บุปผาเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 215

ตอนที่ 215 รับสั่งกุ้ยเฟย

 

 

เซียงฉือเชิญเซียงซือดื่มน้ำชา สองพี่น้องไม่ได้พบกันมานานพอควรจึงน่าที่จะเป็นบรรยากาศสนิทสนมกลมเกลียว แต่เพราะความทะเล่อทะล่าของเซียงซือจึงเกิดความกระอักกระอ่วนขึ้น

 

 

เซียงฉือรินน้ำชาให้นาง เมื่อเห็นว่าเซียงซือมีวันเวลาที่ดีหลังออกจากตำหนักอวี้หยวนไปแล้วก็สบายใจขึ้น

 

 

“ท่านพี่ก็ได้ป้ายหยกผ่านการสอบครั้งแรกแล้วใช่ไหม”

 

 

เซียงฉือตาแหลมคม เพียงครู่เดียวก็มองเห็นป้ายหยกสีขาวที่เสียบอยู่ที่เอวของเซียงซือ

 

 

เซียงซือก็ไม่ได้เกรงใจ อมยิ้มแล้วรีบนำออกมา

 

 

“ข้าได้ยินจากหงหงว่าเจ้าก็ได้มาเหมือนกัน ไหนเอามาให้พี่ดูหน่อย พวกเราพี่น้องไม่มีเรื่องดีๆ แบบนี้มานานแล้ว”

 

 

เซียงซือทอดถอนใจรู้สึกหดหู่ มองดูเซียงฉือตาใส

 

 

“ครั้งนี้นับว่าพวกเราฝ่าความลำบากออกมาได้แล้ว เรื่องทั้งหมดนี้ ควรต้องขอบคุณใต้เท้าราชครูและผู้อาวุโสของบ้านสกุลเหออย่างมากที่ทำให้พวกเรามีโอกาสนี้ได้”

 

 

“ที่ข้ามานี่ก็เพื่อจะนัดเจ้าไปพบกับผู้คุมสอบด่านถัดไปด้วยกัน ข้าถามนางกำนัลเก่าแก่พวกนั้นแล้ว พวกนางบอกว่าควรต้องรู้ธรรมเนียมสักหน่อย มิเช่นนั้นพวกเขาจะทำให้การของพวกเราสะดุดได้”

 

 

เซียงซือจงใจเบาเสียงไปพูดอยู่ที่ข้างหูเซียงฉือ เซียงฉือฟังแล้วเกิดความลังเลในใจ สภาพในวังเปลี่ยนเป็นแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เหตุใดจึงจะต้องมีเงินถึงจะมีอำนาจได้

 

 

เซียงฉือก้มหน้าไม่พูดไม่จา เซียงซือมองดูนางส่วนใจก็คิดคำนวณไปด้วย

 

 

“เจ้ารับใช้อยู่ข้างกายกุ้ยเฟย คงจะได้รับประโยชน์ไม่น้อย หรือว่าตัดใจไม่ได้”

 

 

“น้องเซียงฉือ เรื่องนี้ถ้าไม่จ่ายค่าตอบแทนบ้างก็คงจะไม่บรรลุเป้าหมายนะ”

 

 

คำพูดของเซียงซือทำให้เซียงฉือกังวลคลางแคลง นางรับใช้กุ้ยเฟยยังไม่นานเท่าไร เงินที่ได้ตามอัตราในแต่ละเดือนก็ไม่มาก ครั้งก่อนปักกระโปรงหิ่งห้อยเรืองแสงให้กุ้ยเฟยก็ถูกหลิ่วเหยียนกลั่นแกล้ง รางวัลที่ควรจะได้เลยกลายเป็นการทำคุณไถ่โทษไป

 

 

เซียงซือพูดว่าไปอยู่ข้างกายกุ้ยเฟยแล้วคงได้รับประโยชน์มาไม่น้อย แต่ว่าตอนนี้นางกลับกระเป๋าแห้ง

 

 

ขณะพวกนางกำลังสนทนากันอยู่ในห้อง หลิ่วเหยียนก็มาถึงพอดีจึงได้ยินคำสนทนาของเซียงซือกับเซียงฉือเข้า ถึงจะไม่รู้ว่าตอนนี้เซียงฉือจะได้รับของมีค่าจากกุ้ยเฟยมามากน้อยแค่ไหน แต่ความลับใดๆ ย่อมไม่มีในตำหนักนี้

 

 

จะว่าไปแล้ว เซียงฉือก็ไม่ได้มีอะไรดีมากไปกว่าพวกคนรับใช้ขั้นสองขั้นสามพวกนั้นมากนัก

 

 

คิดถึงตรงนี้แล้ว หลิ่วเหยียนก็คิดได้วิธีหนึ่ง

 

 

แต่แล้วนางรีบส่งเสียงกระแอมไอขึ้นที่หน้าประตู

 

 

“เซียงฉือ กุ้ยเฟยเรียกเจ้าไปหา”

 

 

เซียงฉือได้ยินเสียงหลิ่วเหยียนจึงรีบไปเปิดประตู นางเห็นสีหน้าหลิ่วเหยียนมองตนอย่างรังเกียจแล้วมองผ่านไปยังเซียงซือที่อยู่ด้านหลังนาง จากนั้นพ่นลมเย็นออกจมูก

 

 

“เร็วหน่อย กุ้ยเฟยเรียกหาเจ้าอยู่นะ”

 

 

ความสัมพันธ์ของหลิ่วเหยียนกับเซียงฉือแต่ไรมาก็ไม่ดีเท่าไร ตอนนี้ต้องมาเรียกนางสีหน้าจึงดูไม่ได้ ส่วนเซียงฉือเย็นชากับนางมาโดยตลอด ถึงแม้ยังต้องร่วมมือกันทำงานก็ตาม ระยะนี้กุ้ยเฟยฟังคำของหวังหมัวหมัว สงบจิตสงบใจบำรุงดูแลร่างกาย

 

 

ขณะนี้ตำหนักอวี้หยวนจึงอยู่ในสภาพสงบสุขเป็นอย่างยิ่ง

 

 

เซียงฉือยืนอยู่หน้าประตูไม่คิดจะเชิญนางเข้าไป แต่หลิ่วเหยียนยังคงส่งสายตาลอกแลกกราดมองดูข้างใน เซียงฉือยืนบังไว้แล้วพูดยิ้มๆ

 

 

“ขอบใจแม่นางหลิ่วเหยียน ช่วยทูลกุ้ยเฟยด้วยว่าข้าจะไปเดี๋ยวนี้”

 

 

เซียงฉือพูดอย่างไม่เกรงใจ หลิ่วเหยียนถูกนางขวางไว้สีหน้าไม่สบอารมณ์ พ่นลมเย็นออกจมูกแล้วหมุนกายเดินจากไป

 

 

“กุ้ยเฟยสั่งให้เจ้าไปเดี๋ยวนี้!”

 

 

เซียงฉือก็ไม่กล้าชักช้า มิเช่นนั้นหลิ่วเหยียนอาจจะพูดให้ร้ายอะไรนางต่อหน้ากุ้ยเฟยได้จึงรีบเร่งตามไป

 

 

กุ้ยเฟยกำลังรับอาหารเที่ยงอยู่ หลายวันมานี้เชื่อคำพูดของหมอหลวง ดื่มยาที่มีทั้งรสขมและฝาด ดังนั้นตลอดหลายวันนี้จิตใจจึงไม่ค่อยปลอดโปร่งเท่าไร

บุปผาเคียงบัลลังก์

บุปผาเคียงบัลลังก์

ครอบครัวตระกูลอวิ๋นต้องโทษทั้งตระกูล บ้านแตกสาแหรกขาด ผู้ชายถูกเนรเทศ ผู้หญิงต้องเข้าวังเพื่อเป็นนางกำนัล แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ อวิ๋นเซียงฉือ ก็ไม่เคยหมดหวัง ชีวิตในวังหลวงแม้เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีแต่นางก็ยังมีเพื่อนที่แสนดีคอยอยู่เคียงข้าง รวมไปถึง หรงฉู่ องครักษ์หนุ่มที่พบกันโดยบังเอิญ เขาคอยช่วยเหลือนางหลายอย่าง และในระหว่างนั้นเองความจริงเรื่องตระกูลของนางก็ค่อยๆ เริ่มปรากฏขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset