บุปผาเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 217

ตอนที่ 217 เซียงฉือขัดพระประสงค์

 

 

การปฏิเสธของเซียงฉืออยู่นอกเหนือความคาดหมายของจินกุ้ยเฟย สายตาจินกุ้ยเฟยเย็นเยือกลงทันที เซียงฉือที่ถูกมองถึงกับก้มหน้าลง

 

 

“อวิ๋นเซียงฉือ เมื่อครู่เจ้าบอกว่าจะไม่ไป ใช่หรือไม่”

 

 

เซียงฉือราวกับสามารถได้ยินเสียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันของจินกุ้ยเฟย ด้วยความไม่อยากเชื่อ ไม่อาจจะเข้าใจทำให้จินกุ้ยเฟยมองอวิ๋นเซียงฉือราวเป็นคนฟั่นเฟือน

 

 

“ข้าเคยพูดไปแล้วว่าหากคิดจะช่วยทั้งครอบครัวเจ้า ทางที่ดีคือร่วมมือกับข้าเสีย หรือว่าเจ้าต้องการจะให้ทั้งครอบครัวตายพร้อมกับเจ้าไปด้วย”

 

 

ตั้งแต่วันแรกที่เซียงฉือเข้าสู่ตำหนักอวี้หยวนก็รู้ว่านางไม่มีวันที่จะหลุดพ้นจากบ่วงผูกรัดของจินกุ้ยเฟยได้ ไม่ว่าเวลาใด นางก็คือเป้าหมายของการขู่เข็ญของจินกุ้ยเฟย

 

 

ครอบครัวของอวิ๋นเซียงฉือคือจุดอ่อนของนางที่ถูกจินกุ้ยเฟยกุมไว้ในกำมือ ทำให้นางไม่อาจเพิกเฉยต่อการมีตัวตนอยู่ของจินกุ้ยเฟยได้

 

 

“กุ้ยเฟยทรงระงับความพิโรธด้วยเพคะ”

 

 

“หม่อมฉันฐานะต่ำต้อยไม่บังควรถวายการรับใช้ฝ่าบาท ไม่ได้เป็นเพราะว่าหม่อมฉันไม่ยอมทุ่มเทเพื่อพระองค์ แต่เพราะความสามารถของหม่อมฉันมีจำกัด อีกทั้งเรื่องนี้ซูเฟยก็คงจะลงมือทำอะไรเป็นแน่ หม่อมฉันจึงคิดว่าหากพระองค์ทรงอบรมขัดเกลาหญิงสาวคนอื่นก็จะทรงใช้สอยได้เต็มที่กว่าเพคะ”

 

 

เซียงฉือรู้ว่าที่กุ้ยเฟยต้องการให้นางอยู่ข้างกายฝ่าบาทก็เพราะซูเฟยได้ปล่อยผิงผิงไว้ข้างกายฝ่าบาทคนหนึ่งแล้ว นางจึงไม่ต้องการให้ตนเองตกอยู่ในสภาพเป็นรอง

 

 

คำพูดอวิ๋นเซียงฉือฟังดูก็มีเหตุผล แต่ความรู้สึกของจินกุ้ยเฟยในตอนนี้ก็คือเซียงฉือปฏิเสธนาง

 

 

ในใจจึงยิ่งนึกรังเกียจนางมากขึ้น

 

 

“เซียงฉือ กุ้ยเฟยให้โอกาสเจ้าแล้วอย่ามัวทำไม่รู้สำนึก ในวังนี้มีหญิงสาวที่ต้องการไต่เต้าขึ้นมาจำนวนมาก เจ้ารู้ไว้เสียด้วยว่าการบดขยี้เจ้าให้ตายนั้นยังง่ายกว่าการบี้มดตัวหนึ่งเสียอีก”

 

 

“แม่นางเซียงฉือเป็นลูกกตัญญู คิดว่าคงอยากรู้สภาพของบิดาในระยะนี้อย่างยิ่งกระมัง”

 

 

เมื่อได้ฟังคำพูดของหวังโมโมแล้ว ความหยิ่งทะนงในใจเจ็บปวดขึ้นมาอย่างรุนแรง วันนั้นที่หลิวชิงคิดจะรังแกนาง นางได้พูดไปแล้วว่ายินดีที่จะตายดีกว่าจะยอมเสียศักดิ์ศรี

 

 

ความหยิ่งทะนง ความไม่ยี่หระของนางเป็นธาตุแท้ที่ทำให้นางยืนหยัดอยู่มาได้ถึงวันนี้ และหวังหมัวหมัวก็ทิ่มแทงเข้าจุดเจ็บปวดที่สุดของนาง

 

 

เซียงฉือไม่พูดจา นางรู้สึกอ้างว้างเจ็บปวดใจอย่างยิ่ง นางไม่ต้องการถูกควบคุมเช่นนี้ นางกำลังลังเลและต่อสู้อยู่กับความหยิ่งทะนงของตน

 

 

ขณะนั้นที่ด้านนอกประตูของโถงหน้าบริเวณเทียบราชรถหยกในตำหนักอวี้หยวนก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น อ่อนเบาแต่หนักแน่น และน้ำเสียงยังแฝงความร้อนรน

 

 

“กุ้ยเฟยเพคะ หม่อมฉันยินดีเพคะ!”

 

 

เซียงซือผลักประตูเดินเข้ามาจากด้านนอกที่เทียบราชรถแล้วคุกเข่าลงข้างๆ เซียงฉือ

 

 

เซียงฉือลืมไปแล้วว่าเซียงซือก็ได้ติดตามนางมารออยู่ด้านนอกประตูด้วย ตอนนี้นางไม่อาจคิดอะไรได้ทันมากนักเพราะการปรากฏตัวของเซียงซือ คำพูดของเซียงซือทำให้นางตกเป็นรอง

 

 

เซียงฉือตกใจอย่างยิ่ง ได้แต่ลอบมองดูสีหน้าของจินกุ้ยเฟย

 

 

การแอบฟังเจ้านายพูดคุยเป็นข้อห้ามใหญ่ ถ้าหากจินกุ้ยเฟยอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาแล้วละก็ จะต้องให้ลากนางออกไปตีจนตายทันที เซียงฉือใจกระโดดไปถึงคอหอยไม่กล้าเอ่ยปาก

 

 

แต่ยังคงมองดูกุ้ยเฟยอย่างร้อนรน หวังว่าจะพบเห็นอะไรในแววตาของนางบ้าง กุ้ยเฟยตระหนกน้อยๆ แววตาที่ตกใจในตอนแรกเปลี่ยนเป็นความโกรธในท้ายที่สุดริมฝีปากกระดกขึ้นช้าๆ

 

 

“เจ้าหรือ เซียงซือ? ข้าขับเจ้าออกจากตำหนักอวี้หยวนไปนานแล้ว และยังพูดด้วยว่าไม่ต้องการเห็นเจ้าอีก!”

 

 

หัวไหล่ของเซียงซือสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง

 

 

นางเพิ่งรู้สึกคิดกลัวขึ้นมา เหงื่อเย็นไหลลงตามหลัง แต่หากจะให้นางสำนึกเสียใจในตอนนี้ คำพูดที่พูดออกไปแล้วก็จะกลายเป็นน้ำที่ถูกสาดทิ้งไป นางจึงกลืนน้ำลายลงแรงๆ แล้วมองเซียงฉือ

 

บุปผาเคียงบัลลังก์

บุปผาเคียงบัลลังก์

ครอบครัวตระกูลอวิ๋นต้องโทษทั้งตระกูล บ้านแตกสาแหรกขาด ผู้ชายถูกเนรเทศ ผู้หญิงต้องเข้าวังเพื่อเป็นนางกำนัล แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ อวิ๋นเซียงฉือ ก็ไม่เคยหมดหวัง ชีวิตในวังหลวงแม้เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีแต่นางก็ยังมีเพื่อนที่แสนดีคอยอยู่เคียงข้าง รวมไปถึง หรงฉู่ องครักษ์หนุ่มที่พบกันโดยบังเอิญ เขาคอยช่วยเหลือนางหลายอย่าง และในระหว่างนั้นเองความจริงเรื่องตระกูลของนางก็ค่อยๆ เริ่มปรากฏขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset