ตอนที่ 536 เซียงฉือทูลขอสาวใช้
หรงจิงฟังแล้วยิ่งกอดนางในอ้อมกอดแนบแน่น เซียงฉือผลักออกเบาๆ แล้วนั่งอยู่ข้างๆ หรงจิง ก้มหน้าก้มตาพูดว่า
“ถ้าหากหม่อมฉันเป็นสตรีฝ่ายในแล้วเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ย่อมหวังที่จะให้ฝ่าบาททรงเป็นที่พึ่งให้หม่อมฉัน สตรีคนใดบ้างที่ไม่อาศัยสามีตนเพื่อความอยู่รอด”
“แต่หม่อมฉันเป็นข้าราชสำนักสตรี อยู่ช่วยฝ่าบาททำราชกิจ เห็นฝ่าบาททรงเหน็ดเหนื่อยเพื่อประชาชนทุกวันเช่นนี้ก็รู้สึกปวดใจ จะทนเห็นฝ่าบาททรงทำให้ฝ่ายหน้าสั่นสะเทือนด้วยเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ได้อย่างไร จะทำให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ที่ฝ่ายหน้า ซึ่งจะทำให้ฝ่าบาททรงลำบากพระทัย”
คำพูดทุกคำของเซียงฉือประทับลงบนใจของหรงจิง ซึ่งเป็นจุดที่หรงจิงชื่นชมเซียงฉือ นางไม่ได้มองเพียงฝ่ายใน แต่นางมองไปถึงแผ่นดินของเขาด้วย
การตรวจรายงานของนางแม่นยำและมีประสิทธิภาพขึ้นทุกวัน นางฉลาดปราดเปรื่องและเข้าใจส่วนรวม ทำให้หรงจิงรู้สึกว่านางมีเสน่ห์ชวนหลงใหลที่สุด
หรงจิงฟังแล้วพยักหน้าตาม เขาลูบหลังมือนางเบาๆ สัมผัสถึงความขาวลื่นนุ่มนวลของผิวพรรณ
“แต่ว่าข้าก็ไม่อยากให้เจ้าต้องได้รับความไม่เป็นธรรม”
เซียงฉือฟังคำนั้นแล้วก็ยิ้ม ยืมเอาคำพูดที่สวี่อี้พูดกับนางในวันนั้น พูดกับหรงจิงด้วยท่าทีจริงใจลึกซึ้ง
“ฝ่าบาททรงยินดีก็เป็นความสุขที่สุดของหม่อมฉันแล้วเพคะ ฝ่าบาททรงเป็นสิ่งดีงามที่สุดที่ฟ้าประทานให้แก่หม่อมฉันแล้ว หม่อมฉันไม่บังอาจขอมากเกินควร ขอเพียงฝ่าบาททรงพระเกษมสำราญเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว” หรงจิงกอดนางในอ้อมอก ลูบไล้เส้นผมนางเบาๆ สัมผัสความอบอุ่นจากเรือนร่างของนางอยู่นานจึงพูดว่า
“ข้าได้เจ้ามา นับว่าสวรรค์เปิดตาแล้ว”
เซียงฉืออิงแอบอยู่ในอ้อมอกหรงจิง นางใคร่ครวญมาหลายวันคืน จึงสามารถพูดคำพูดเหล่านี้ออกมาได้อย่างราบเรียบ
หรงจิงยิ่งมองนางก็ยิ่งชื่นชม ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบให้กระจ่าง เพียงคำพูดประโยคเดียวของสวี่อี้ก็ได้เพาะความสงสัยลงในใจหรงจิงแล้ว เซียงฉือเพียงคอยผสมโรงเข้าไปก็สำเร็จ
เซียงฉือไม่ไปตรวจสอบว่าใครที่ทำร้ายนาง แต่ถึงนางจะไม่ตรวจสอบ ในใจหรงจิงก็ได้ทำการตรวจสอบไปแล้ว
เซียงฉือพูดคุยกับหรงจิงเบาๆ แต่จู่ๆ เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ จึงพูดว่า
“ฝ่าบาท จะทรงพระราชทานสาวใช้ให้หม่อมฉันสักคนหนึ่งได้ไหมเพคะ คนรับใช้เดิมถูกสวี่อี้พาตัวไปแล้วยังไม่ได้คืนกลับมา หม่อมฉันพูดเอาชนะนางไม่ได้ ขอฝ่าบาทโปรดประทานให้หม่อมฉันสักคนเถิดเพคะ”
หรงจิงฟังคำพูดเซียงฉือแล้วรู้สึกขำ สาวใช้ยืมไปแล้วมีหรือจะไม่คืน คิดว่าสาวใช้คนนั้นคงทำความผิดอะไร จึงถูกสวี่อี้กักตัวไว้ก็เป็นได้
เซียงฉือเจตนาพูดขอ หรงจิงก็ไม่คิดโต้แย้งนาง จึงพูดยิ้มๆ
“ในเมื่อเจ้าขอกับข้ามีหรือที่ข้าจะไม่ให้ แต่ว่าสวี่อี้จับคนก็จะไม่สนใจว่าเป็นคนของใคร เจ้าจะต้องดูเองให้ดี ครั้งต่อไปข้าจะไม่ให้เจ้าอีกแล้ว”
“เอาแบบนี้ เจ้าไปเลือกคนที่กองบริหารจัดการรวมเอาเอง คนไหนก็ได้ ข้าล้วนอนุญาต”
เซียงฉือฟังคำตอบหรงจิงแล้วก็ยิ้มหวาน พูดกับเขาอย่างเขินๆ ว่า
“หม่อมฉันมีคนที่หมายตาไว้แล้วเพคะ แต่ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะทรงอนุญาตหรือไม่เพคะ”
เซียงฉือพูดเช่นนี้ทำให้หรงจิงต้องเลิกคิ้ว เขามองเซียงฉืออย่างใคร่ครวญ เซียงฉือก้มหน้า ซบบนหัวไหล่หรงจิง พูดยิ้มๆ ว่า
“หม่อมฉันต้องการจะได้นางกำนัลขั้นที่หนึ่งข้างกายจินกุ้ยเฟย หลิ่วจุ้ยเพคะ”
ตอนที่ 537 เรียกนางกลับมาด่วน
เซียงฉือมองหรงจิง หรงจิงก็มองดูนาง สุดท้ายแล้วเพราะเซียงฉือเป็นฝ่ายจูบเขาเอง หรงจิงจึงพยักหน้ายินยอม
“ในเมื่อเจ้าอยากได้ ข้าก็จะให้สวี่อี้หาข้ออ้างนำตัวออกมาจากตำหนักอวี้หยวน ให้ไปเตร่อยู่ในกองคดีสักระยะหนึ่งแล้วค่อยให้นางไปอยู่กับเจ้า รอให้ถึงเวลาที่ข้าแต่งตั้งเจ้าขึ้นเป็นสนมก่อน ว่าอย่างไร”
เซียงฉือได้ยินคำพูดนั้นแล้วใบหน้าแดงเรื่อขึ้น นางผลักหรงจิงแล้วปิดหน้าวิ่งออกไปด้วยความเขินอาย
หรงจิงไม่ได้ติดตามนางไป เขาเรียกซูกงกงเข้ามา
“ไปเรียกข้าราชสำนักสตรีงานอักษรของข้ามานี่ หรือนางคิดจะประท้วงหยุดงาน”
ซูกงกงมองหรงจิงแล้วลอบยิ้ม เมี่อครู่หรงจิงพูดเสียจนคนเขาหนีไปแล้ว ยังจะใช้ให้เขาไปตามกลับมาให้รังแกอีกหรือ
ซูกงกงรับคำแล้วค่อยๆ เดินออกไป เซียงฉือก็ได้ยินคำพูดหรงจิง เมื่อเห็นซูกงกงเข้ามาจึงหันหลังกลับแล้วพูดว่า
“ขอรบกวนกงกงช่วยเดินสักรอบ ช่วยกราบทูลว่าข้าไม่ค่อยสบาย จึงขอทูลลาหยุดงานจากฝ่าบาท”
ซูกงกงฟังแล้วผงกศีรษะ สะบัดแส้ปัดฝุ่นแล้วเดินกลับไป
ถ่ายทอดคำพูดเซียงฉือให้หรงจิงฟังจนหมด หรงจิงเลิกคิ้วพูดขึ้น
“ข้าไม่อนุมัติ ไปเรียกนางกลับมาด่วน มิเช่นนั้นจะถือว่าขาดงาน”
