บุปผาเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 216

ตอนที่ 216 แผนการกุ้ยเฟย

 

 

เซียงฉือตามหลิ่วเหยียนเข้าไปในห้องของกุ้ยเฟยแล้วยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้ากุ้ยเฟย

 

 

“เซียงฉือ ข้ารู้ว่าตำหนักอวี้หยวนเล็กเกินไป จะช้าหรือเร็วเจ้าก็ต้องจากไป ข้าไม่ใช่คนตระหนี่ ของพวกนี้เป็นรางวัลให้เจ้าทั้งหมด”

 

 

เสียงของกุ้ยเฟยนุ่มนวลอ่อนหวาน หลายวันมานี้แม้ยาน้ำจะเฝื่อนขม แต่จินกุ้ยเฟยก็มีเลือดฝาดขึ้นมาก ทว่าคำพูดของนางทำให้เซียงฉือไม่เข้าใจ

 

 

อวิ๋นเซียงฉือยอมรับว่าตนเองอยู่ในตำหนักอวี้หยวนไม่นาน ทั้งยังอยู่อย่างเรื่อยๆ ไม่มีทั้งความดีความชอบหรือความผิดมีโทษอะไร แต่เมื่อเห็นกล่องเครื่องประดับที่กลุ่มสาวใช้ด้านหลังหวังหมัวหมัวยกมาแล้วเห็นว่าครั้งนี้กุ้ยเฟยมือหนัก ของขวัญที่มอบให้ล้ำค่าอย่างยิ่ง

 

 

“ตั้งแต่หม่อมฉันเข้าตำหนักมา กุ้ยเฟยทรงเมตตาให้ความสำคัญ หม่อมฉันรู้สึกประหม่าเป็นอย่างยิ่ง แต่ว่าเพียงโชคดีผ่านการสอบรอบแรกมาได้เท่านั้นเพคะ”

 

 

“พระมหากรุณาธิคุณที่ประทานแก่หม่อมฉันนี้ หม่อมฉันไม่มีวันจะลืมเลือนเพคะ”

 

 

“พระองค์ทรงเมตตาสงสาร หม่อมฉันซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง แต่หม่อมฉันไม่มีความดีความชอบอันใดจึงไม่อาจรับรางวัลที่ประทานมากมายเช่นนี้ได้เพคะ”

 

 

อวิ๋นเซียงฉือแม้จะรู้ว่าสถานะของข้าราชสำนักสตรีมีความพิเศษ นางกำนัลหากสอบได้แล้วล้วนเฟื่องฟูขึ้นทันตา ฐานะจะแตกต่างไปอย่างมาก แต่คิดไม่ถึงว่ากุ้ยเฟยจะใส่ใจถึงเพียงนี้

 

 

ในตอนนี้นางประหม่าจริงๆ กังวลว่าหลิ่วเหยียนได้พูดอะไรไว้หรือไม่ นางไม่ต้องการไปล่วงเกินอะไรกุ้ยเฟยเข้าในช่วงเวลาสุดท้ายนี้

 

 

จินกุ้ยเฟยมองดูเซียงฉือและสะบัดมือ เหล่าคนข้างหลังวางของพระราชทานแล้วก็ถอยออกไป

 

 

“เจ้าลุกขึ้นเถอะ หวังหมัวหมัวพูดไว้ไม่ผิดว่าเจ้าเป็นคนฉลาด กับพวกบุญคุณเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้เจ้าไม่เห็นมันอยู่ในสายตา”

 

 

“ในเมื่อเจ้าบอกว่าซาบซึ้งใจที่ข้าเห็นความสำคัญ ดังนั้นเจ้าก็ต้องรู้ว่า ในวังหลังนี้ถึงแม้ฐานะของข้าราชสำนักสตรีจะสูงกว่านางกำนัลอยู่มาก แต่จะอย่างไรก็ยังคงเป็นบ่าว ต้องมีเจ้านายให้ความสำคัญจึงจะมีโอกาส มิฉะนั้น…”

 

 

กุ้ยเฟยพ่นลมเย็นออกจมูกแล้วค่อยๆ ช้อนตากวาดมองดูอวิ๋นเซียงฉือ เมื่อนางเห็นสายตาจินกุ้ยเฟยแล้วก็พูดขึ้นว่า

 

 

“หม่อมฉันเข้าใจเพคะ”

 

 

“กุ้ยเฟยทรงให้ความสำคัญกับหม่อมฉัน หม่อมฉันย่อมต้องสำนึกในพระกรุณาธิคุณเพคะ”

 

 

เวลานี้อวิ๋นเซียงฉือเหตุใดจะไม่เข้าใจว่าการสอบข้าราชสำนักสตรีนี้ โอกาสที่นางกำนัลจะสอบได้เท่ากับศูนย์ และคนพวกนี้ก็รั้งตำแหน่งสำคัญทุกตำแหน่งในวังซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อกุ้ยเฟยได้

 

 

ดังนั้นในเวลานี้จึงต้องดึงเข้าเป็นพวกไว้ก่อน ถึงแม้เซียงฉือจะคิดได้เช่นนี้ แต่นางยังไม่รู้ว่าจินกุ้ยเฟยได้คิดแผนการที่ล้ำหน้ายิ่งกว่า

 

 

“คุยกับคนฉลาดนี่ช่างสบายเหลือเกิน”

 

 

“เซียงฉือ ข้าจะไม่อ้อมค้อมกับเจ้าอีกแล้ว ข้ารู้ว่าเจ้ามาจากตระกูลผู้มีการศึกษา โวหารบทกวีหรือศิลปะเขียนวาดล้วนโดดเด่น ในการสอบครั้งนี้มีตำแหน่งข้าราชสำนักสตรีแผนกอักษรของตำหนักเจิ้งหยางว่างอยู่ ข้าหวังให้เจ้าเข้ารับตำแหน่งนี้”

 

 

จินกุ้ยเฟยใช้น้ำเสียงเหนื่อยหน่ายพูดคำพูดที่นางคิดว่ามั่นใจเต็มที่ออกมา

 

 

ข้าราชสำนักสตรีแผนกอักษรต่างจากข้าราชสำนักสตรีทั่วไป เป็นตำแหน่งสำคัญที่รับใช้อยู่ข้างกายฮ่องเต้ สามารถพบเห็นฮ่องเต้ได้ทุกวัน ซึ่งย่อมจะคุ้นเคยกับกิจวัตรและความชอบของฮ่องเต้เป็นอย่างดี ถ้าหากไปจับจองที่ตรงนั้นได้จะเป็นแรงหนุนอย่างมากให้กับจินกุ้ยเฟย

 

 

ที่สำคัญเพราะซูเฟยได้จัดผิงผิงเข้าไปรับใช้ด้านขีดเขียนอยู่ และหลายวันนี้ได้เป็นที่โปรดปรานอยู่มาก ทำให้กุ้ยเฟยถึงกับตาร้อน

 

 

 ตอนนี้เมื่อรู้ว่าอวิ๋นเซียงฉือผ่านการสอบข้าราชสำนักสตรีรอบแรกมาแล้ว และเพราะมีความมั่นใจในตัวนางมาก เส้นทางต่อจากนี้ขอเพียงเซียงฉือไม่พลาดและนางคอยช่วยผลักด้านอยู่ข้างๆ เรื่องนี้ย่อมสามารถทำได้สำเร็จ

 

 

แต่ว่านางคิดไม่ถึง

 

 

“กุ้ยเฟยทรงเมตตา แต่หม่อมฉันเกรงว่าจะไม่มีความสามารถเช่นนั้นเพคะ”

 

 

อวิ๋นเซียงฉือปฏิเสธคำขอของนาง คุกเข่าสงบนิ่งอยู่เบื้องหน้าจินกุ้ยเฟย แต่เสียงเบาอย่างยิ่งราวกับไม่ได้ถูกเปล่งออกมาจากนางในที่นั้น

บุปผาเคียงบัลลังก์

บุปผาเคียงบัลลังก์

ครอบครัวตระกูลอวิ๋นต้องโทษทั้งตระกูล บ้านแตกสาแหรกขาด ผู้ชายถูกเนรเทศ ผู้หญิงต้องเข้าวังเพื่อเป็นนางกำนัล แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ อวิ๋นเซียงฉือ ก็ไม่เคยหมดหวัง ชีวิตในวังหลวงแม้เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีแต่นางก็ยังมีเพื่อนที่แสนดีคอยอยู่เคียงข้าง รวมไปถึง หรงฉู่ องครักษ์หนุ่มที่พบกันโดยบังเอิญ เขาคอยช่วยเหลือนางหลายอย่าง และในระหว่างนั้นเองความจริงเรื่องตระกูลของนางก็ค่อยๆ เริ่มปรากฏขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset