ตอนที่ 454 คนร้ายตัวจริง
น้ำเสียงโหรวผินมีชีวิตชีวา รอยยิ้มที่นุ่มนวลเสมอมาเจือความเหยียดหยาม
หลัวอวี้ก็หัวเราะขึ้นด้วยเช่นกัน แต่เขามองดูองค์หญิงหมิงอวี้ที่ด้านหลังอย่างกังวลใจแล้วถามยิ้มๆ ว่า
“โหรวผินจะทรงจัดการกับองค์หญิงหมิงอวี้อย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ หากนางฟื้นขึ้นมาเรื่องอีกมากมายก็ยากจะควบคุมได้ ในเมื่อนางเห็นทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว มิสู้…”
รอยยิ้มบนใบหน้าโหรวผินค่อยๆ หายไป ความนุ่มนวลของนางกลับกลายเป็นความโหดร้าย ความมืดหม่นสายหนึ่งแวบผ่านไปบนใบหน้างดงาม
“ในเมื่อฝ่าบาทมอบนางไว้กับข้า ข้าย่อมต้องให้นางมีชีวิตอยู่ แต่ว่า…”
“ข้าไม่ต้องการให้นางเปิดเผยเรื่องในวันนั้นออกมา เจ้ารู้สินะว่าควรทำอย่างไร”
เสียงของโหรวผินไม่ดัง แต่ใบหน้าหลัวอวี้ผุดรอยยิ้มที่แทบจะสังเกตไม่เห็น
“โหรวผินโปรดทรงวางพระทัย กระหม่อมจะส่งองค์หญิงหมิงอวี้สู่ปรโลกอย่างดีที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”
“กรี๊ด!”
เสียงกรีดร้องด้วยความกลัวดังขึ้นจากหลังฉากกันลม โหรวผินตกใจมองดูหลัวอวี้ หลัวอวี้จึงวิ่งเข้าไปราวลูกธนู
โหรวผินเริ่มหวั่นใจ เรื่องนี้สำคัญใหญ่ยิ่ง ไม่ควรเลยที่จะดีใจเกินไปเช่นนี้ ทำให้นางประมาทเลินเล่อไปชั่วขณะ
นางกระทืบเท้าโดยแรง รีบมองไปยังหมิงอวี้บนเตียงแล้วติดตามออกไป
หยดน้ำตาแวววาวหยดหนึ่งร่วงหล่นลงมาทางหางตาขององค์หญิงหมิงอวี้ที่อยู่บนเตียงในขณะนี้
นางฟื้นนานแล้วแต่ไม่กล้าตื่นขึ้นมา เพราะรู้ว่าหากนางตื่นขึ้นแล้วไม่รู้ว่าจะเล่าเรื่องที่นางเห็นที่นางได้ยินมาอย่างไร
นางไม่กล้าพูด ดังนั้นนางจึงรอคอยอยู่กับความหวาดกลัวและสั่นเทา
นางไม่รู้ว่ามีใครที่นางจะไว้วางใจได้อีก ไม่รู้ว่าควรจะดำรงชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร ฉับพลันตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของวังนี้ นางไม่ควรที่จะกลับมาที่นี่เลยจริงๆ
องค์หญิงหมิงอวี้หวาดกลัวอย่างยิ่ง คนคนเดียวที่นางเชื่อถือได้ก็คือเซียงฉือ แต่เซียงฉือไม่ได้อยู่กับนาง เซียงฉือออกไปจากที่นี่แล้ว ตอนนั้นนางอยากลุกขึ้น อยากกอดอวิ๋นเซียงฉือแล้วบอกกับนางว่าตนเห็นอะไรมาบ้าง
ตอนนั้นนางไปเก็บว่าวกลับมาและคิดจะไปหาอวิ๋นเซียงฉือ แต่ได้ไปทำลายความลับที่น่าสะพรึงเข้า
หัวหน้าขันทีวั่นกวงยืนอยู่กับข้าราชสำนักสตรีคนหนึ่งที่หลังภูเขาจำลองด้วยท่าทางแปลกๆ แต่เพราะอยู่ห่างไกลทำให้หมิงอวี้ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไร ด้วยความอยากรู้จึงทำให้นางเดินเข้าไปเพื่อดูให้กระจ่าง
นางเห็นหน้าตาข้าราชสำนักสตรีที่ยืนหันหลังให้คนนั้นไม่ถนัด
ด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่าข้าราชสำนักสตรีคนนั้นคือใคร องค์หญิงหมิงอวี้จึงเดินเข้าไปใกล้พวกเขาทั้งสองในภูเขาจำลอง แล้วก็ได้ยินคำพูดที่ทำให้นางสะพรึงกลัวอย่างที่สุดเข้า
‘ที่แท้เจ้าเป็นคนของพวกเขา เจ้าคิดจะวางยาคนที่อยู่ใกล้ตัวฝ่าบาทเช่นนั้นหรือ เจ้าทำเช่นนี้จะทำให้แผนการทั้งหมดที่พวกเราเตรียมมาอย่างยากลำบากพังทลาย’
หมิงอวี้ไม่ได้ยินเสียงของข้าราชสำนักสตรีคนนั้น ไม่มีการโต้แย้ง ไม่มีคำอธิบาย แต่ได้ยินคำพูดวั่นกวงต่อไปว่า
‘เหยาฮวา ข้าให้เจ้าวางยาพิษนางทำไมไม่ลงมือเสียที นางกลับเข้าวังมาระยะหนึ่งแล้ว อวิ๋นเซียงฉือก็ดูเหมือนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง หากให้นางล่วงรู้เรื่องทั้งหมด แผนการของพวกเราก็จะพังไปสิ้น…’
องค์หญิงหมิงอวี้ถึงจะเป็นหญิงสาวที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาที่สุดในวังนี้ แต่นางไม่ได้โง่เขลา
เพราะความหวาดกลัวนางจึงไม่กล้าอยู่ต่อ ขณะหมุนกายวิ่งหนีอย่างตกใจนั้นก็ได้พลัดตกลงไปในทะเลสาบด้วยความเร่งรีบ
นางรีบร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ วั่นกวงปรากฏตัวออกมาด้วยท่าทีเย็นชาไร้น้ำใจ
นางไม่กล้าส่งเสียง ได้แต่ลอยคลอผลุบโผล่อยู่ในน้ำเช่นนั้น
ตอนที่ 455 เป้าหมายที่น่าสงสัย
คำพูดของโหรวผินทำให้อวิ๋นเซียงฉือผุดความรู้สึกประหลาดขึ้นในใจ นางเดินตามสวี่อี้กลับไป
เมื่อเข้าไปถึงห้องหนังสือในกองคดีแล้วทั้งสามคนก็แยกย้ายกันนั่งลง สวี่อี้เห็นท่าทางเซียงฉือแปลกไปเช่นนั้นจึงสะกิดเบาๆ เข้าที่แขนนาง
“กำลังคิดอะไรอยู่ เห็นคิดมาตลอดทาง หรือว่าโหรวผินตรัสอะไร หรือว่าองค์หญิงหมิงอวี้ทรงฟื้นแล้ว”
คำพูดของสวี่อี้ทำให้สองตาพยัคฆ์ของฉู่อวิ๋นเซียวเบิกกว้างยิ่ง เขารู้สึกประหลาดใจที่เห็นเซียงฉือเข้าไปเป็นเวลานาน แต่หลังจากออกมาแล้วก็ไม่ปริปากพูดอะไรเลย
“ใต้เท้าอวิ๋น ใต้เท้าสวี่ พวกท่านล้วนเป็นคนฉลาด แต่ข้าเป็นพวกคนหยาบ จะให้ไปบุกตะลุยสู้ศึกไม่เป็นปัญหา แต่ข้าฟังคำพูดวกวนของพวกท่านไม่เข้าใจเลย”
“ใต้เท้าอวิ๋น ท่านเป็นคนข้างกายฝ่าบาท หากพระองค์ทรงรับสั่งสิ่งใดท่านจงสั่งมาเถิด ข้าฉู่อวิ๋นเซียวจะต้องจัดการได้อย่างแน่นอน”
อวิ๋นเซียงฉือค่อยๆ ดึงสายตากลับมาแล้วมองดูฉู่อวิ๋นเซียว นางทอดถอนใจ
“ข้าไร้ความสามารถ สิ่งที่ฝ่าบาทรับสั่งกับข้าก็เหมือนกับทุกท่านคือหาตัวนักฆ่าให้ได้ภายในเจ็ดวัน ไม่ได้มีเรื่องอื่นใด แต่ที่ข้าไม่พูดจานั้นเป็นเพราะข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างที่ดูเหมือนข้าจะทำผิดไป เหมือนข้ากำลังเดินหลงทาง”
เซียงฉือลังเลสงสัย นางย้อนคิดถึงคำพูดโหรวผินและคิดถึงผู้คนที่อยู่ในวัง
นางเอ่ยปากออกมาช้าๆ
“ขันทีและนางกำนัลที่มีอำนาจขนาดปิดฟ้าได้ด้วยมือเพียงข้างเดียวในวังนี้ มีใครบ้าง”
เท่าที่เซียงฉือคิดได้ก็มีหงซีกูกูกับซูกงกง แต่ว่าคนทั้งสองจะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร
ส่วนหัวหน้าขันทีคนอื่นๆ นางไม่ค่อยจะรู้จักนัก
สวี่อี้เมื่อฟังคำพูดของเซียงฉือแล้วก็เริ่มคิด
แต่ฉู่อวิ๋นเซียวไม่เข้าใจว่าพวกนางคุยเรื่องอะไรกัน ดังนั้นจึงตบโต๊ะ
“หัวหน้าขันทีมีอยู่ตำหนักละหนึ่งคน ข้างพระวรกายฝ่าบาทมีซูกงกงกับหงซีกูกู ตำหนักอวี้หยวนมีจางกงกงกับหวังหมัวหมัว ตำหนักจู้เซียงเป็นหลี่กงกงกับหลิวหมัวหมัว ตำหนักเฮ่อเหลียนจะเป็นเติ้งกงกงกับสวีหมัวหมัว ทั้งหมดล้วนเป็นพวกคนรับใช้ แต่ก็มีอำนาจในวังไม่น้อย”
“ใต้เท้าอวิ๋น เพียงท่านบอกมาคำเดียวข้าจะไปนำตัวพวกเขาทั้งหมดมาสอบสวนในกองคดีเอง”
เซียงฉือได้ยินดังนั้นก็สะบัดมือ ขณะนั้นกระแสลมด้านนอกพัดแรงขึ้นมาก ทำให้ใบไม้ที่หลงเหลือติดกิ่งไม่มากด้านนอกพากันส่งเสียงดัง
เซียงฉือชะงักไป
“ไม่ใช่ ไม่ใช่พวกเขา พวกเขาล้วนเป็นขันทีใหญ่กับหมัวหมัวที่มากสามารถที่มีชื่อเสียงประจักษ์อยู่ในวัง ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาจะมีคนจำนวนมากมองดูอยู่ หากเป็นพวกเขาจริงแล้วละก็ คงต้องมีข่าวลืออะไรเล็ดรอดออกมาก่อนแล้ว”
“อีกอย่างพวกเขาก็กำลังอยู่ในช่วงได้ดิบได้ดีมีความสุข หากแม้จะประลองกำลังกันเองเพื่อเจ้านายของตนแล้วเกิดมีใครหลุดเผยจุดอ่อนออกมา ในระหว่างคนพวกนั้นคงจะไม่มีการอำพรางปกปิดให้กันเป็นแน่ แต่ทหารรักษาพระองค์ตรวจค้นตามแบบแผนถึงเช่นนี้แล้วกลับยังไม่ได้ข่าวคราวแม้แต่น้อยจึงเห็นได้ว่าไม่ใช่คนในกลุ่มนี้”
อวิ๋นเซียงฉือพูดเช่นนี้ฉู่อวิ๋นเซียวต้องเกาหัว ขณะนั้นนางคิดถึงเฮ่อหมัวหมัวในกองซักรีดกับจางกงกงขึ้นมา พวกเขาควรต้องรู้จักคนคนนี้จึงจะถูกต้อง
บุคคลที่ขนาดโหรวผินเอ่ยถึงเช่นนี้น่าจะเป็นคนที่มีสถานะ แต่เพราะเหตุใดจนถึงบัดนี้ยังไม่มีใครพูดขึ้นมาเล่า
“สวี่อี้ ข้าคิดจะไปยังกองซักรีดเพื่อสอบถามเฮ่อหมัวหมัวสักหน่อย บางทีอาจได้ข่าวคราวก็ไม่แน่ นางเป็นคนเก่าคนแก่ในวังนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะรู้เรื่องราวอะไรมากกว่าพวกเราก็เป็นได้”
ซ่า…
พอเซียงฉือพูดจบ สายฝนจากด้านนอกก็กระหน่ำลงมาห่าใหญ่ สวี่อี้จึงดึงแขนนางไว้
“ฝนฟ้าไม่เป็นใจ วันนี้ก็อย่าเพิ่งไปเลย ฝนตกหนักขนาดนี้แล้วสุขภาพเจ้าก็เพิ่งจะดีขึ้น พรุ่งนี้ค่อยไปก็แล้วกัน อย่างไรก็ไม่ได้ด่วนว่าต้องเป็นขณะนี้ พวกเรามาแจกแจงแยกเรื่องราวอื่นๆ กันก่อนดีกว่า แล้วก็ตรวจสอบกันไปเป็นลำดับ อาจจะเป็นผลดีมากกว่านะ”
ฉู่อวิ๋นเซียวเห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำพูดของสวี่อี้ เขาในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับแมลงวันไร้หัวที่พุ่งชนสะเปะสะปะไปทั่ว