บุปผาเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 464 เฮ่อหมัวหมัว / ตอนที่ 465 วั่นกวงผู้ลึกลับ

ตอนที่ 464 เฮ่อหมัวหมัว

 

 

เซียงฉือฟังคำพูดเฮ่อหมัวหมัวแล้วถึงกับอึ้งไป แล้วรีบถามต่อ “ว่าอะไรนะ”

 

 

“วั่นกวงคนนี้เป็นใคร”

 

 

เซียงฉือเกิดความสนใจซึ่งเฮ่อหมัวหมัวก็ไม่ได้ทำให้นางผิดหวัง นางพยายามเค้นความคิดและพูดออกมาเมื่อเรียบเรียงเสร็จแล้ว

 

 

“เจ้าเข้าวังมาเพียงแค่ขวบปี แต่ตอนก่อนที่ไทเฮาจะสวรรคตนั้น ในวังมีขันทีอาวุโสคนหนึ่ง เขามีอำนาจใหญ่กว่าซูกงกงที่อยู่ข้างพระวรกายฝ่าบาทเสียอีก ซึ่งก็คือหัวหน้าวั่นกวงที่อยู่ข้างพระวรกายของไทเฮา”

 

 

“วั่นกวง[1]”

 

 

เซียงฉือพูดชื่อนี้ขึ้นมาแล้วอึ้งไป ตัวละครในมุมมืดเช่นนี้แต่กลับมีชื่อที่เปล่งความสว่างไสวไปไกลแบบนี้ ช่างหาได้ยากยิ่ง

 

 

เซียงฉือคิดถึงชื่อของเขาแล้วก็เลยคิดไปไกล

 

 

นางนั่งลงค่อยๆ ผ่อนลมหายใจแล้วพูดต่อ

 

 

“หัวหน้าวั่นกวง ขันทีอาวุโสระดับนี้ เหตุใดข้าไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลยตั้งแต่เข้าวังมา”

 

 

เฮ่อหมัวหมัวถอนหายใจยาว พูดแบบปลงๆ ว่า

 

 

“ใต้เท้าอวิ๋นควรต้องเข้าใจว่า เมื่อนายเปลี่ยนลูกน้องก็ต้องเปลี่ยนตามด้วย เมื่อไทเฮาสวรรคตแล้ว ตามกฎวั่นกวงจะต้องถูกฝังตามเสด็จไปด้วย แต่เป็นพระกรุณาของฝ่าบาทจึงทำให้เขายังคงอยู่ในวังนี้ได้อีกต่อไป เพียงแต่สถานะของเขานั้นเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว”

 

 

เซียงฉือต้องการจะรู้จุดสำคัญของเรื่องนี้ แต่ว่าคนเช่นนี้เหตุใดจึงคิดฆ่าองค์หญิง เขามีความกล้าหาญใหญ่โตขนาดนี้ได้อย่างไรนางไม่เข้าใจ แต่ในเมื่อมีเป้าหมายมาให้แล้วคนหนึ่ง นับเป็นความก้าวหน้าอีกก้าวของพวกนาง แล้วพวกนางยังมีศพของนักฆ่าอีกคนหนึ่งด้วย คนแบบนี้จะต้องไม่ปรากฏขึ้นมาเฉยๆ เป็นแน่

 

 

เซียงฉือพยักหน้าให้เฮ่อหมัวหมัว

 

 

“เฮ่อหมัวหมัว ท่านกับข้านับเป็นคนรู้จักกันเก่าก่อน ในเมื่อท่านเอ่ยชื่อวั่นกวงออกมา แสดงว่าท่านก็คงมีความคลางแคลงของท่านอยู่ เช่นนั้นก็บอกเรื่องที่สมควรบอกออกมา แล้วข้าจะไม่ปฏิบัติต่อท่านอย่างไม่เป็นธรรมแน่”

 

 

สายตาของเซียงฉือเจือการค้นหา แต่เฮ่อหมัวหมัวเฉลียวฉลาดปานใด นางจะลงมือทำสิ่งใดก็ต่อเมื่อได้เห็นเป้าหมายแล้วเท่านั้นจึงพูดยิ้มแต้ว่า

 

 

“ใต้เท้าบอกว่าจะให้ความก้าวหน้ากับข้า ไม่ทราบว่าใต้เท้าจะจัดให้ข้าไปอยู่ที่ไหนหรือ เผื่อข้าจะได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้บ้าง”

 

 

เซียงฉือพ่นลมเย็นออกจมูก นางรู้อยู่แล้วว่าเฮ่อหมัวหมัวคนนี้ไม่ใช่พวกใจบุญเป็นกุศล นางปรารถนาจะไต่เต้าขึ้นสูงเสมอมา หากไม่ใช่เพราะจุดประสงค์นี้ นางคงจะไม่ไปเป็นคู่รักกับจางกงกงแห่งตำหนักอวี้หยวน ซึ่งเรื่องแบบนี้เหมือนดั่งกระดาษที่ไม่สามารถห่อหุ้มเปลวไฟเอาไว้ได้

 

 

น้ำเสียงเซียงฉือเย็นเยือกลง มองดูนางอย่างไม่สู้พอใจนัก แต่เพราะนางเข้าใจความนึกคิดของเฮ่อหมัวหมัวจึงไม่คิดเอาเรื่องเอาราวอะไรกับเรื่องนี้

 

 

“เฮ่อหมัวหมัว ข้าจะแนะนำให้ท่านได้เข้าทำงานในกองคดี ไม่รู้ว่าจะพอใจหรือไม่”

 

 

พอเซียงฉือพูดเช่นนี้ สองตาเฮ่อหมัวหมัวก็ลุกวาว ถึงแม้กองคดีจะไม่ใช่สถานที่ดีเยี่ยมที่สุดแต่หากเทียบกับสถานะที่นางเป็นอยู่ในปัจจุบันแล้วดีมากกว่าเป็นไหนๆ ถึงในนั้นล้วนเป็นข้าราชสำนักสตรี แต่กองคดีเป็นสถานที่ที่ฝ่าบาทไว้วางพระทัยที่สุด ดังนั้นย่อมต้องมีคุณประโยชน์มากมาย

 

 

ดังนั้นเมื่อได้ยินแล้วเฮ่อหมัวหมัวก็ผงกศีรษะเป็นการใหญ่

 

 

“หมัวหมัวขอบคุณใต้เท้าที่ส่งเสริมเป็นอย่างยิ่ง หมัวหมัว…”

 

 

เฮ่อหมัวหมัวกำลังจะพูดสรรเสริญประจบประแจง แต่ไม่ทันเอ่ยปากเซียงฉือก็ยื่นมือออกไปหยุดคำพูดนางเสียก่อนแล้วพูดต่อว่า

 

 

“แต่ต้องบอกก่อนนะว่าความสัมพันธ์ของท่านกับจางกงกงนั้นข้าหวังว่าจะสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ ถ้าหากคิดจะเป็นคนของฝ่าบาทจะให้มีจุดอ่อนเช่นนี้ไม่ได้ นอกจากจะถูกคนกุมจุดอ่อนไว้แล้ว ยังจะกระทบกับอนาคตอีกด้วย”

 

 

เซียงฉือพูดจบก็ลุกขึ้น

 

 

“พรุ่งนี้ท่านไปหาใต้เท้าสวี่อี้ที่กองคดี นางจะจัดการให้ท่านอย่างเหมาะสม เฮ่อหมัวหมัวเป็นคนฉลาดเสมอมา เรื่องวันนี้…”

 

 

เซียงฉือเพียงแค่เอ่ยขึ้น เฮ่อหมัวหมัวก็รีบรับคำต่อ

 

 

“ข้าไม่รู้อะไรเลย ใต้เท้าเซียงฉือไม่เคยมาที่โรงซักล้าง และเรื่องนี้ไม่ว่าใครในโรงซักล้างก็จะไม่พูดออกไป ใต้เท้าวางใจได้เต็มที่”

 

 

 

 

[1]  วั่นกวง  (万光) วั่นเป็นแซ่ แปลว่า หมื่น  กวงเป็นชื่อ แปลว่า แสงสว่าง วั่นกวงจึงมีความหมายว่าแสงสว่างโชติช่วงแผ่ไพศาล

 

 

 

 

ตอนที่ 465 วั่นกวงผู้ลึกลับ

 

 

เซียงฉือฟังคำรับรองจากนางแล้วก็พยักหน้า เฮ่อหมัวหมัวตอบสนองได้อย่างฉับไว นางรีบขยับเข้าไปใกล้แล้วพูดขึ้น

 

 

“ใต้เท้ามาหาได้ถูกคนแล้วจริงๆ ถึงคนในวังที่รู้จักวั่นกวงจะมีไม่น้อย แต่คนที่เข้าใจวั่นกวงจริงๆ กลับมีไม่มาก เมื่อก่อนจางกงกง…”

 

 

เฮ่อหมัวหมัวหน้าบานอย่างสมใจยามพูดถึงตรงนี้ แต่เมื่อเห็นเซียงฉือเพียงจิบน้ำชาเฉยเมยจึงค่อยสงบลงมา แล้วกระแอมไอเบาๆ แก้ขวย จากนั้นจึงพูดต่อ

 

 

“จางกงกงเดิมเป็นศิษย์ของวั่นกวงกงกง หากมิใช่เช่นนั้นเขาคงไม่สามารถไต่เต้าขึ้นไปเป็นถึงผู้ดูแลตำหนักอวี้หยวนได้ง่ายดายเช่นนี้”

 

 

“เมื่อก่อนจางกงกงมักจะนำเรื่องนี้มาโอ้อวด บางทีก็พูดเรื่องที่วั่นกงกงเคยทำในสมัยก่อนขึ้นมา เรื่องที่เขาเห็นเป็นความลี้ลับและใฝ่หาไม่สิ้นสุด”

 

 

ซียงฉือเกิดความสนใจขึ้นแล้ว นางไม่รู้ว่าจางกงกงกับวั่นกวงจะมีความสัมพันธ์กันซับซ้อนเช่นนี้ และคิดไม่ถึงว่าการพบกับเฮ่อหมัวหมัวในวันนี้จะเป็นประโยชน์ใหญ่หลวง

 

 

“เฮ่อหมัวหมัวมีเรื่องอะไรก็พูดมาเถอะ ถึงราตรีจะยาวนานแต่อย่างไรก็ต้องผ่านไป และข้าก็ไม่สะดวกอยู่ที่นี่นานนัก”

 

 

เมื่อเซียงฉือพูดเช่นนี้เฮ่อหมัวหมัวก็พยักหน้าตอบ

 

 

“ใต้เท้ากล่าวชอบแล้ว ตามที่จางกงกงเล่าไว้ว่า วั่นกงกงคนนั้นก่อนจะได้มาเป็นขันทีอันดับหนึ่งในวังหลวงนั้นเคยทำธุรกิจมากมายอยู่ในวังนี้ แต่จางกงกงก็ไม่รู้ว่าเป็นธุรกิจประเภทไหน รู้เพียงว่าอะไรที่เจ้านายต้องการเขาล้วนจัดการให้ได้ และอะไรที่ขัดตาเจ้านาย เขาก็สามารถทำให้มันหายไป”

 

 

“วั่นกงกงคนนี้ดูท่าจะอำมหิตไม่เบา ตอนไทเฮายังทรงพระชนม์ชีพได้ให้ความเชื่อถือต่อเขามาก แต่วั่นกงกงนั้นเป็นคนโลภสมบัติและมักมากในกามคุณ”

 

 

“มีข่าวว่าเขามีบ้านส่วนตัวอยู่นอกวังหลังหนึ่งเอาไว้เลี้ยงดูสาวงามมากมายตลอดมา ทั้งยังซุกซ่อนอัญมณีไว้นับไม่ถ้วน ช่วงไม่มีกำหนดออกนอกวัง เขาก็จะกลับไปเยี่ยมสาวงามของเขา ทั้งยังมีข่าวลือว่าวั่นกงกงเข้าวังโดยที่ไม่ได้ถูกตัดเครื่องเพศ”

 

 

เฮ่อหมัวหมัวยิ่งพูดเสียงก็ยิ่งเบา เซียงฉือฟังแล้วถึงกับตกตะลึง หากวั่นกวงเป็นดังว่าจริง เช่นนั้นแล้วจะกระทบถึงพระเกียรติอันบริสุทธิ์ของไทเฮา เรื่องนี้จึงไม่เหมาะที่จะพูดถึงอีกต่อไป

 

 

เซียงฉือขมวดคิ้วแน่น เรื่องที่วั่นกวงไม่ได้ถูกตัดเครื่องเพศนั้น นางไม่กล้าเชื่อว่าจะเป็นความจริง

 

 

แต่หากเรื่องอื่นๆ ล้วนเป็นความจริง ซึ่งแน่นอนว่าถ้าไม่มีมูลคงไม่ถูกโจษจัน ถึงแม้เรื่องกระพือข่าวลือให้กว้างออกไปจะมีมากที่ฝ่ายในนี้ แต่ก็ยังมีเรื่องราวบางอย่าง โดยเฉพาะเรื่องเช่นนี้ ส่วนใหญ่แล้วมักจะต้องมีหลักฐาน

 

 

แต่นางเพียงแค่เก็บเรื่องนี้มาคิดในใจสักรอบ ไม่ได้นึกสนุกหรือสนใจเรื่องราวความลับในเวียงวังพวกนี้สักเท่าไร

 

 

จึงมองเฮ่อหมัวหมัวถามว่า

 

 

“จางกงกงติดตามวั่นกงกงอยู่นานแค่ไหน”

 

 

เฮ่อหมัวหมัวคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “ตอนที่จางกงกงเข้าวังนับว่าหล่อเหลาเอาการอีกทั้งคล่องแคล่ว วั่นกวงจึงได้ปลุกปั้นส่งเสริมให้ไปรับใช้ไทเฮา ต่อมาเมื่อกุ้ยเฟยเข้าวังจึงได้ย้ายจางกงกงไปรับใช้กุ้ยเฟย คิดแล้วน่าจะสักเจ็ดแปดปีกระมัง”

 

 

เซียงฉือคิดแล้วพยักหน้า พูดว่า

 

 

“นอกจากจางกงกงแล้ว วั่นกงกงยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกงกงหรือหมัวหมัวคนใดอีกบ้างไหม”

 

 

คำถามนี้เฮ่อหมัวหมัวส่ายศีรษะตอบว่า

 

 

“หากพูดถึงความสนิทสนม กับซูกงกงนั้นนับว่ามีความสัมพันธ์กันดีทีเดียว พวกเขาทั้งสองอายุต่างกันไม่มาก คนหนึ่งรับใช้ไทเฮา อีกคนรับใช้ฝ่าบาท มีเรื่องอันใดก็ดูแลช่วยเหลือกัน เรื่องวั่นกงกงไม่ได้ถูกฝังตามเสด็จไปด้วยนั้นก็เป็นความพยายามอย่างเต็มที่ของซูกงกง”

 

 

“ส่วนเรื่องอื่นๆ เฮ่อ ใต้เท้ายังไม่เข้าใจเรื่องพวกนั้นอีกหรือ พวกที่ได้เป็นถึงขันทีอาวุโสนั้น คนไหนบ้างที่ไม่ช่ำชองปราดเปรียวหน้าตาดี บรรดาเจ้านายที่แย่งกันเป็นที่ทรงโปรดกันหนักหนาก็ยังไม่มีใครกล้าไปตอแยกับกงกงข้างพระวรกายไทเฮา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วั่นกงกงนั้นมีทั้งเงินและอำนาจทั้งรู้ช่องทางที่สุด”

 

 

แล้วเฮ่อหมัวหมัวก็หลิ่วตาแบบรู้ๆ กันอยู่ให้เซียงฉือ

 

บุปผาเคียงบัลลังก์

บุปผาเคียงบัลลังก์

ครอบครัวตระกูลอวิ๋นต้องโทษทั้งตระกูล บ้านแตกสาแหรกขาด ผู้ชายถูกเนรเทศ ผู้หญิงต้องเข้าวังเพื่อเป็นนางกำนัล แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ อวิ๋นเซียงฉือ ก็ไม่เคยหมดหวัง ชีวิตในวังหลวงแม้เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีแต่นางก็ยังมีเพื่อนที่แสนดีคอยอยู่เคียงข้าง รวมไปถึง หรงฉู่ องครักษ์หนุ่มที่พบกันโดยบังเอิญ เขาคอยช่วยเหลือนางหลายอย่าง และในระหว่างนั้นเองความจริงเรื่องตระกูลของนางก็ค่อยๆ เริ่มปรากฏขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset