ตอนที่ 466 ชัดเจนยิ่งขึ้น
เซียงฉือจบคำถามลงเพียงแค่นั้น เมื่อครู่นางไม่ได้ถามว่าวั่นกงกงทำอะไรบ้างถึงทำให้เขาสามารถเก็บสะสมสมบัติได้มากมายเช่นนั้น ถึงแม้จะสงสัยแต่นางก็เข้าใจว่าเฮ่อหมัวหมัวจะต้องเล่าเรื่องส่วนตัวลับๆ ภายในเวียงวังกับนาง และหากต้องการรู้มากกว่านั้น มีแต่นางจะต้องขุดคุ้ยให้ยิ่งลึกลงไป
อย่างเช่นว่าเรื่องจางกงกงกับซูกงกง
เซียงฉือลุกขึ้นเตรียมกลับ ฝนด้านนอกซาลงมากแล้ว เห็นท่าฝนคงจะไม่ตกทั้งคืนทำให้เซียงฉือสบายใจขึ้นบ้างจึงได้ลุกขึ้นจะจากไป พอไปถึงหน้าประตูก็พบกับสวี่อี้และฉู่อวิ๋นเซียวที่รีบเร่งผ่านมา
“ท่านทั้งสองมาถึงนี่ได้อย่างไร”
เซียงฉือชะงักไปเมื่อเห็นคนทั้งสองปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันที่นี่ แล้วก็เข้าไปหาและพูดคุยกับพวกเขา
ฉู่อวิ๋นเซียวร่างกรุ่นความดุดัน แลดูสีหน้าไม่ดีนัก สวี่อี้ตอบว่า
“ใต้เท้าฉู่กับข้ากำลังไล่เรียงไปตามตำหนักต่างๆ เพื่อค้นหาตัวคนบาดเจ็บ ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง สนมนางในหรือทหารองครักษ์ หากได้รับบาดเจ็บที่แขนจะต้องถูกนำตัวไปสอบสวนที่กองคดีทั้งหมด”
เซียงฉือฟังแล้วพยักหน้า มองไปยังใต้เท้าฉู่ถามขึ้นว่า
“ใต้เท้าบาดเจ็บหรือไม่”
จู่ๆ เซียงฉือถามเขาด้วยคำพูดห่วงใยเช่นนั้น ทำให้ฉู่อวิ๋นเซียวซาบซึ้งใจยิ่ง โดยเหตุผลแล้ว การปกป้องรักษาเขตพระราชฐานเป็นหน้าที่ของเขา เขาได้รับสมญาผู้กล้าอันดับหนึ่งของแคว้นเซียวจิ่ง แต่นักฆ่าเพียงคนเดียวก็ยังจับตัวไม่ได้ เขารู้สึกอัดอั้นทุกข์ใจไม่สามารถระบายออกมา
แต่อวิ๋นเซียงฉือไม่ได้ตำหนิเขา กลับยังเป็นห่วงเป็นใยเขา ทำให้เขาอบอุ่นใจขึ้นมาอย่างประหลาด
ฉู่อวิ๋นเซียวส่ายหน้าเอื่อยๆ มองอวิ๋นเซียงฉืออย่างรู้สึกผิด
“ใต้เท้าอวิ๋น เป็นเพราะข้าไปถึงช้าไป ทั้งกลัวว่าพวกนั้นจะยังมีพรรคพวกอยู่อีกจึงไม่ได้รีบติดตามไปทันที ทำให้นักฆ่าหลบหนีไปได้อีก แต่มีดบินของข้าตัดมีดของเขาได้ ถึงจะเบาแรงไปบ้างแต่ก็ทำให้เขาบาดเจ็บ จากร่องรอยนี้ยังพอช่วยให้การค้นหาง่ายขึ้นบ้าง”
เมื่อเซียงฉือได้ยินว่าเขาไม่เป็นอะไรก็เบาใจ
“ใต้เท้าฉู่เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในแคว้นเซียวจิ่ง เป็นเสาหลักของประเทศชาติ ข้าจึงหวังว่าใต้เท้าจะดูแลตัวเองให้ดีในเวลานี้ และอีกหลายวันต่อจากนี้ยังต้องลำบากใต้เท้าอีก หากอาศัยเพียงข้ากับใต้เท้าสวี่ เกรงว่าคงไม่สามารถจับกุมนักฆ่าได้”
เป็นเพราะเซียงฉือเห็นสีหน้าฉู่อวิ๋นเซียวไม่สู้ดี ทั้งชุดทหารที่เขาสวมใส่อยู่นั้นก็ดูมอมแมมและขาดชำรุด จึงคิดว่าเขาได้ประมือกับฝ่ายตรงข้ามมา ดังนั้นจึงถามขึ้นเช่นนี้
เมื่อเห็นว่าเขาไม่เป็นอะไรจึงดึงแขนเสื้อสวี่อี้แล้วพูดว่า
“ใต้เท้าสวี่เคยได้ยินชื่อวั่นกวงหรือไม่ วั่นกงกง”
สวี่อี้ได้ยินเซียงฉือเอ่ยถึงวั่นกงกง นางต้องคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงนึกถึงชื่อนั้นได้ เป็นจริงดั่งที่เฮ่อหมัวหมัวพูดไว้ว่าเมื่อเจ้านายเปลี่ยน บ่าวไพร่ก็ต้องเปลี่ยนตาม ความหลงลืมของคนเรานั้นรวดเร็วอย่างยิ่ง
สวี่อี้พยักหน้าพูดว่า
“เจ้าสงสัยเขาหรือ”
เซียงฉือพยักหน้าแล้วเล่าเรื่องที่เฮ่อหมัวหมัวเล่าให้สวี่อี้กับฉู่อวิ๋นเซียวรับรู้
ฉู่อวิ๋นเซียวไม่สนใจเรื่องพวกนี้ เขาเพียงนำทหารองครักษ์ออกตรวจค้นหาผู้ได้รับบาดเจ็บด้วยวิธีการเดิมไปทีละตำหนัก เพื่อจะนำตัวกลับไป
ส่วนสวี่อี้ถกเรื่องวั่นกวงกับเซียงฉือ
“สมัยก่อนวั่นกวงคนนี้เคยเป็นบุคคลที่มีอำนาจอยู่ในฝ่ายในอยู่ช่วงหนึ่ง แต่หลังจากไทเฮาทรงประชวรแล้วเขาก็เริ่มไม่ได้รับความสำคัญ จนกระทั่งไทเฮาเสด็จสวรรคต เขาจึงถูกละเลยไปอย่างสิ้นเชิง”
“พอเจ้าพูดแบบนี้ทำให้ข้านึกขึ้นได้ วั่นกวงคนนี้ตั้งแต่ย้ายออกจากตำหนักฉือหนิงก็ไปอยู่ที่ซีฉือเตี้ยนไม่ห่างไกลจากหลังภูเขาจำลองที่องค์หญิงตกน้ำมากนัก เป็นสถานที่เก็บรักษาสมบัติของราชวงศ์ ซึ่งส่วนมากจะเก็บพวกของขวัญที่ฑูตจากต่างแดนทั้งหลายนำมาถวาย ตอนนั้นเขาเป็นคนทูลขอไปอยู่ที่นั่นเพื่อใช้ชีวิตในบั้นปลายเอง”
พอได้ยินคำว่าตกน้ำและภูเขาจำลองเซียงฉือก็อึ้งไป หากว่าเป็นเขาจริง เช่นนั้นเรื่องนี้ก็คงจะซับซ้อนขึ้นอีกมาก
ตอนที่ 467 จางกงกงกับสวีหมิ่น
เซียงฉือยิ่งคิดก็ยิ่งเข้าใจแจ่มแจ้ง
“ถ้าหากเป็นเช่นนี้ พวกเราควรต้องเริ่มจากการตรวจสอบตัวตนของนักฆ่าที่ถูกฆ่าตายเสียก่อน เขาก็เป็นพยานสำคัญคนหนึ่งได้ ถ้าหากเป็นวั่นกวงจริง เขาจะต้องมีความสัมพันธ์ซับซ้อนกับวั่นกวงเป็นแน่”
เซียงฉือพูดขึ้นเช่นนี้สวี่อี้จึงพูดว่า
“ตัวตนของเขาข้าตรวจสอบออกมาแล้ว เขาเป็นขันทีผู้น้อยในซื่อคู่ซูจวี๋ สวีหมิ่น”
เซียงฉือหดตาลงแล้วเรียกคนเข้ามาคนหนึ่ง
“ไปเรียกเฮ่อหมัวหมัวจากโรงซักล้างให้มาที่นี่”
ได้ยินเซียงฉือพูดดังนั้นสวี่อี้ก็ชะงัก เฮ่อหมัวหมัวหรือ
“นางคือ”
ซียงฉือยิ้มแล้วพูดติดอารมณ์ขัน
“ขอให้ใต้เท้าสวี่ให้หน้ากับข้าด้วย เพื่อที่จะล้วงข่าววั่นกวงออกมาจากปากนางจึงต้องขอให้ใต้เท้าให้งานในกองคดีกับนางสักหน้าที่หนึ่ง เพื่อนางจะได้ย้ายออกจากโรงซักล้างได้”
สวี่อี้มองนางอย่างเหยียดๆ จากนั้นหันกายกลับไป พูดขึ้นอย่างหยิ่งๆ ว่า
“คิดจะใช้เส้นสายข้าหรือ เลิกคิดไปเลย”
เซียงฉือไม่ถือโทษกับคำพูดนั้น ขณะนั้นเฮ่อหมัวหมัวได้ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าพวกนาง เฮ่อหมัวหมัวเป็นคนดูแลตัวเองได้ดีเสมอมา ดังนั้นแม้จะล่วงเลยวัยสามสิบแล้วก็ยังคงรักษาเสน่ห์เอาไว้ได้ ดูความปราดเปรียวของนางก็ยังเป็นไปอย่างชำนิชำนาญ
สวี่อี้มองเซียงฉือ นางเริ่มมีความพึงพอใจ สวี่อี้ค่อยๆ รับสืบทอดกองคดี กองคดีเป็นกองที่มีข้าราชสำนักสตรีน้อยที่สุด คงเพราะเรื่องการตีการฆ่า สืบสวนสอบสวนเหล่านี้ไม่เป็นที่ชื่นชอบของสตรีทั้งหลาย และที่สำคัญที่สุดเป็นเพราะฝ่าบาทเห็นกองคดีเป็นหน่วยงานสำคัญที่สุด หากไม่ใช่คนที่ทำงานได้ดั่งใจจะไม่ส่งเข้าในกองคดี ดังนั้นในกองคดีจึงมีจำนวนข้าราชสำนักสตรีนับคนได้
สวี่อี้เป็นเพียงข้าราชสำนักสตรีเฟิ่งเอินขั้นที่ห้าจึงได้กลายมาเป็นคนไว้วางใจของฮ่องเต้ได้ แต่นางต้องการผู้ช่วยเหลือ ดังนั้นเฮ่อหมัวหมัวที่เป็นคนเก่งจึงเป็นตัวเลือกอันดับแรกของนาง
ถึงเซียงฉือไม่พูด สวี่อี้ก็จะคอยสังเกตให้มาก ถ้าหากเฮ่อเหมยเหมาะสมจริง นางก็จะเป็นดั่งพยัคฆ์ติดปีก แน่นอนว่านางชื่นชอบ เพียงแต่ว่าคนคนนี้จะดีหรือไม่ยังคงต้องได้เห็นกับตาเสียก่อน
เซียงฉือไม่ใช่คนเหลวไหล แต่หากนางจำเพาะต้องส่งคนเข้ามาในกองคดีให้ได้ สวี่อี้ก็ไม่ว่าอะไร เพียงอาจไม่พอใจบ้าง แต่ครั้งนี้นางพูดเปิดเผยออกมา และให้นางได้เห็นคนคนนี้ว่าเป็นอย่างไรเสียก่อน นางจึงไม่คิดหยุมหยิม
“เฮ่อหมัวหมัว ท่านนี้คือใต้เท้าสวี่อี้แห่งกองคดี ใต้เท้าสวี่มีคำถามบางอย่างอยากถาม ขอให้หมัวหมัวตอบตามจริงด้วย”
เซียงฉือแนะนำด้วยวิธีนี้ เฮ่อหมัวหมัวเป็นคนฉลาดจึงรีบเข้าไปทำความเคารพ
“ข้าน้อยเฮ่อเหมยเป็นหมัวหมัวคุมงานของโรงซักล้าง คารวะใต้เท้าทั้งสองเจ้าค่ะ”
เซียงฉือพยักหน้าให้กับสวี่อี้ ส่วนสวี่อี้ก็พูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์นัก
“สวีหมิ่นจากซื่อคู่ซูจวี๋ ไม่ทราบว่าหมัวหมัวรู้จักเขาแค่ไหน”
เฮ่อหมัวหมัวมองเซียงฉือแล้วหันกลับโดยไว ยิ้มระรื่นพูดขึ้นว่า
“หมัวหมัวทำงานอยู่ในโรงซักล้าง ใช่ว่าข้าจะคุยอวด คนในวังที่พอมีตำแหน่งฐานะต้องการใช้บริการซักรีดของโรงซักล้างนั้นข้าล้วนพอจำได้อยู่บ้าง สวีหมิ่นคนนั้นข้าย่อมรู้จัก แต่ว่าคนคนนี้ออกจากประหลาดอยู่บ้าง ตามหลักแล้วเสื้อผ้าของเขามาไม่ถึงโรงซักล้างเรา เพราะฐานะเขายังไม่สูงเพียงพอ”
“แต่เขามีความสัมพันธ์อันดีพอควรกับจางกงกง ดังนั้นจึงส่งไปบ่อยๆ และเพราะว่าแขนเสื้อของเขามักจะชำรุดอย่างมาก ข้าจึงจำเขาได้แม่นยำ”
เฮ่อหมัวหมัวพูดออกไปแล้วสวี่อี้ก็พยักหน้า เฮ่อหมัวหมัวคนนี้ทำงานได้แคล่วคล่อง ความจำก็ดีอีกทั้งใส่ใจถี่ถ้วนจึงพอใจอย่างยิ่ง
ในใจสวี่อี้นั้น ไม่ว่าทำการงานใดความตั้งใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด สวี่อี้พยักหน้าให้เซียงฉือ เซียงฉือจึงยิ้มแล้วพูดว่า
“ไป พวกเราไปจัดการกันให้กระจ่าง ดูซิว่าสวีหมิ่นที่ตายไปมีความเกี่ยวข้องกับจางกงกงหรือไม่”