปิดประตูวังให้เร็วขึ้น หากมันยังคงอยู่ในวัง กระหม่อมจะต้องจับมันได้แน่พ่ะย่ะค่ะ”
ใบหน้าฉู่อวิ๋นเซียวเด็ดเดี่ยว หรงจิงนั่งสง่าเรียบร้อยมองดูเขา
ฉู่อวินเซียวดูหวาดหวั่นอย่างยิ่ง มีนักฆ่าเข้ามาในวังเช่นนี้ เขาที่เป็นผู้บังคับบัญชาทหารรักษาพระองค์ย่อมไม่อาจปัดความรับผิดชอบได้
นักฆ่าคนนั้นไม่เพียงแต่ผลักองค์หญิงลงสระน้ำจนแทบสิ้นชีวิตยังทำร้ายทหารรักษาพระองค์อีกสามคน ทำให้เขายิ่งทุกข์มากขึ้น
หากเขาจับคนคนนั้นไม่ได้ เรื่องนี้เขาต้องรับผลกระทบใหญ่หลวง
เซียงฉือยืนอยู่ด้านหลังหรงจิง นางไม่สะดวกจะพูดอะไรในสถานการณ์เช่นนี้ นางเป็นคนแรกที่พูดเรื่องนักฆ่าขึ้นมา ส่วนเรื่องที่เหลือนางไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว เพียงตอบคำถามหากหรงจิงสอบถามขึ้นมาก็พอ
เรื่องนี้ซูเฟยไม่ได้เป็นคนทำ นางเป็นสตรีที่เฉลียวฉลาด เมื่อครู่ฟังคำถามของเซียงฉือแล้วก็เข้าใจความหมายขึ้นได้
ตอนนี้จึงเข้าร่วมผสมโรง พูดขึ้นด้วยเสียงนิ่มนวลว่า
“ฝ่าบาท องค์หญิงหมิงอวี้น่าสงสารมากเพคะ วัยเพียงเท่านี้ก็ต้องมาถูกทำร้ายเช่นนี้ ฝ่าบาททรงต้องสืบสวนเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดนะเพคะ หม่อมฉันดูแลฝ่ายในไม่นานภายในวังก็เกิดข้อผิดพลาดด้วยความประมาทขึ้น หม่อมฉันขอรับโทษเพคะ”
“เป็นเพราะหม่อมฉันไร้ความสามารถ ไม่อาจจับคนร้ายได้ ขอฝ่าบาททรงลงโทษด้วยเพคะ”
ซูเฟยคุกเข่าน้ำเสียงอ้อนวอนเพื่อร้องขอความเป็นธรรมให้องค์หญิงหมิงอวี้ หรงจิงเห็นดังนั้นโบกมือให้นางลุกขึ้นจากพื้น
สีหน้าหรงจิงเคร่งเครียดขึ้นทุกที ฉู่อวิ๋นเซียวเป็นนายทหารคนสนิทของเขา เคยเป็นหัวหน้าหน่วยองครักษ์ของเขาเมื่อตอนทำสงคราม มีความห้าวหาญในการศึกและช่วยชีวิตหรงจิงไว้บ่อยครั้ง ดังนั้นหรงจิงจึงวางใจฝากชีวิตของตนไว้ในมือเขา
หรงจิงไม่ห่วงในความภักดีกับวิทยายุทธ์ของเขา แต่ว่าฉู่อวิ๋นเซียวคนนี้ไม่สู้ฉลาดนัก ซึ่งในบางสถานการณ์ หรงจิงเพียงต้องการความห้าวหาญภักดีของเขาเท่านั้นจึงไม่ถือเป็นข้อบกพร่องอะไร
แต่ในสถานการณ์ขณะนี้ปรากฏชัดถึงความเบาปัญญาของเขา
“เรื่องนี้จะต้องตรวจสอบแน่นอนและต้องทำให้เต็มที่ด้วย ข้าจะต้องจับตัวนักฆ่าที่ทำร้ายหมิงอวี้ให้ได้ จับมันมาสับเถือให้หายแค้น”
สวี่อี้ได้ยินที่หรงจิงพูดทำให้สั่นสะท้านขึ้นมา เพราะกองคดีดูแลรักษากฎหมายในวังย่อมไม่อาจหลีกพ้นความผิดได้ ดังนั้นจึงยืนอย่างหวาดหวั่นอยู่ด้านข้าง
แต่สิ่งที่นางกังวลมากกว่าคือฉู่อวิ๋นเซียวยังจับคนร้ายไม่ได้ ขณะยังจับตัวคนร้ายไม่ได้นี้ สำหรับพวกนางแล้วเป็นเหมือนดั่งระเบิดเวลา อันตรายอย่างยิ่ง
หรงจิงก็เหมือนได้กลิ่นความอันตรายนั้นเช่นกัน ดังนั้นจึงมองดูคนทั้งหลายอย่างเคร่งขรึม
“หมิงอวี้ยังไม่ฟื้น นางควรเป็นคนแรกที่ได้เห็นนักฆ่า แต่นางคงไม่สะดวกที่จะบรรยาย เช่นนั้นแล้วเซียงฉือ ไหนบอกรูปพรรณสัณฐานของนักฆ่าคนนั้นซิ”
พอหรงจิงเอ่ยปาก เซียงฉือก็ออกมายืนข้างหน้า
“ทูลฝ่าบาท เรียนใต้เท้าทุกท่าน วันนี้ตอนที่เซียงฉือเห็นคนร้ายนั้นอยู่ห่างออกไปค่อนข้างไกลอีกทั้งแสงสว่างก็ไม่เพียงพอจึงได้แต่เพียงประมาณการเท่านั้น รูปร่างคนร้ายไม่สูงใหญ่มาก การเคลื่อนตัวว่องไวและเบา เซียงฉือเห็นว่าคนร้ายรู้จักที่ทางภายในวังเป็นอย่างดีเพคะ”