ตอนที่ 514 สวีฝูรับสารภาพ
เซียงฉือมองดูผ้าห่มที่ยุ่งเหยิงแต่ตนเองยังแต่งกายเรียบร้อยดีอยู่จึงถอนใจโล่งอก
หรงจิงเห็นเซียงฉือเช่นนั้น ใบหน้านางแดงเรื่อ รีบลุกขึ้นเตรียมรับใช้เขาที่ตื่นนอน นางได้ยินเสียงมีคนแงะประตูที่ด้านนอก หรงจิงจึงสะบัดมือพูดว่า
“เจ้าไปแปรงฟันล้างหน้าที่เรือนด้านหน้า หากไม่ได้เรียกก็ไม่ต้องกลับเข้ามา”
เซียงฉือพยักหน้าแล้วปลีกตัวออกไปอย่างว่าง่าย ในตอนนั้นเซียงซวินก็เดินเข้ามา
“เซียงซวินมาถวายรายงานเพคะ”
หรงจิงพูดอย่างเกียจคร้าน
“ว่ามา”
คำพูดกระชับได้ใจความตามแบบวิธีพูดที่หรงจิงเคยชิน ส่วนเซียงซวินก็ไม่ได้คิดอะไรกับเรื่องนี้ นางปฏิบัติตามอย่างสงบ
พูดต่อว่า
“ที่บ้านเกิดของสวีฝูมีวิชาปรุงพิษจากสัตว์มีพิษที่ไม่ถ่ายทอดสู่ภายนอกชื่อพิษกลืนวิญญาณ โดยใช้วิธีฉีดแมลงตัวเมียเข้าสู่ร่างกาย แล้วเป่าขลุ่ยเร่งไข่ฟักตัวทุกคืน ซึ่งจะทำให้ผู้ถูกพิษเจ็บปวดสาหัส ดังนั้นนางจึงใช้การปรุงยาน้ำที่ตนศึกษามากับอาศัยช่องว่างในการรักษาเซียงฉือ ใช้ยานี้เป็นยาขับพิษหนาวที่ส่งมาให้อวิ๋นเซียงฉือเพคะ”
“แต่ดูจากอาการป่วยของใต้เท้าอวิ๋นแล้ว คิดว่านางคงไม่ได้ดื่มยาเพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บปวดนี้เพคะ”
“นอกจากนี้ สวีฝูยังสารภาพว่าคดีขององค์หญิงก่อนหน้านี้ก็เป็นฝีมือของนางกับวั่นกวง แต่องค์หญิงทรงพลั้งพลัดตกน้ำเองเพคะ นางเพียงมองเห็นความตายแต่ไม่ยอมช่วยเหลือเท่านั้น”
เซียงซวินเล่าออกมา หรงจิงพยักหน้า เรื่องนี้ไม่ต่างไปจากการคาดคะเนของเขา แต่มูลเหตุของเรื่องนี้หรงจิงยังอดสงสัยมิได้ จึงถามขึ้น
“นางถูกใครบงการให้คิดทำร้ายเซียงฉือ”
เมื่อหรงจิงถาม เซียงซวินจึงตอบว่า
“วั่นกวงเพคะ แต่เหตุใดวั่นกวงจึงคิดจะฆ่าเซียงฉือนั้นนางก็ไม่ทราบเพคะ นางเพียงปฏิบัติตามคำสั่ง จากคำบอกเล่าของนาง ความจริงคนในครอบครัวนางควรจะตายไปแล้วในภัยธรรมชาติคราหนึ่งเมื่อสองปีก่อน แต่โชคดีได้รับความช่วยเหลือจากวั่นกงกงจึงได้รักษาชีวิตคนทั้งครอบครัวไว้ได้ ครั้งนี้จึงได้ใช้ชีวิตคนในครอบครัวนางข่มขู่บังคับนางทำให้นางไม่อาจไม่ทำตามได้เพคะ”
หรงจิงส่งเสียงอึ้มใบหน้าไม่แสดงความรู้สึก เซียงซวินถอยออกไปอย่างรู้งาน หรงจิงจ้องนิ่งไปยังโคมดอกท้อที่ข้างหน้าหน้าต่าง ยิ้มพูดขึ้นเบาๆ
“โดยปกติล้วนเป็นข้าที่จะจุดโคมแล้วบรรดาสนมก็จะมาถวายงาน”
“พอถึงคราวเจ้ากับข้า เหตุใดจึงได้กลับกันเช่นนี้ เจ้าเป็นคนจุดโคม แล้วข้าก็นอนไม่หลับ”
หรงจิงมองดูแสงไฟที่ไหวคลอนแล้วยิ้มอย่างอ่อนใจ
เซียงฉือจัดแจงตนเองเสร็จแล้ว นางเปลี่ยนชุดข้าราชสำนักสตรีที่สะอาดเรียบร้อยแล้วนั่งอยู่บนม้านั่งอย่างเชื่อฟัง แต่ในห้องยังมีความหนาวเย็น หรงจิงมีร่างกายแข็งแรงจึงยังไม่ถึงเวลาที่จะจุดไฟอัง
แต่เป็นการทรมานสำหรับเซียงฉือ หนาวเหน็บจนมือเท้าเย็น
ในเวลาเช่นนี้หากอยู่ในบ้านของนาง เมื่อฤดูหนาวมาถึง เซียงฉือจะขดตัวจนแทบจะกลายเป็นก้อน นางเองก็หวังเสมอว่าตนเองจะสามารถกลายเป็นแมวที่มีขนเต็มตัว เพราะแบบนั้นนางก็จะไม่ต้องกลัวฤดูหนาวอีกแล้ว
ตอนหรงจิงเข้ามาเซียงฉือกำลังเป่ามืออยู่ ท่าทางดูน่ารัก หรงจิงเดินเข้าไปจับมือนางพูดว่า
“ทำไมจึงเย็นเช่นนี้”
ใบหน้าเซียงฉือแดงเรื่อขึ้นทันที นางดึงมือกลับพูดว่า
“ฝ่าบาทมิทรงทราบหรือเพคะว่ามือของสตรีนั้นล้วนเย็นเช่นนี้”
หรงจิงหัวเราะแล้วจับมือเล็กๆ นั้นกลับมาอีก วางไว้กลางฝ่ามือพูดว่า
“ข้าจะแบ่งความอบอุ่นให้เจ้า อย่าได้วิ่งไปที่ไหนอีก เจ้าเด็กต๊อง”
เซียงฉือก้มหน้าต่ำไม่กล้าพูดอะไร เพียงแต่ลอบยิ้ม
ตอนที่ 515 ซาบซึ้งอุ่นใจ
หรงจิงเห็นนางเป็นแบบนั้นจึงเรียกซูกงกงมา
“อากาศหนาวเย็นขนาดนี้แล้ว เหตุใดจึงยังไม่ตั้งเตาผิงอีก”
ซูกงกงเบิ่งตาโตแต่ก็ไม่กล้าโต้แย้ง ปากได้แต่พึมพำ ฝ่าบาท พระองค์จะต้องทรงรอจนกระทั่งหิมะตกจึงค่อยให้ตั้งเตาผิง แต่ตอนนี้ยังอีกนานกว่าที่หิมะจะตกนะ
แต่ก็ได้แต่คิดในใจไม่กล้าพูดออกมา เมื่อทำความเคารพแล้วก็รีบไปจัดการตามคำสั่ง
หรงจิงเห็นเซียงฉือยิ้ม จึงเอียงศีรษะมองดู เห็นนางก้มหน้าต่ำอย่างขวยเขิน
ไม่รู้เป็นไปตั้งแต่เมื่อไรที่หรงจิงชอบจะใช้ชีวิตอย่างสงบอยู่กับเซียงฉือเช่นนี้ เมื่อก่อนเขายังไม่มีความรู้สึกเช่นนี้ จนกระทั่งเมื่อคืน เขาทิ้งมู่ตาอิ้งแล้วรีบออกไป
ตลอดมาหรงจิงเชื่อถือพลังของหน่วยข่าวกรองมังกรเหินของตน แต่เมื่อคืนกลับคิดจะออกไปดูให้รู้ว่าเป็นใครกันที่บังอาจกล้าลงมือต่อคนของเขาเช่นนี้
ซึ่งไม่ใช่วิธีการทำงานของเขา แต่เพราะว่าเป็นเซียงฉือ เขาจึงยิ่งไม่อาจวางใจได้
หรงจิงนั่งอยู่ข้างๆ เซียงฉือ มองดูนางแล้วพูดว่า
“ข้าให้คนไปตามซู่เวิ่นกลับมาแล้ว สุขภาพของเจ้าต่อไปก็ให้นางเป็นคนดูแลเพียงผู้เดียว สวีฝูเพราะความแค้นเคืองจากเรื่องในตำหนักเจิ้งหยางครั้งก่อนจึงได้วางยาพิษเจ้า ดีที่รู้ตัวได้ทันการ แต่เจ้าก็อย่าได้กังวลเกินไปนัก”
พลันเซียงฉือนึกขึ้นได้ถึงวันที่องค์หญิงหมิงอวี้จะออกจากวัง นางอ้ำๆ อึ้งๆ แล้วบอกแก่นางว่า
‘ระวังโหรวผินให้ดี มีคนจะทำร้ายเจ้า’
เซียงฉือคิดแล้วร่างกายหนาวเย็นขึ้นมา วันเวลาเช่นนี้นางไม่เคยคิดถึงมาก่อน โหรวผิน สตรีที่อ่อนโยนมีแต่รักโดยเฉพาะกับฝ่าบาทที่มิตรภาพของนางยิ่งลึกซึ้ง จะลงมือทำร้ายคนได้อย่างไร
เซียงฉือส่ายหน้าไม่กล้าคิดต่อ เพียงยิ้มน้อยๆ พูดกับหรงจิง
“ในเมื่อขจัดภัยร้ายได้แล้ว หม่อมฉันก็สามารถถวายการรับใช้ฝ่าบาทต่อไปได้อีก ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ หม่อมฉันได้เพิ่มความยุ่งยากให้ฝ่าบาทอีกไม่น้อย ฝ่าบาททรงดูแลเอ็นดูสงสาร หม่อมฉันซาบซึ้ง…”
ทุกครั้งเซียงฉือจะเกิดความซาบซึ้งใจต่อหรงจิงอย่างมาก แต่พูดคำพูดยิ่งกว่านี้ไม่ออก ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเรื่องน่าประหลาดใจอะไร ในเมื่อนางเป็นเจ้าตัวปัญหาตัวน้อย ทั้งยังฐานะเล็กจ้อยพูดจาไร้น้ำหนัก ไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณอย่างไร
“ต่อไปไม่ต้องมาซาบซึ้งอะไรข้าเช่นนี้อีก ข้าเคยบอกแล้วว่าเจ้าเป็นคนของข้า จะไม่ยอมให้ใครมารังแกเจ้า”
เซียงฉือตื้นตันใจอย่างแท้จริง ดวงตาถึงกับมีน้ำตารื้นขึ้นมา หรงจิงเห็นแล้วทนไม่ได้จึงลุกขึ้นเดินออกไป
“วันนี้ซู่เวิ่นก็จะกลับวังแล้ว ให้นางตรวจดูเจ้าให้ดี เดี๋ยวเป็นโน่นนี่ ทำให้คนเป็นห่วงเสียอย่างนั้น ต่อไปไม่อนุญาตให้เจ้าเป็นแบบนี้อีก และครั้งนี้เมื่อหายป่วยแล้วก็ห้ามเกียจคร้าน ข้าจะฝึกสอนวิทยายุทธ์ให้เจ้าเอง ตกลงตามนี้นะ”
หรงจิงพูดจบก็เข้าไปแปรงฟันล้างหน้าที่ห้องด้านใน เซียงฉือยังคงอยู่ที่เดิม นึกสงสารตนเองขึ้นมาบ้าง
“เพิ่งจะซาบซึ้งใจ ท่านก็จะมาเพิ่มความกดดันให้แล้ว จะมีก็เพียงฝ่าบาทกับหรงจิงนี่แหละที่คบหาด้วยยากจริงๆ”
เซียงฉือคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฝ่าบาทกับหรงจิงไม่ใช่คนเดียวกันหรอกหรือ จึงหัวเราะพรืดออกมา เป็นจังหวะเดียวกับที่หรงจิงเดินออกมาจากข้างในพอดี จึงได้เห็นรอยยิ้มปานบุปผาของเซียงฉือ ริมฝีปากจึงแย้มขึ้นน้อยๆ รอยยิ้มสดใส
เซียงฉือลุกขึ้นช่วยฮ่องเต้สวมเครื่องทรง วันนี้เป็นวันประชุมใหญ่ราชสำนัก ดังนั้นจึงต้องสวมศิราภรณ์หยก ประกอบด้วยเม็ดหยกขาวห้อยระย้าสิบสองสาย ช่วยเก็บซ่อนใบหน้าเคร่งขรึมของหรงจิง ให้แลดูลึกลับยิ่งขึ้น
จักรพรรดิแท้จริงควรเป็นเช่นนี้ ต้องอยู่สูงส่งห่างไกลเกินใครจะเอื้อม แต่เซียงฉือกลับได้อยู่ข้างหรงจิงทุกวัน ไม่รู้ว่าเป็นวาสนาเช่นไรจึงเป็นไปได้เช่นนี้