บุปผาเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 258 ส่งตัวคน / ตอนที่ 259 คุ้นเคย

ตอนที่ 258 ส่งตัวคน 

 

 

นางตอบกลับไปเพียงประโยคเดียวเท่านั้น 

 

 

“เป็นเพราะฝ่าบาทไม่ทรงโปรด แต่ไรมามีเพียงซูเฟยเท่านั้นที่ได้เป็นพระสนม คนอื่นนอกนั้นกลับเข้ากองราชเลขาทั้งหมดหรือกลับไปในตำแหน่งหน้าที่เดิม ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากนี้” 

 

 

“ส่วนว่าเหตุใดฝ่าบาทจึงทรงให้เปลี่ยนข้าราชสำนักสตรีงานอักษรนั้น บอกได้เพียงว่าหฤทัยราชันย์นั้นสุดหยั่ง ในกองราชเลขาเรามีเพียงใต้เท้าเหอเท่านั้นที่รู้ว่าฝ่าบาททรงคิดอะไรและมีพระประสงค์จะทำสิ่งใด” 

 

 

เซียงซือฟังแล้วก็ทำท่าว่าเข้าใจและคิดจะถามเพิ่มเติม 

 

 

แต่เซียวอวี๋หรงพูดตัดคำพูดของนางขึ้นก่อนว่า 

 

 

“ถ้าเจ้าสนใจก็ไปถามใต้เท้าเหอ เท่าที่ข้ารู้ก็มีเพียงเท่านี้ แต่ถ้าเจ้าไม่ช่วยงานก็ออกไปซะ” 

 

 

เซียงซือจึงได้เลิกสนใจ ขณะเดียวกันเหอจิ่นเซ่อที่ได้รับบัญชาฮ่องเต้ ก็ได้นำเซียงฉือไปยังตำหนักเจิ้งหยาง 

 

 

เซียงฉือใช้เวลานานในการคิดใคร่ครวญไปตลอดทาง ไม่รู้ว่าฝ่าบาทจะมีหน้าตาท่าทางอย่างไร เคยได้ยินหลิ่วจุ้ยบอกกับนางว่า มีครั้งหนึ่งที่ฝ่าบาทเสด็จไปคุยธุระกับกุ้ยเฟย แต่เนื่องจากสถานะต่ำต้อยของนางกำนัลไม่อาจจะมองพระพักตร์ตรงๆ ได้ พวกนางจึงคอยแต่ก้มหน้าไม่กล้าเงยศีรษะมาตั้งแต่ยังเป็นนางกำนัลระดับล่าง 

 

 

นางเคยหลบอยู่ข้างหลังกุ้ยเฟยแล้วแอบเงยหน้ามองฝ่าบาท ก็ได้เห็นบุรุษผู้นั้นสง่างามที่สุดในหล้าจริงๆ นางคิดว่าไม่ว่าสตรีคนใดเห็นเข้าจิตใจย่อมต้องหวั่นไหว 

 

 

ส่วนอวิ๋นเซียงฉือตั้งแต่เข้าวังมาแม้จะมีโอกาสได้พบฝ่าบาทไม่น้อย แต่ว่าหากนางไม่ใช่ยืนอยู่หลังสุดของกลุ่มคน ก็ได้แต่เพียงก้มหน้าจ้องมองปลายนิ้วเท้าของตนเองเท่านั้น 

 

 

ดังนั้นจึงยังไม่เคยได้เห็นพระพักตร์ฝ่าบาทจริงๆ สักครั้ง เมื่อคิดขึ้นแล้วความใคร่รู้จึงถูกกระตุ้นขึ้น 

 

 

พอเดินเข้าตำหนักเจิ้งหยางเซียงฉือเริ่มตื่นเต้น แต่ก็เพียงไม่นาน 

 

 

ซูกงกงอยู่ในตำหนัก ทำหน้าที่กำกับคนรับใช้ทั้งหลายให้ปัดกวาดเช็ดถูตามจุดต่างๆ 

 

 

ส่วนตัวเขานั่งเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้มีพนักในโถงด้านข้างอย่างเกียจคร้าน อาศัยโอกาสนี้ว่างเสียครึ่งวัน 

 

 

ฝ่าบาทเพิ่งจะเสด็จออกไปหาเหลียนชินอ๋องเพื่อเดินหมาก เป็นเวลาที่พระองค์ไม่ต้องการผู้ติดตามมากโดยเฉพาะการนำเหล่าขุนนางไปด้วย การเสด็จออกนอกวังในวันนี้ ประการแรกอ้างเรื่องเดินหมากกับเหลียนชินอ๋อง ก็เพื่อจะออกไปเที่ยวหาความสำราญ หากพาขบวนซูกงกงไปด้วยดูออกจะเอิกเกริกเกินไป อีกทั้งขันทีก็ไม่ใช่บุรุษ ถึงจะปิดบังได้ แต่อย่างไรก็เป็นที่สะดุดตาผู้คนอยู่ดี 

 

 

ประการที่สอง การหาข้ออ้างหนีออกไปเที่ยวของฝ่าบาทเช่นนี้ ถือเป็นการให้ตนเองได้หยุดงาน 

 

 

แต่ไม่คิดว่าเหอจิ่นเซ่อจะพาเซียงฉือมาในเวลานี้ 

 

 

“อ้าว ใต้เท้าเหอสบายดีนะท่าน เหตุใดจึงได้มาตำหนักเจิ้งหยางในเวลานี้ ฝ่าบาทเสด็จไปเดินหมากกับเหลียนชินอ๋องแล้ว สายหน่อยจึงจะเสด็จกลับน่ะ” 

 

 

ซูกงกงเมื่อเห็นเหอจิ่นเซ่อเดินเข้ามาก็ม้วนตัวลุกขึ้นแล้วรีบเดินเข้าไปรับหน้าอย่างสนิทสนม 

 

 

เซียงฉือยืนอยู่ข้างหลังเหอจิ่นเซ่อ นางผงกศีรษะทำความเคารพซูกงกง 

 

 

“วันนี้ข้าราชสำนักสตรีคนใหม่เข้ามารายงานตัว ฝ่าบาทเร่งเร้าข้ามาตลอดให้หาข้าราชสำนักสตรีที่มีความสามารถ ดังนั้นตอนนี้ข้าจึงได้พานางมาถวาย” 

 

 

“ในเมื่อฝ่าบาทไม่อยู่ เช่นนั้นก็ต้องฝากคนไว้กับซูกงกงแล้ว รอฝ่าบาทเสด็จกลับแล้วค่อยกราบทูลให้ทรงทราบก็แล้วกัน” 

 

 

เหอจิ่นเซ่อไม่ห่วงอะไรเซียงฉือ ถึงตำหนักเจิ้งหยางจะเป็นที่ทรงงานของฮ่องเต้ แต่เวลาพิเศษที่มากกว่านั้นคือการกลับไปพบปะสนมนางในที่วังหลัง ส่วนในวันที่ไม่เข้าวังหลัง ก็จะให้เกี้ยวไปหามสนมนางในเข้าไปในตำหนักหลังของตำหนักเจิ้งหยาง 

 

 

ซูกงกงไม่รู้สึกแปลกใจกับคำพูดของใต้เท้าเหอ เมื่อส่งคนมาแล้วก็ต้องให้อยู่ในตำหนักเจิ้งหยาง 

 

 

จะต้องจัดเตรียมที่ทางให้พักก่อนจึงจะกลับมาทำงานต่อ ซูกงกงฟังและรับคำเหอจิ่นเซ่อ เมื่อส่งนางออกไปแล้วจึงมาพิจารณาเซียงฉือ 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 259 คุ้นเคย 

 

 

ซูกงกงเผชิญหน้าและสบตากับเซียงฉือ สายตาของทั้งสองประสานกัน แล้วซูกงกงก็ก้มหน้าหัวเราะเบาๆ 

 

 

เขาขยับกายสองก้าว เดินนำเซียงฉือเข้าไปด้านใน 

 

 

“ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นแม่นางเซียงฉือที่มาเป็นข้าราชสำนักสตรีงานอักษร ช่างเป็นวาสนาจริงๆ” 

 

 

ซูกงกงหัวเราะเบาๆ และพูดไปด้วย สำรวจมองเซียงฉือตลอดร่างก็ว่าเรียบร้อยดี เขาไม่ใช่คนจู้จี้ชอบหาเรื่อง แต่เป็นคนที่อยู่ในวังนี้อย่างกลมกลืนและดีกับนางกำนัลขันทีทั้งหลายในตำหนักต่างๆ 

 

 

“เซียงฉือคารวะกงกง ข้าเป็นคนใหม่ขอให้กงกงช่วยชี้แนะให้มาก ของขวัญเล็กน้อยไม่มีค่านี้ กงกงโปรดรับไว้ด้วยเถิด” 

 

 

เซียงฉือส่งถุงสีทองในมือไปให้ อยู่ในวังนานเข้าย่อมเข้าใจเรื่องราวต่างๆ ได้ดี การปฏิบัติต่อสตรีที่หยิ่งทะนงอย่างเหอจิ่นเซ่อนั้นต้องใช้ใจ หากมอบของธรรมดาพื้นๆ พวกนี้แก่นาง มีแต่จะทำให้นางรำคาญใจและดูถูกเหยียดหยาม 

 

 

แต่สำหรับมนุษย์ในโลกอย่างซูกงกงนี้ ยังคงเป็นทองที่จะใช้ได้คล่องกว่า 

 

 

ซูกงกงแม้ไม่ใช่คนละโมบ แต่ในเมื่อเข้ามาในตำหนักเจิ้งหยางแล้ว และเขาก็เป็นพวกหัวแถว การฝากเนื้อฝากตัวจึงย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยง 

 

 

เขาก็ไม่ได้เกรงใจ ยิ้มและรับเก็บเข้าไว้ในแขนเสื้อ 

 

 

“แม่นางอวิ๋นรู้ธรรมเนียมดีจริง ข้าละโมบแล้ว” 

 

 

ซูกงกงปฏิบัติต่อเซียงฉือในวันนี้ต่างจากที่ผ่านมา มีความเกรงใจมากขึ้น รอยยิ้มบนใบหน้าก็กว้างขึ้นด้วย 

 

 

“ซูกงกงเกรงใจเกินไปแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ข้าควรทำ มาถึงที่นี่แล้วยังมีเรื่องที่ไม่รู้อีกมาก ล้วนต้องขอให้ซูกงกงช่วยชี้แนะและอุ้มชูช่วยเหลือกันต่อไปในวันหน้า” 

 

 

ถึงแม้เซียงฉือกับซูกงกงต่างทำงานอยู่ในตำหนักเจิ้งหยาง ตำแหน่งของเซียงฉือคือขุนนางงานอักษรขั้นที่เก้า ส่วนซูกงกงถึงจะไม่มียศตำแหน่งทางราชการ แต่เขาเป็นหัวหน้าขันทีของฝ่าบาท รับใช้ข้างกายฝ่าบาทมานานปีและรู้ใจฝ่าบาทที่สุด 

 

 

การที่เซียงฉือมีไมตรีต่อเขาจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร 

 

 

เมื่อหาข้ออ้างให้ตนเองได้แล้ว ทั้งคู่ก็สบตากันยิ้มๆ ในใจซูกงกงตอนนี้รู้สึกว่าหญิงสาวคนนี้ไม่เลวเลยทีเดียว ต่างกับหญิงสาวคนอื่นที่พอมาถึงก็ถามเขาถึงรสนิยมของฝ่าบาท กระสันอยู่แต่คิดเปลื้องผ้าคลานขึ้นแท่นบรรทมในทันใด 

 

 

ส่วนเซียงฉือเป็นคนที่ตั้งใจมาทำงานจริงๆ ทุกการเคลื่อนไหวมีมาดความฉลาดเฉลียวและน่าเกรงขามแบบข้าราชสำนักสตรี เขาผงกศีรษะอยู่ในใจ รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งเจิดจ้า 

 

 

“ในเมื่อแม่นางเซียงฉือเอ่ยปากออกมาแล้วเช่นนี้ ข้าเองก็สนิทกับใต้เท้าเหออยู่บ้าง ย่อมต้องแนะนำบอกกล่าวให้หมดเปลือก แม่นางเซียงฉือตามข้ามา” 

 

 

ข้าราชสำนักสตรีงานอักษรที่เซียงฉือจะเป็นนี้เป็นตำแหน่งงานสำคัญ เพราะขันทีในวังส่วนใหญ่เข้าวังมาตั้งแต่เล็ก มีการฝึกวิทยายุทธบ้าง แต่หนังสือนั้นรู้กันเพียงไม่กี่ตัว สิ่งสำคัญเพื่อเป็นการป้องกันการติดต่อเอื้อประโยชน์กันของขันทีกับขุนนางฝ่ายนอก 

 

 

ส่วนข้าราชสำนักสตรีนั้นต่างกัน เมื่อเข้าวังมาเป็นข้าราชสำนักสตรีแล้ว นอกจากขอลาออกจากขุนนางหรือฝ่าบาทพระราชทานการสมรสให้ มิเช่นนั้นไม่อาจออกจากวังได้ชั่วชีวิต 

 

 

ตามธรรมเนียมปฏิบัติ ข้าราชสำนักสตรีก็เป็นสตรีในวังหลังของฝ่าบาท หากได้ถวายตัวก็จะกลายเป็นพระสนม ดังนั้นพวกนางจึงเป็นสตรีของฝ่าบาททั้งสิ้น 

 

 

ข้าราชสำนักสตรีงานอักษรต้องติดตามรับใช้ฝ่าบาท ช่วยงานด้านคัดลอกร่างเอกสาร ช่วยตรวจสอบสำนวน ปฏิบัติงานตามคำสั่งให้เสร็จสิ้น และในบางกรณีก็ต้องร่วมบรรทมกับฝ่าบาท 

 

 

เรื่องพวกนี้แม้เซียงฉือจะเข้าใจแจ่มแจ้ง แต่ในเมื่อนางได้เลือกเส้นทางเดินเช่นนี้แล้ว ย่อมไม่อาจสำนึกเสียใจได้ 

 

 

ตำหนักเจิ้งหยางแบ่งออกเป็นตำหนักหน้าและตำหนักหลัง ตำหนักหน้านั้นเพื่อพบปะขุนนางราชสำนัก ส่วนตำหนักหลังจะเป็นของบรรดาสนมนางใน ตำแหน่งของเซียงฉือจึงอยู่ระหว่างกลาง เมื่อเดินไปถึงห้องนอนของเซียงฉือ ซูกงกงจึงชี้ให้ดูก็เห็นเรือนเดี่ยวเล็กๆ ประตูเดียว 

 

 

“ซูกงกง ที่นี่เป็นห้องพักของข้าหรือ” 

บุปผาเคียงบัลลังก์

บุปผาเคียงบัลลังก์

ครอบครัวตระกูลอวิ๋นต้องโทษทั้งตระกูล บ้านแตกสาแหรกขาด ผู้ชายถูกเนรเทศ ผู้หญิงต้องเข้าวังเพื่อเป็นนางกำนัล แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ อวิ๋นเซียงฉือ ก็ไม่เคยหมดหวัง ชีวิตในวังหลวงแม้เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีแต่นางก็ยังมีเพื่อนที่แสนดีคอยอยู่เคียงข้าง รวมไปถึง หรงฉู่ องครักษ์หนุ่มที่พบกันโดยบังเอิญ เขาคอยช่วยเหลือนางหลายอย่าง และในระหว่างนั้นเองความจริงเรื่องตระกูลของนางก็ค่อยๆ เริ่มปรากฏขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset