ตอนที่ 510 ไห่ถังต้นหนึ่ง
มั่วลี่คุกเข่าขอบคุณ เซียงฉือจึงหยิบพรมหนาผืนหนึ่งออกมาจากในตู้ พูดว่า
“คลุมมันออกไปเถอะ”
มั่วลี่รับพรมจากเซียงฉือแล้วนำไปห่อเหมียวตาอิ้ง จากนั้นเรียกขันทีสองคนให้มานำนางออกไป แต่เพียงออกนอกประตู สายลมเย็นกระแสหนึ่งโชยเข้ามา เหมียวตาอิ้งหดตัวแล้วพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ
“หนาว กลับไป”
หงซีกูกูกับเซียงฉือสบตากันแล้วยิ้ม
เซียงฉือประสานมือพูดว่า
“คืนนี้กูกูคงต้องงานยุ่งเป็นแน่ ข้าไม่เพิ่มความเดือดร้อนให้แล้ว เชิญกูกู…”
หงซีกูกูก็คารวะตอบแล้วเดินออกนอกประตูไป นางส่งคนไปรับมู่ตาอิ้ง คืนนี้วุ่นวายกว่าวันอื่นๆ มากมายทีเดียว
โคมไฟสีแดงแขวนขึ้นสูง เปลวไฟไหวคลอนมองดูงดงามยิ่ง เซียงฉือหลับตาลงช้าๆ แต่ขณะนั้นเหมือนดั่งฝันร้ายจะกล้ำกรายมาอีก ระยะนี้ฝันร้ายของนางเกิดถี่ขึ้น ทำให้นางยิ่งหวาดกลัวการนอนหลับ ความหวาดกลัวเช่นนั้นทำให้สติสัมปชัญญะของนางยิ่งอ่อนแอลง
นางไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร แต่ความมืดที่น่าสะพรึงนั้น ทำให้นางหวาดกลัวอย่างยิ่ง
คืนนี้หรงจิงจะไม่มาอยู่เป็นเพื่อนนาง เซียงฉือมองดูเก้าอี้ว่างเปล่าที่ข้างใต้หน้าต่าง ก็ยิ่งบังเกิดความกลัวขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ
ข้างนอกประตูเกิดเสียงอึกทึก เซียงฉือรู้ว่าเป็นเสียงการมาถึงของมู่ตาอิ้ง นางจึงคล้อยตามเสียงนั้นค่อยๆ ปิดตาลง
ให้สายตาของตนตรึงอยู่บนโคมไฟ จะได้ไม่หวาดกลัวความมืดเช่นนี้อีก ทั้งจะได้ไม่รู้สึกว่าความมืดที่ราวกับจะกลืนกินนางนั้นมีแขนสัมผัสที่จะโอบนางเข้าไปในนั้น
เซียงฉือหวาดกลัวมาก นับวันนางยิ่งกลัวว่าตนเองจะหลับไม่ตื่นขึ้นมาอีก
ซู่เวิ่นคนที่นางไว้วางใจที่สุดนั้น เป็นเพราะระยะนี้มีโรคชนิดใหม่แพร่กระจายขึ้นที่นอกเมือง จึงถูกรองหัวหน้ากองโอสถส่งออกไปทำงาน ยิ่งขาดคนที่เชื่อใจได้ ทำให้นางยิ่งหวาดหวั่น
เซียงฉือไม่รู้ว่าตนเองเป็นอะไร ระยะนี้ยิ่งดื่มยาที่ส่งมาจากกองโอสถก็ยิ่งปวดศีรษะ นางจึงทิ้งยานั้นด้วยการเททิ้งลงใต้ต้นไห่ถังต้นหนึ่ง ทำให้ตอนนี้ไห่ถังไม่ออกดอกเลย นางสงสัยว่ายานี้จะมีสิ่งแปลกปลอม ดังนั้นจึงทนความเจ็บปวดเทยานั้นทิ้งไปจนหมด
แล้วใช้วิธีการนวดที่ซู่เวิ่นสอนนางไว้ซึ่งช่วยให้ดีขึ้นมาก
แต่ฝันร้ายทุกคืนเช่นนี้นางยากจะทานทนไหว
เที่ยงคืนผ่านเลยไป เสียงประตูหน้าโถงยางหรงเปิดออก มีเสียงซุบซิบคุยกันของคนสองคน จากนั้นมีคนหนึ่งเดินเข้าประตูไป
เซียงฉือไม่กล้าคิดอะไรอีก นางหลับตา ความง่วงงุนอย่างมากเข้าจู่โจม ความอ่อนล้าเช่นนั้นนางไม่สามารถต้านทานดังนั้นจึงได้แต่ปล่อยให้จมลงไป
เซียงฉือลงสู่ภวังค์ ไม่รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นข้างนอก นางรู้สึกคล้ายดั่งถูกขังอยู่ในภาพวาด ภาพวาดนี้มีสระน้ำใหญ่มากสระหนึ่ง มีคนผลักนางจากทางเบื้องหลังทำให้นางตกลงในน้ำ นางดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ไม่ว่าจะดิ้นรนร้องตะโกนอย่างไร ก็ยังไม่มีใครจะมาช่วยนาง ทั้งตนเองก็ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้อีกด้วย
ความหวาดกลัวจู่โจมนางอีกครั้ง ความตายที่คุกคามทำให้ร่างกายนางเขม็งตึง กล้ามเนื้อที่มีอยู่ทั้งหมดกำลังสั่นเทา
มู่ตาอิ้งเข้าไปในยวนหรงถัง นางเป็นคนของกุ้ยเฟยและมีหน้าตางดงาม นิสัยเฉลียวฉลาด มิเช่นนั้นคงไม่สามารถเข้าตากุ้ยเฟยได้
มู่ตาอิ้งเสพสุขกับครั้งแรกในชีวิตของนาง ส่วนเซียงฉือในตอนนี้จมดิ่งลงสู่ความมืดมิดและความหวาดกลัวไร้ที่สิ้นสุด พลันมีเสียงขลุ่ยดังขึ้นที่ด้านนอก ร่างของเสียงฉือขดเข้าหากันในทันใด ราวกับความเจ็บปวดอย่างรุนแรงนั้นกำลังจะฉีกนางขาดออกจากกัน
ตอนที่ 511 ติดกับ
หรงจิงได้ยินเสียงขลุ่ยก็หรี่ตา สายตานั้นเย็นเยียบ มู่ตาอิ้งนอนอยู่ข้างกายเขาสีหน้าขวยเขิน หรงจิงสะบัดมือพูดว่า
“ส่งนางกลับไป”
พูดจบก็ลุกขึ้นสวมเสื้อผ้า มู่ตาอิ้งเพิ่งจะผ่านประสบการณ์ร่วมรักมาหยกๆ ก็ถูกหรงจิงเย็นชาเข้าใส่เช่นนี้จึงตกใจร้องไห้ขึ้นมา หมัวหมัวกับกงกงที่คอยดูแลเรื่องบรรทมที่ด้านหลังลงมืออย่างว่องไว เมื่อห่อตัวมู่ตาอิ้งเสร็จก็หามออกไปทันที หรงจิงสวมชุดตัวในแล้วก็รับเสื้อคลุมที่ซูกงกงส่งมาให้
“ซูกงกง รีบไปดูเซียงฉือไวๆ”
พูดจบก้าวที่แข็งแรงก็ก้าวฉับออกไป ในอากาศยังมีกลิ่นอายความละมุนละไม แต่หรงจิงในขณะนี้เห็นเพียงเงาที่ผ่านตาไปสายหนึ่ง
ซูกงกงรีบไปยังห้องเซียงฉืออย่างมิกล้ารอช้า พอผลักประตูเข้าไปก็เห็นเซียงฉือตัวงอเป็นกุ้ง ดูท่าทางเจ็บปวดอย่างยิ่ง
ส่วนหน่วยข่าวกรองมังกรเหินที่แฝงตัวอยู่ในความมืดก็ได้โผนตามเสียงขลุ่ยไปอย่างเงียบเชียบและอยู่ก่อนหน้าหรงจิง ทั้งยังได้ล้อมคนเป่าขลุ่ยนั้นไว้รอบแล้ว
หรงจิงเดินเข้าไปใกล้ก็สะบัดฝ่ามือ เงาร่างหลายร่างขยับพรึบ คนเป่าขลุ่ยคนนั้นยังไม่ทันขยับตัวก็ถูกจับตัวไว้และตีตรวนอยู่บนพื้น
ตาเบิ่งโตอย่างหวาดหวั่น มองดูบุรุษเบื้องหน้าด้วยใบหน้าขาวซีด
“ฝ่าบาท ฝ่าบาท…”
น้ำเสียงที่สั่นเทาส่อถึงอาการสับสนของนางในขณะนี้ ได้แต่เพียงขดตัวไม่กล้าเผยใบหน้า ชั่วขณะที่เห็นหรงจิงก็รู้ว่าแผนการถูกเปิดโปงแล้ว ไม่กล้าคิดมีชีวิตรอดอยู่ต่อไปจึงตัดสินใจจะกลืนยาพิษที่ใต้ลิ้น แต่เซียงซวินตาไวมือแคล่วคล่องจึงจับคางของนางไว้ ถึงกับเกือบทำให้คางอ่อนนุ่มของนางแตกหักไป
แล้วยื่นนิ้วมือเข้าไปสองนิ้วล้วงยาพิษออกมา
“พกยาพิษติดตัว แสดงว่าเป็นนักฆ่าที่มีคนเลี้ยงไว้ นายท่าน จะให้จัดการอย่างไร”
หรงจิงคลุมด้วยเสื้อคลุมสีดำ ทำให้ยิ่งแลดูรางเลือนในความมืด คนเป่าขลุ่ยคนนั้นก้มหน้าไม่กล้าเงย เซียงซวินตรวจค้นทั่วร่างนางอย่างแคล่วคล่องเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอาวุธใดๆ แล้ว จึงได้ให้หรงจิงพบนาง
“เงยหน้าขึ้นมา ให้ข้าดูให้ชัดว่าเป็นใคร”
เซียงซวินได้ยินคำสั่งนั้นแต่เห็นนักโทษไม่ขยับกาย จึงจับคางนางให้แหงนหน้าขึ้น
“สวีฝู เฟิ่งเย่าจากกองโอสถ”
ความทรงจำของหรงจิงดีอย่างยิ่ง ขอเพียงเป็นคนที่เขาเคยพบ แทบจะไม่มีใครที่เขาจะจำไม่ได้ นอกจากคนที่เขาไม่ปรารถนาจะจดจำ
สวีฝูคือคนที่รักษาเซียงฉือเป็นคนแรกหลังจากที่นางตากฝนจนเป็นหวัดในวันนั้น แต่ยาของนางป้อนเข้าไปเท่าไรก็ถูกเซียงฉืออาเจียนออกมา ทำให้ความเย็นกลับเข้าสู่ร่าง อาการหนักขึ้นกว่าเดิมมาก
หรงจิงเพียงจำได้ว่านางไร้ประสิทธิภาพอย่างยิ่ง แต่ไม่รู้ว่านางจะมีสองสถานะเช่นนี้ ช่างไม่อาจดูแคลนได้ เขามองนางด้วยสายตาเย็นเยือกถามว่า
“เจ้าเป็นใครกันแน่”
หญิงคนนั้นทำตัวหดไม่กล้าตอบ
เซียงซวินจึงพูดว่า
“หญิงคนนี้หัวแข็งปากปิดแน่น ทั้งที่มีหลักฐานชัดเจน แต่สถานที่นี้แม้จะเปลี่ยวทว่ายังยากจะหลบพ้นหูตาคน มิสู้นำกลับวังบาดาลค่อยๆ สืบสวน นายท่านเห็นเป็นเช่นไร”
หรงจิงฟังแล้วพยักหน้าพูดว่า
“เอาเถอะ เรื่องนี้ข้ามอบให้เจ้า เซียงซวิน ข้าเพียงต้องการผลสรุป”
เซียงซวินรับคำสั่งแล้วนำตัวหญิงคนนั้นไปอย่างไร้สุ้มเสียง หรงจิงกุมขลุ่ยหยกไว้แล้วนิ่งงันไป สวีฝูคนนี้ไม่น่าจะเป็นผู้บงการเบื้องหลัง แต่คนๆ นั้นก็ช่างสามารถแฝงผู้พิทักษ์พลีชีพที่แข็งแกร่งอยู่ในกลุ่มข้าราชสำนักสตรีได้เช่นนี้ ที่ถึงแม้จะรู้ดีว่ากระทำการไม่สำเร็จ แต่ก็ไม่อ้อนวอนร้องขอ เพียงต้องการความตาย