ซูกงกงจึงออกจากประตูตำหนักฉินเจิ้งไปเปิดประตูเล็กหนิงอวี้เก๋อของเซียงฉืออีกหน เขาถ่ายทอดทั้งคำพูดและน้ำเสียงของหรงจิงต่อเซียงฉืออย่างไม่ตกหล่น
เซียงฉือเชิดปากพูดว่า
“ลำบากซูกงกงแล้ว เช่นนั้นก็ทูลว่าข้าเข้านอนแล้ว ไม่สะดวกลุกไปถวายการรับใช้ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันๆ”
ซูกงกงเลิกคิ้ว เขาเห็นเซียงฉือยังแต่งกายอย่างเรียบร้อยดีอยู่จึงส่ายหน้า แล้วทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้กับเซียงฉือกับหรงจิงต่อไป ขณะที่เซียงฉือกำลังคิดหาคำพูดที่จะพูดต่อนั้นก็มีคนผลักประตูอีก เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าก็แดงเรื่อไปในทันที จึงหลบเข้าไปซุกในผ้าห่ม
หรงจิงเดินออกมาจากตำหนักฉินเจิ้งแล้วตรงเข้าหนิงอวี้เก๋อของเซียงฉือ ซูกงกงจึงถ่ายทอดคำพูดเซียงฉือกับเขา หรงจิงหยุดชะงักชั่วครู่ เมื่ออ่านรายงานในมือจบก็สะบัดมือพูดว่า
“ในเมื่อนางเข้านอนแล้ว ข้าก็จะไปดูเอง”
ซูกงกงรู้สึกเขินกับคำพูดหรงจิง แต่หรงจิงไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรต้องขัดเขินแม้แต่น้อย จึงผลักประตูหน้าหนิงอวี้เก๋อออกแล้วเดินก้าวยาวไปถึงหน้าเตียงเซียงฉือ เห็นนางห่อตัวอยู่ในผ้าห่มจึงอุ้มนางขยับเข้าไปวางลงตรงด้านในสุดของเตียง ถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกแล้วเตรียมลงนอนข้างๆ เซียงฉือ
เซียงฉือลุกขึ้นมองหรงจิง ดวงตาคู่โตสุกใส หรงจิงเห็นนางแล้วจึงเข้าไปใกล้
“ข้ามาดูว่าเซียงฉือของข้านอนหลับแล้วหรือยัง”
ซียงฉือเห็นเขาถอดชุดออกแล้วก็รู้สึกตึงเครียดขึ้นมา นางถดร่นถอยไป ไม่กล้าเข้าใกล้หรงจิง
หรงจิงไม่สนใจว่านางจะเป็นอย่างไร กอดนางไว้แนบอกแล้วตนเองก็ขึ้นไปบนเตียงเซียงฉือ
เซียงฉือไม่กล้าขยับ หรงจิงกลับยิ่งย่ามใจ
โคมไฟดอกท้อเปล่งแสงน่าดึงดูดใจ เซียงฉือไม่กล้าเอนตัวลงนอน นางมองดูหรงจิงดัวยใจกระสับกระส่ายราวมีกระต่ายน้อยวิ่งพล่านชน
“ฝ่าบาท ทูลเชิญเสด็จกลับไปบรรทมยังแท่นบรรทมฝ่าบาทเถิดเพคะ หม่อมฉันเป็นข้าราชสำนักสตรี ไม่อาจถวายงานบรรทมกับฝ่าบาทเพคะ”
หรงจิงที่หลับตาอยู่จึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นน้อยๆ เขาเหลือบมองเซียงฉือแล้วพูดว่า
“ข้ามาที่นี่เพียงเพื่อจะมาเสพสุขบนเตียงหยกอุ่นที่ชาวหูโจวถวายให้สักหน่อย ที่แท้เจ้าคิดอยากถวายงานบรรทมหรอกหรือนี่”
เซียงฉือหน้าแดงร้อนผะผ่าวเมื่อได้ยิน นางรู้สึกโกรธจึงใช้กำปั้นทุบเบาๆ ไปบนตัวหรงจิง
หรงจิงหัวเราะจับมือไว้แล้วดึงนางเข้าสู่อ้อมกอด