บุปผาเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 226

ตอนที่ 226 วาสนาพานพบ 

 

 

เซียงฉือได้ยินคำพูดของหรงจิง เกิดรู้สึกมีความสุขจึงพูดขึ้น 

 

 

“ก็ไปสอบมาแล้วล่ะ และข้ายังผ่านการสอบรอบแรกมาได้ด้วย พูดจริงๆ นะ ข้าควรจะฉลองสักหน่อย ในเมื่อได้พบกับท่าน เช่นนั้นก็นั่งคุยกันสักหน่อย เพราะข้าอารมณ์ดี!” 

 

 

เซียงฉือเอียงศีรษะมองดูอาหารที่ด้านข้างพวกนั้นอย่างรู้สึกสุขใจ 

 

 

หรงจิงมองตามสายตานาง เขารู้สึกดีใจเช่นกันจึงเดินตรงเข้าไป เซียงฉือก็ไม่เกรงใจ 

 

 

“ที่นี่เป็นที่พักผ่อนของท่านหรือ ดูออกจะไกลหูไกลตาไปหน่อย ทั้งเรือนนี้ถึงจะดูผิดที่ผิดทางไปแต่การตกแต่งล้วนคัดเลือกอย่างพิถีพิถัน โดยเฉพาะหน้าต่างบานนั้น พอผลักออกไปก็เห็นต้นอิง[1]บานสะพรั่ง ข้างล่างเป็นแอ่งน้ำแร่ร้อน เป็นที่ที่วิเศษจริงๆ” 

 

 

เซียงฉือมองและวิพากษ์วิจารณ์ไปรอบทิศโดยที่หรงจิงไม่ขัดคอ ทั้งยังมองตามสายตานางไปทุกแห่ง 

 

 

ตรงนี้เคยเป็นที่พักอาศัย แต่เพราะตั้งอยู่ห่างไกลโดยเฉพาะห่างจากตำหนักเจิ้งหยางของฮ่องเต้อย่างยิ่ง พวกสนมนางในที่มีความสามารถถึงจะรู้สึกว่าที่นี่ไม่เลวเลย แต่ก็ไม่เลือกใช้เป็นที่อยู่ 

 

 

แต่หรงจิงชอบความสุขสงบของที่นี่ จึงใช้เป็นสถานที่ดื่มสุราดีดพิณพักผ่อนหย่อนใจ คิดไม่ถึงว่าจะได้มาพบคนรู้ใจเข้าเช่นนี้ 

 

 

“เจ้าก็ชอบที่นี่หรือ ช่างหายากยิ่ง” 

 

 

หรงจิงนั่งลงตามสบายบนที่นั่งผ้าต่วนกำมะหยี่ดิ้นทองหนาๆ มองดูเซียงฉือที่มองดูรอบด้านด้วยความสนใจ 

 

 

เซียงฉือได้ยินที่เขาพูด นางเพียงแต่หัวเราะหึหึ 

 

 

นางหยุดสายตาลงที่พิณโบราณ พิณโบราณปี้หวงคันนี้อยู่ข้างกายเขามานานปี เขาใช้จนชินมือจึงมักจะวางไว้ในนี้ พอเบื่อขึ้นมาก็จะบรรเลงสักเพลง 

 

 

เซียงฉือเดินไปข้างพิณโบราณแล้วนั่งคุกเข่า สายตาที่มองดูพิณโบราณนั้นแผ่ซ่านความลุ่มหลง 

 

 

“หรือว่านี่จะเป็นปี้หวง?” 

 

 

“วันนี้ได้เปิดหูเปิดตาแล้วจริงๆ หรงฉู่ พิณโบราณของท่านนี้ใช่ปี้หวงหรือไม่” 

 

 

เซียงฉืออดใจไม่ไหวยื่นนิ้วออกไปสัมผัสเส้นสายหนึ่งเบาๆ เสียงทุ้มเปี่ยมพลังดังขึ้น นางจึงรู้ว่าต้องเป็นปี้หวงอย่างไม่ต้องสงสัย 

 

 

หรงจิงเห็นนางชื่นชอบออกจากใจเช่นนั้นจึงไม่ขัดจังหวะ ยิ้มน้อยๆ แล้วพูดขึ้น 

 

 

“สายตาเจ้าแหลมคมมาก สมบัติที่มีค่าที่สุดในหอทิงเฟิงนี้ก็คือเจ้านี่นี่แหละ” 

 

 

หรงจิงจงใจจะหยอกล้อเซียงฉือ แต่เห็นนางปล่อยความคิดทั้งมวลลงไปในพิณโบราณอันนั้นจึงปล่อยเลยตามเลย 

 

 

“ดีดเป็นไหม” 

 

 

พิณโบราณปี้หวงต่างจากพิณโบราณทั่วไป  พิณโบราณทั่วไปจะมีห้าสาย ไล่เสียงจากกง ซัง เจวี๋ย เวย อวี่[2] ทั้งห้าเสียง แต่พิณโบราณปี้หวงมีเจ็ดสาย นักบรรเลงพิณทั่วไปไม่สามารถดีดได้ ซึ่งเซียงฉือก็น่าจะเป็นหนึ่งในคนพวกนั้น 

 

 

เซียงฉือในตอนนี้เกิดความสนใจขึ้นมา นางชำนาญการดีดพิณแต่ยังไม่เคยดีดปี้หวงมาก่อน นางเคยได้ยินแต่เสียงเล่าขานถึงมัน ซึ่งทำให้นางเกิดความสนใจยิ่ง 

 

 

เป็นเหมือนดั่งความลับที่บังเอิญวันหนึ่งถูกเซียงฉือพบเห็นเข้าอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้คลายความสงสัยตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีลงทันที สภาพจิตใจที่พิชิตความอยากรู้อยากเห็นลงได้เช่นนี้ ทำให้นางเบิกบานใจ 

 

 

พอได้ยินคำพูดของหรงจิง เซียงฉือก็ส่ายศีรษะ 

 

 

“ถึงจะดีดพิณเป็นแต่ก็ยังไม่เคยดีดพิณโบราณปี้หวงมาก่อน ทั้งยังไม่เคยได้ยินเสียงมาก่อนอีกด้วย” 

 

 

เซียงฉือตอบไปโดยที่ไม่ได้หันหน้ากลับ หรงจิงจึงยิ้ม 

 

 

“แล้วเหตุใดเจ้าถึงได้สนใจขนาดนี้ เรา…” 

 

 

หรงจิงพูดแค่นั้นแล้วรีบหยุดชะงัก เขาดื่มมากเกินไปจนเกือบพลั้งปาก 

 

 

แต่ก็รีบเปลี่ยนคำทันที 

 

 

“แล้วยังพาให้ข้าพลอยดีใจเก้อไปด้วย คิดว่าจะได้ฟังเสียงพิณไพเราะเสนาะโสตก้องดังมิวายเสียอีก” 

 

 

เซียงฉือฟังเขาพูดเช่นนั้นก็ไม่ได้โกรธ นางหันหน้าไปหาแล้วเลิกคิ้วเจตนาถามยั่วยุว่า 

 

 

“ในเมื่อฝ่าบาทประทานให้กับท่าน หรือว่าท่านจะดีดเป็น” 

 

 

  

 

 

[1] อิงฮวา (樱花)  คือดอกซากุระ 

 

 

[2] กง (宫) ซัง (商) เจวี๋ย (角) เวย (徵) อวี่(羽) เป็นคำเรียกเสียงการไล่ระดับของโน้ตดนตรีที่แตกต่างกันไปของจีนโดย กงจะเทียบเท่ากับ เสียงโด ซังเทียบเท่ากับ เสียงเร เจวี๋ยเทียบเท่ากับ เสียงมี เวยเทียบเท่ากับ เสียงซอล อวี่เทียบเท่ากับ เสียงลา ในโน้ตดนตรีสากล 

บุปผาเคียงบัลลังก์

บุปผาเคียงบัลลังก์

ครอบครัวตระกูลอวิ๋นต้องโทษทั้งตระกูล บ้านแตกสาแหรกขาด ผู้ชายถูกเนรเทศ ผู้หญิงต้องเข้าวังเพื่อเป็นนางกำนัล แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ อวิ๋นเซียงฉือ ก็ไม่เคยหมดหวัง ชีวิตในวังหลวงแม้เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีแต่นางก็ยังมีเพื่อนที่แสนดีคอยอยู่เคียงข้าง รวมไปถึง หรงฉู่ องครักษ์หนุ่มที่พบกันโดยบังเอิญ เขาคอยช่วยเหลือนางหลายอย่าง และในระหว่างนั้นเองความจริงเรื่องตระกูลของนางก็ค่อยๆ เริ่มปรากฏขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset